สิ่งสำคัญที่ทำให้ลอรีอัล กรุ๊ปเป็นบริษัทความงามชั้นนำระดับโลกและได้รับการยอมรับมายาวนานกว่า 110 ปี
ไม่ใช่เพียงความสำเร็จทางธุรกิจ คุณภาพสินค้า และความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนศักยภาพของผู้หญิงให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงคุณค่าอันคู่ควร แต่มากไปกว่านั้น ลอรีอัล กรุ๊ปยังตั้งใจขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน ผ่านการปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการเพื่อสนับสนุนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วยอย่างเต็มที่
ลอรีอัล กรุ๊ป เป็นบริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในประเทศไทย มีแบรนด์ความงามในเครือ 15 แบรนด์ และมีจุดมุ่งหมายในการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก (CREATE THE BEAUTY THAT MOVES THE WORLD) ด้วยการให้ความสำคัญกับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพนักงาน ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงพันธมิตรทางธุรกิจ
หลักการสำคัญที่ลอรีอัล กรุ๊ปยึดมั่นคือการเคารพความหลากหลาย ความเท่าเทียม และความไม่แบ่งแยก (Diversity, Equity & Inclusion) ผ่านการให้ความเท่าเทียมกับพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และทุกๆ คนด้วยความเสมอภาค และไม่แบ่งแยก ดูแลพนักงานรุ่นใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีในองค์กรกว่า 13,000 คน สร้างโอกาสในการทำงานและเรียนรู้กว่า 25,000 โอกาสให้แก่คนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 30 ปีในทุกๆ ปี โดยในปี 2022 ได้เปิดโอกาสให้คนกว่า 85,000 คน มีงานทำ ผ่านโครงการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่แบ่งแยก ในขณะเดียวกันก็ผลักดันให้พันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของสังคมอีกด้วยเช่นกัน
ความงามที่ขับเคลื่อนโลกด้วยผู้คน
เพราะสังคมจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อเราโอบรับกันและพัฒนาสังคมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน และเปิดโอกาสให้ทุกๆ คนอย่างเท่าเทียม ลอรีอัล กรุ๊ปจึงมีโครงการทางสังคมที่สนับสนุนกลุ่มคนที่ต้องการโอกาสโดยเฉพาะผู้หญิงอย่างต่อเนื่องและจริงจัง นับจนถึงปี 2022 ที่ผ่านมาลอรีอัลได้ส่งต่อพลังให้แก่ผู้หญิงแล้วกว่า 1,200,000 คน ผ่านหลากหลายวิธีการ อาทิ L’Oréal Fund for Women กองทุนสนับสนุนสตรีกลุ่มเปราะบางและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการระบาดของ COVID-19
อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจคือ ทุนวิจัยลอรีอัลเพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ (For Women in Science) ซึ่งมอบทุนวิจัยให้แก่นักวิจัยหญิงในประเทศไทย ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี ในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ทุนละ 250,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี
แต่ไม่ใช่เพียงการสนับสนุนผู้หญิงเท่านั้น ลอรีอัล กรุ๊ปยึดมั่นในหลัก DE&I (Diversity, Equity, and Inclusion) อย่างสุดพลัง ตั้งใจที่จะสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศให้เกิดขึ้นทุกระดับภายในองค์กร เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQIA+ มากขึ้น ในภาคสังคม แบรนด์ในบริษัทได้ร่วมให้ความรู้ในการต่อต้านความรุนแรงและการคุกคามทางเพศในทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่สนับสนุนกลุ่มเปราะบางอย่างผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Solidarity Sourcing) เปิดโอกาสให้บริษัทที่จ้างคนจากกลุ่มผู้เปราะบางมาร่วมเสนอสินค้าหรือบริการให้กับลอรีอัล เพื่อให้กลุ่มผู้เปราะบางได้มีโอกาสเข้าถึงงานและรายได้ที่ยั่งยืน ไปจนถึงร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ศูนย์ฝึกอาชีพ และสถาบันออกแบบทรงผม ทำโครงการ Beauty For a Better Life สนับสนุนผู้ที่ต้องการโอกาสในการสร้างอาชีพด้วยการจัดอบรมฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ยืนหยัดมั่นคงบนความเป็นไปได้
ลอรีอัล กรุ๊ปเริ่มต้นด้วยการบุกเบิกทางวิทยาศาสตร์ จากวิสัยทัศน์ของ Eugène Shueller นักเคมีอัจฉริยะชาวฝรั่งเศสผู้ก่อตั้งลอรีอัล ซึ่งพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมให้มีทั้งประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ผ่านการทดสอบโดยกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย ทั้งสีผิว สีผม และกลุ่มอายุ ด้วยการทำงานอย่างทุ่มเทของทีมนักวิจัย 4,000 คน ในศูนย์วิจัยกว่า 21 แห่งทั่วโลก กระบวนการทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ลอรีอัลยึดมั่นมาโดยตลอด
ตั้งแต่ปี 2013 ก่อนที่เทรนด์ความสนใจเกี่ยวกับความยั่งยืนจะแพร่ไปทั่วโลกเช่นในทุกวันนี้ ลอรีอัลตัดสินใจทำโครงการเพื่อความยั่งยืนที่มีการตั้งเป้าหมายการทำงานทุกส่วนของบริษัท ให้ความยั่งยืนเข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงระหว่างการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม ปัจจุบันลอรีอัล กรุ๊ปมีโครงการระยะที่ 2 ชื่อ L’Oréal for the Future ที่ตั้งเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets) เพื่อขีดจำกัดความปลอดภัยที่โลกรับไหว (Planetary Boundaries) ซึ่งกำหนดโดยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ทุกแบรนด์ ทุกผลิตภัณฑ์ ทุกการทำงานในเครือของลอรีอัลมีบทบาทร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การทำงานต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ที่ผ่านมาลอรีอัลเดินหน้าลดปริมาณน้ำที่ใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมได้มากถึง 53% โดย 6 โรงงานใช้เทคโนโลยีหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่ ไม่มีการปล่อยทิ้งสู่ธรรมชาติ ภายในปี 2023 ลอรีอัลตั้งเป้าว่าจะสามารถปรับสูตรผลิตภัณฑ์ทั้งหมดให้เป็นมิตรต่อระบบนิเวศน้ำทั่วโลก และมองไกลไปถึงการคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการสระผมหรือล้างเครื่องสำอาง ให้ช่วยลดการใช้น้ำลงได้ 25% ส่วนการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตสินค้า ลดลงไปได้ถึง 91% แต่เพิ่มอัตราการผลิตสินค้าได้มากขึ้นถึง 45% จากการทำงานโครงการในระยะที่ 1 โดยใช้วิธีการ 2 แนวทางควบคู่กัน นั่นคือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงาน และศูนย์กระจายสินค้า โดยใช้พลังงานหมุนเวียน และปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ในปี 2022 ลอรีอัลมีอาคารที่เป็นกลางทางคาร์บอน 110 แห่ง ซึ่งใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
ช่วงเวลานับร้อยปีที่ผ่านมายาวนานเพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจส่งมอบพลังให้แก่โลกใบนี้ของลอรีอัล ซึ่งไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมความงามเช่นเดียวกับไม่เคยหยุดการพัฒนา “ผู้คน” โดยขับเคลื่อนธุรกิจบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ด้วยความเข้าใจและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อทะนุถนอมความงดงามของโลกใบนี้ต่อไปอีกนานเท่านาน