ในประเทศไทยมีคลินิกศัลยกรรมความงามอยู่แทบนับนิ้วไม่ถ้วน
ยุคที่การดูแลตัวเองให้มีรูปลักษณ์ชื่นตาชื่นใจภายใต้ปลายเข็มหรือคมมีดกลายเป็นเรื่องปกติ การอ่านรีวิวเปรียบเทียบผลงานของแพทย์ด้านความงามเพื่อหาคนที่มีฝีมือถูกใจจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญตามไปด้วย ทว่าเคยสงสัยหรือไม่ว่าก่อนที่จะถูกหล่อหลอมจนสามารถปรับแก้รูปทรงบนใบหน้าคนคนหนึ่งได้ ฝ่ามือที่ใช้ลงมีดผ่าตัดนั้นเคยผ่านอะไรมาบ้าง ก่อนที่จะสามารถให้คำปรึกษาที่ถูกต้องได้ดังใจ ชีวิตของแพทย์ด้านความงามนั้นมีความเป็นมาแบบไหน
เพื่อทำความเข้าใจกับความคิดของผู้ยืนอยู่หลังม่านผืนนั้นให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เราจึงขอก้าวตามเข้าหลังฉากเพื่อพูดคุยกับคุณหมอรวงข้าว แพทย์หญิง ณัฐฐามณี สิริภคพันธ์ แห่ง Lovely Eye & Skin Clinic ผู้เป็นทั้งจักษุแพทย์และแพทย์เสริมความงามผู้อยู่เบื้องหลังดวงตาคู่สวยนับไม่ถ้วน และผู้บุกเบิกการผ่าตัดตาสองชั้นแบบเปิดหัวตาในประเทศไทย
มองเรื่องราวผ่านดวงตา
ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นหมอศัลยกรรมด้านดวงตาดังเช่นทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งคุณหมอรวงข้าวเคยเป็นจักษุแพทย์มาก่อน “หมอเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่เฉยๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว คือจะชอบแบบดัดแปลงหยิบจับอะไรมาประดิษฐ์ประดอยอยู่เสมอ” แม้จะเลือกเดินในเส้นทางสายแพทยศาสตร์ตามที่ทางบ้านต้องการแต่ด้วยความชอบในงานฝีมือ ทำให้เธอเลือกสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะชิ้นเล็กๆ แสนละเอียดลอออย่างดวงตา การทำงานสั่งสมประสบการณ์เป็นระยะเวลาหลายปีนอกจากจะช่วยเพิ่มความชำนาญในสาขาอาชีพแล้วยังทำให้เธอได้เรียนรู้อีกด้วยว่า ภายใต้คมมีดของผู้เป็นหมอแล้วนอกจากการรักษาโรคภัยไข้เจ็บยังสามารถช่วยคืนความสวยงามให้กับดวงตาของผู้คนได้อีกด้วย
ดังนั้นในขณะที่ทำงานเป็นจักษุแพทย์ในโรงพยาบาลตามปกติทั่วไป ในเวลาว่างเธอจึงได้เริ่มศึกษาวิชาการศัลยกรรมดวงตาจากแพทย์อาวุโสที่เป็นทั้งญาติห่างๆ “ช่วงที่เราเรียนจบอาจารย์ท่านนี้ก็มาสอนเราทำตาสองชั้นด้วยเทคนิคที่เขาทำให้เราค่ะ เป็นเทคนิคที่เขาพยายามสั่งสมมาตลอดชีวิตการทำงานของเขา เพราะว่าเขาเกษียณแล้วก็เลยมุ่งมั่นอยากจะให้เราสืบทอดวิชา” และอาจารย์ท่านเดียวกันนี้เองก็คือผู้ลงมีดผ่าตัดตาสองชั้นให้กับคุณหมอรวงข้าวในวัย 18 เป็นคนที่ชักนำให้เธอรู้จักกับโลกของการแก้ไขจุดบกพร่องเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง เพราะมีประสบการณ์ตรงมาก่อนเช่นนี้นี่เองจึงทำให้คุณหมอเข้าใจถึงความรู้สึก ความคาดหวังในฐานะคนไข้ได้เป็นอย่างดี
มองฝีมือผ่านประสบการณ์ที่สั่งสม
คนทั่วไปเมื่อเรียนรู้อะไรสักอย่างจนชำนาญก็อาจเลือกที่จะหยุดนิ่งตักตวงช่วงเวลาแห่งความพึงพอใจอยู่กับที่ แต่สำหรับหมอรวงข้าวแล้วความกระหายใคร่รู้เพื่อความรู้ที่กว้างกว่าผลักดันให้เธอตัดสินใจบินไปเรียนเทคนิคเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ “ช่วงนั้นเทรนด์เกาหลีกำลังมาแรงก็เลยรู้สึกว่าเราน่าจะต้องไปศึกษาเพิ่มที่เกาหลี เพื่อที่จะได้รู้ว่ามันมีเทคนิคอะไรที่จะมาอัปเดต หรือว่าเอามาประยุกต์ใช้กับงานที่เราทำอยู่ ทำให้เราได้เทคนิคเรื่องการเปิดหัวและหางตาซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีที่ไหนทำ เราจึงเอากลับมาปรับให้เข้ากับคนไทย”
การผ่าตัดเปิดหัวตานั้นเป็นงานที่เรียกว่าไม่ง่ายเลยเพราะต้องทำงานกับพื้นที่บริเวณเล็กๆ โดยเฉพาะตาของคนไทยที่มีเนื้อตาค่อนข้างเยอะ ประสบการณ์ในฐานะจักษุแพทย์ที่ถูกปลูกฝังในเรื่องของรายละเอียดและความพิถีพิถันใส่ใจจึงกลายเป็นแต้มต่อที่ทำให้การดูแลภายใต้สองมือของคุณหมอรวงข้าวแตกต่างจากที่อื่น “มันไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องการรักษา หรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการทำตาสองชั้นด้วย ไปจนถึงว่าจะดูแลรักษาดวงตายังไงหลังจากนั้น” อดีตจักษุแพทย์ที่ผันตัวมาดูแลด้านศัลยกรรมดวงตาเน้นย้ำ
มองศิลปะผ่านศาสตร์แห่งคมมีด
คุณหมอชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความพิถีพิถัน ใช้สมาธิ และความละเอียดอ่อน ก่อนที่สองมือของคุณหมอรวงข้าวจะหันมาจับคมมีดอย่างเช่นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นงานประดิษฐ์ หรือการเย็บปักถักร้อยก็ล้วนผ่านมือมาแล้วทั้งหมด ยังไม่รวมไปถึงงานอดิเรกอย่างทักษะเปียโนอันเปี่ยมพรสวรรค์ที่เป็นพื้นฐานผลักดันให้หัวใจที่แน่วแน่ในการทำงานสายวิทยาศาสตร์เต้นอย่างเป็นสุขไปพร้อมๆ เสียงของท่วงทำนองที่ชื่นชอบ นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมแนวทางการทำงานของคุณหมอจึงเหมือนการรังสรรค์ผลงานศิลปะมากกว่าการศัลยกรรมตกแต่ง “เรื่องของการผ่าตัดเราจำเป็นต้องเอาศิลปะมาประยุกต์ใช้ด้วย อย่างการออกแบบดวงตาให้เขากับรูปหน้าของแต่ละคน เราต้องประเมินเป็นเคสบายเคสว่าเขาจะต้องทำอะไรบ้าง”
เมื่อผสานเอาเทคนิคฝีมือในการผ่าตัดที่ได้รับการถ่ายทอด ประสบการณ์ในการเป็นจักษุแพทย์เดิม การเรียนรู้อย่างไม่มีหยุดยั้ง รวมเข้ากับสุนทรียะทางศิลปะ ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าการสร้างสรรค์ความงามของดวงตาที่เป็นธรรมชาติอันเป็น Signature ของคุณหมอรวงข้าวคือผลงานที่กลั่นมาจากทุกแง่มุมในชีวิตของแพทย์สาวผู้เชี่ยวชาญด้านความงามคนนี้อย่างแท้จริง
หมอแต่ละคนก็จะมีมุมมองในความสวยงามแตกต่างกัน เหมือนช่างภาพ จิตรกรที่วาดรูป หรือแม้กระทั่งดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบ ทุกสิ่งอย่างมันอาศัยจินตนาการ อาศัยศิลปะที่เป็นตัวตนของแต่ละคน
มองความต้องการผ่านหัวใจ
ในประเทศไทยกระแสความนิยมศัลยกรรมตาสองชั้นนั้นนับได้ว่าอยู่ในอันดับต้นๆ เพราะถือว่าเป็นอวัยวะที่อยู่บนใบหน้าแล้วเห็นชัดเจนที่สุด คนทั่วไปมักคิดว่าคนส่วนใหญ่เลือกศัลยกรรมเพื่อให้ตัวเองมีรูปลักษณ์ที่ดีขึ้น หากแต่คุณหมอรวงข้าวได้แก้ไขความเข้าใจผิดตรงนี้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่คนเลือกจะศัลยกรรมดวงตานั้นมีหลากหลายมาก นอกจากเพื่อความงามแล้วเรื่องของการรักษาก็สำคัญ “บางคนอาจมาเพื่อแก้ไขปัญหาหนังตาตกจนขนตาทิ่มไปในตาดำ บางคนอาจมีเรื่องของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือว่ามีปัญหาเบ้าตาลึกร่วมด้วย บางคนอาจเคยทำมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งอันหลังนี้เป็นปมที่สร้างความทุกข์ใจให้คนไข้มากเพราะไปปรึกษาที่ไหนเขาก็ไม่รับแก้ให้จนถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ เราก็ต้องพยายามช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ ทั้งการผ่าตัดซ้ำและการพูดคุยประคับประคองจิตใจ”
ไม่เพียงแต่แก้ปัญหา การศัลยกรรมดวงตาบางครั้งยังเปลี่ยนชีวิตคนไข้ให้ดีขึ้นทั้งจากภายนอกและภายใน “ประสบการณ์ที่คนไข้เคยเล่าให้ฟังคือเมื่อทำตาแล้วเขามีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น หรือว่าได้ไปทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝันแล้วประสบความสำเร็จ อย่างบางคนอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน หรือบางคนทำธุรกิจ ก็อยากจะให้เรื่องของโหงวเฮ้งบนใบหน้าดีขึ้นเพื่อจะได้ประสบความสำเร็จ” เพราะฉะนั้นการศัลยกรรมดวงตาในมุมมองของคุณหมอจึงไม่ใช่เพียงแค่การปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา แต่ยังเป็นการแก้ไขปมปัญหาบางอย่างในจิตใจของเจ้าของดวงตาอีกด้วย
เราต้องมองว่าเขามีความต้องการยังไง เหมือนมองเข้าไปลึกถึงจิตใจ คนไข้ที่มาทำกับเรา หนึ่งมารักษาเรื่องของดวงตา แล้วก็มารักษาเรื่องจิตใจด้วย
มองความตั้งใจผ่านผลงาน
จากการเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์กว่าค่อนชีวิตในท้ายที่สุดแล้วคุณหมอรวงข้าวก็ได้ถ่ายทอดความเป็นตัวตนและความตั้งใจทั้งหมดออกมาในรูปแบบของ Lovely Eye & Skin Clinic คลินิกศัลยกรรมความงามเฉพาะทางที่มุ่งมั่นดูแลคนไข้ในศาสตร์ที่เจ้าตัวเชี่ยวชาญที่สุด “เรามุ่งมั่นว่าเราจะต้องเป็น specialized ด้านดวงตา คือมุ่งทำตาอย่างเดียว แล้วพัฒนาการทำตาให้ดีที่สุดมากขึ้นเรื่อยๆ” ในขณะที่คลินิกเสริมความงามส่วนใหญ่เลือกที่จะให้บริการด้านความงามครอบจักรวาล แต่คุณหมอกลับเชื่อมั่นว่าการมุ่งเป้าไปในสิ่งที่เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวจะทำให้คนไข้ได้รับสิ่งที่ดีกว่า Lovely Eye & Skin Clinic จึงยืนหนึ่งในการเป็นตัวจริงด้านศัลยกรรมดวงตา และเพิ่มการดูแลผิวพรรณในภายหลังเพื่อตอบโจทย์คนที่อยากดูแลตัวเองไปควบคู่กัน
ความพิเศษประการหนึ่งที่ทำให้ทางคลินิกของคุณหมอแตกต่างจากที่อื่นคือการพัฒนาทีมแพทย์ Lovely Eye Specialist เพื่อให้ได้ทีมผ่าตัดที่ใช้เทคนิคเดียวกัน ตลอดจนมีการตรวจสอบควบคุมคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐานของคุณหมอรวงข้าว “มันเป็นความคิดของคุณหมอว่าอยากให้คนไข้ที่มาทำตาที่ Lovely Eye & Skin Clinic ได้รับการทำตาที่เหมือนกับได้ผ่าตัดกับหมอรวงข้าว เพราะว่าโดยส่วนใหญ่คนไข้จะดูรีวิวมาค่อนข้างเยอะ เขาก็จะคาดหวังว่าอยากให้ตาออกมาเหมือนกับสิ่งที่เขาดูรีวิวในแฟนเพจเรา” ไม่เพียงแต่การเลือกใช้ทีมแพทย์ประสบการณ์สูงที่ได้รับการเทรนในมาตรฐานเดียวกันเท่านั้น ทีมงานที่ใช้ในการดูแลคนไข้หลังการผ่าตัดก็ได้รับการอบรมอย่างเข้มงวดเช่นกัน เพราะคุณหมอทราบดีว่าคนไข้ที่เข้ารับการศัลยกรรมดวงตามักจะมีความกังวลสูง การได้รับการดูแลอย่างใส่ใจตั้งแต่ก่อนศัลยกรรมจนถึงจุดที่หายสนิทเต็มที่จึงเป็นจุดสำคัญที่ทางทีมคำนึงถึง
มองชีวิตผ่านชีวิต
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ชีวิตของคุณหมอรวงข้าวเป็นเหมือนผ้าใบผืนใหญ่ที่ผสมผสานด้วยฝีแปรงหลากหลายเทคนิค ดวงตาของคนเราแม้จะถูกศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขให้สวยงามคล้ายคลึงกันขนาดไหนแต่แววตาที่อยู่ลึกลงไปก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่ไม่อาจเลียนแบบกันได้ เหมือนกับชีวิตของหมอศัลยกรรมที่ถึงแม้จะมีหน้าที่ลงมีดผ่าตัดแก้ไขอวัยวะสำคัญให้กับคนไข้ แต่ประสบการณ์ชีวิตที่หล่อหลอมก็ทำให้มุมมอง ทัศนคติ ไปจนถึงวิธีทำงานของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
สำหรับคุณหมอรวงข้าวแล้วประสบการณ์ในฐานะจักษุแพทย์ ความรู้ที่ได้เก็บเกี่ยว ความชื่นชอบในงานฝีมือ ไปจนถึงความรักในศิลปะได้ขัดเกลาชีวิตของเธอจนเป็นดังเช่นทุกวันนี้ กลายเป็นคุณหมอฝีมือดีที่ทุ่มเทในการดูแลคนไข้ ขณะเดียวกันก็ยังมีพลังเหลือมากพอจะสานต่องานอดิเรกที่รัก ถ้าฝีแปรงของจิตรกรคือเครื่องมือที่ใช้ถ่ายทอดเรื่องราวความคิดลงบนผืนผ้าใบ คมมีดของแพทย์ผู้รังสรรค์ความงามให้ดวงตาก็ก็คือปลายปากกาที่ถ่ายทอดมุมมองชีวิตลงบนหน้าต่างของหัวใจนั่นเอง