อุตสาหกรรมอาหารทุกวันนี้ คือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับด้านปศุสัตว์ ประกอบกับเทรนด์เรื่องสุขภาพที่กำลังมา การบริโภคเนื้อสัตว์จึงกลายเป็นประเด็นที่คนรักสุขภาพและรักสิ่งแวดล้อมกำลังให้ความสนใจ
Plant-based Meat คือนวัตกรรมอาหาร ที่นำพืชผักมาดัดแปลงให้เหมือนกับเนื้อสัตว์จริงๆ ทั้งเนื้อสัมผัส กลิ่น และรสชาติ ที่สร้างความนิยมในหมู่ Meat Lover ให้เปลี่ยนใจมาลองกินผักแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ ซึ่งในตลาดอเมริกาถือว่าประสบความสำเร็จมาสักพักแล้ว เพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องสุขภาพและเรื่องสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันได้
ส่วนในตลาดเมืองไทยเอง Meat Avatar ถือเป็นแพลนต์เบสของไทยแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในขณะนี้ ที่กำลังทำตลาดอย่างจริงจัง The MATTER ชวนไปพูดคุยกับ ภู – วิภู เลิศสุรพิบูล และ นิกส์ – วรุตม์ จันทร์โพธิ์ สองผู้ก่อตั้ง ถึงวิสัยทัศน์และความตั้งใจที่จะสร้างนิยามใหม่ของอาหารเพื่อสุขภาพในไทยและในระดับเอเชีย
อยากให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจธุรกิจ Plant-based meat
ภู: ผมมีโอกาสได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ แล้วได้เห็นว่าแพลนต์เบสกำลังเติบโตในอเมริกา มียอดขายที่ดีขึ้น จนรู้สึกว่าน่าสนใจ หลังกลับมาจากที่อเมริกา ก็มีโอกาสได้ทำงานในบริษัทที่เกี่ยวกับนำเข้าอาหาร แล้วมีโอกาสได้ไปหลายๆ ประเทศ จนได้เห็นเทรนด์ที่โตขึ้นทั่วโลกเช่นกัน เมื่อมีโอกาสได้กลับไปอเมริกาอีกครั้ง ตอนประมาณปี 2015 ได้ลองชิมแพลนต์เบสของแบรนด์ Beyond Meat ที่ดังมาก รู้สึกว่ามันพัฒนาไปมากจากอาหารวีแกนหรืออาหารเจที่เราเคยกินมาก่อน
จริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนกินวีแกน ผมเป็น Meat Lover คนหนึ่งเลย อาจจะดูขัดๆ นิดหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งใน point ที่อยากให้คนเห็นว่า ถึงจะไม่ได้เป็นคนกินวีแกนมาก่อนก็สามารถกินได้ ส่วนมากคนที่กินเนื้อจะไม่ชอบกินผัก แต่พอได้สัมผัสแพลนต์เบสแล้วรสชาติมันเหมือนเนื้อจริงๆ ทำให้คนกินเนื้อทั่วไปก็สามารถที่จะกินได้ จึงรู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมาก
มองเห็นโอกาสอะไร ที่ทำให้เกิด Meat Avatar ขึ้นมา
ภู: เท่าที่สังเกต เทรนด์อาหารในเมืองไทยจะตามต่างประเทศอยู่ 3-5 ปี เป็นเรื่องของการ educate เรื่องของ social media หรือคนที่ไปกินแล้วกลับมาประยุกต์ให้เข้ากับอาหารไทยยังมีน้อย ช่วงนั้นอาหารเจก็ยังเป็นแบบดั้งเดิม ยังมีเทศกาลกินเจอยู่ ตอนแรกคิดว่าอยากจะนำเข้า แต่มีจุดด้อยสำคัญคือราคาจะแพงมาก ราคาของ Beyond Meat ในอเมริกา แพงกว่าเนื้อสัตว์ถึง 2 เท่า แล้วถ้าเรานำเข้ามาก็ยิ่งแพงเข้าไปใหญ่เลย ซึ่งแพงด้วยเทคโนโลยีที่เขาใช้ วัตถุดิบก็มีผล รวมถึงเรื่องภาษีนำเข้า พอนำเข้ามาจะกลายเป็นสินค้า Hi-end กลุ่มลูกค้าที่จับต้องได้ก็จะเป็นกลุ่มบนเท่านั้น
เป้าหมายจริงๆ เราไม่ได้อยากขายของอย่างเดียว แต่เราอยากให้ทุกคนได้สุขภาพที่ดีและช่วยโลกของเรา เพราะฉะนั้นคอนเซปต์คือจะต้องทำราคาให้จับต้องได้มากที่สุด จึงเกิดเป็นโปรเจกต์ Meat Avatar ขึ้นมา ซึ่งการจะทำให้ถูกลงได้คือการผลิตในประเทศไทย ใช้วัตถุดิบของไทย ทำให้ต้นทุนลดลงไปได้เยอะมาก ซึ่งตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า ราคาอาจจะเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์พรีเมียมอยู่ แต่ในอนาคตถ้ามี economy of scale คือถ้าขายได้มากขึ้น เราพัฒนาโรงงานของเราให้รองรับกับตลาดใหญ่ขึ้นได้ ราคาก็ถูกลงได้อีก
มีการทำการตลาดในช่วงแรกอย่างไร เพื่อให้คนรู้จักมากขึ้น
นิกส์: ตอนแรกที่เรามองตลาด จะมองไปที่กลุ่มตลาดคนกินเจ มังสวิรัติ และวีแกน ดูว่ามีมูลค่าทางการตลาดเท่าไร สิ่งที่เราจะเพิ่มเข้าไปแล้วหาว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มของเรา เราก็ทำงานอยู่ในธุรกิจสายอาหารอยู่แล้ว ทำให้มีสัมพันธ์ที่ดีกับร้านอาหารหรือเพื่อนที่เป็นเชฟ เราก็เข้าไปพูดคุยแล้วทดลองทำสินค้าตัวอย่างขึ้นมา มีการศึกษากับสถาบันต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับอาหาร อย่างปลายปีที่แล้ว เราได้ลองนำโปรดักต์ไปออกงานต่างๆ ทั้ง Food Exhibition, Food and Hotel หรืองาน Startup ด้านอาหาร เพื่อให้คนอยู่ในแวดวงอาหารได้ทดลองชิม ซึ่งเป็นกลุ่มร้านค้าเลย เป้าหมายใหญ่ของเราคืออยากให้คนทั่วไปที่กินเนื้ออยู่แล้ว หันมากินแพลนต์เบสกันมากขึ้น
ต้องบอกว่าตอนนี้เราอยู่ในจุดเริ่มต้น เรามาเปิดตลาดใหม่ก็หวังว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สร้างสังคมให้รู้จักคำว่า Plant-based meat มากขึ้น และเติบโตไปได้ เราใช้คำในการสื่อสารว่าเป็นสิ่งที่จำแลงมา คือจำแลงมาจากพืชผักนั่นเอง แต่เวลากินเนื้อสัมผัสหรือกลิ่นจะไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็นผักหรือถั่วเลย
นอกจากเรื่องรสชาติแล้ว ความเป็นแพลนต์เบสยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อย่างไร
ภู: โลกของเรามีประชากรอยู่ประมาณ 7 พันล้านคน และกำลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านคน ในอีกไม่กี่ปีนี้เอง การเพิ่มประชากรทำให้เกิดการบริโภคที่มากขึ้น เราจะเห็นได้ว่า คนเราชอบกินเนื้อสัตว์มากกว่ากินพืชอยู่แล้ว พอประชากรเพิ่มขึ้น การบริโภคเนื้อสัตว์ก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมปศุสัตว์เติบโตขึ้นอย่างมาก แล้วมีผลสำรวจมาว่า ภาวะโลกร้อนเกิดจากอุตสาหกรรมปุศสัตว์มากถึง 14.5 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าทำลายสิ่งแวดล้อมกว่าอุตสาหกรรมคมนาคมอีก นอกจากนั้นยังมีผลวิจัยว่าอุตสาหกรรมนี้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติค่อนข้างสิ้นเปลือง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินในการเพาะปลูกพืชเพื่อเลี้ยงสัตว์ แหล่งน้ำดิบถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองมาก เรียกว่ามีผลต่อโลกเรารุนแรงมาก
ในส่วนของสุขภาพ มีผลวิจัยออกมาว่าในเนื้อสัตว์แปรรูปมีโอกาสทำให้คนเป็นมะเร็งลำไส้ได้เพิ่มขึ้นอีก 18 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นเรามองว่า แพลนต์เบสไม่ใช่เนื้อสัตว์แปรรูป ที่ต้องฉีดยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งให้ทันคนกิน ส่วนเรื่องศีลธรรมก็มีอยู่ในพื้นฐานของคนไทยอยู่แล้ว เราเป็นเมืองพุทธ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมันไม่ถูกต้อง มุมมองจะต่างกับตะวันตก คือเขาไม่ได้แคร์เรื่องฆ่าสัตว์ แต่เขาแคร์เรื่องทารุณสัตว์มากกว่า จากที่ไปออกบูธมา หลายคนก็บอกว่าดีที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ ช่วยละเว้นชีวิตได้
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Meat Avatar กับแบรนด์อื่นๆ ที่มีในตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว
ภู: Beyond Meat จะเน้นเป็นอาหารฝรั่งแบบของเขาเลย อย่างเช่นเบอร์เกอร์ที่เขากินกันอยู่แล้ว แต่โปรดักต์ที่เราออกมาจะเน้นอาหารเอเชียนก่อน เพราะกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของร้านในไทยเป็นอาหารไทยและอาหารจีน ทั่วโลกก็เหมือนกัน นอกจากนั้นเป็นทางอินเดียที่กินวีแกน เขาคุ้นเคยกับแพลนต์เบสดีอยู่แล้ว คนเอเชียคือมีปริมาณ 2 ใน 3 ของโลก เราเล็งว่าถ้าครองตลาดเอเชียนได้ ก็จะช่วยลดเรื่องการกินเนื้อสัตว์ของโลกได้ค่อนข้างเยอะ คอนเซปต์ของเขากับของเราคืออยากช่วยโลกเหมือนกัน
มองว่าเทรนด์เรื่องสุขภาพที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ส่งผลโดยตรงต่อ Meat Avatar อย่างไร
ภู: เดิมทีในเมืองไทยเรารู้จักแต่อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ ข้อแตกต่างของเรากับอาหารเจแบบเดิมคือ เราจะผลิตที่ให้มีรูป รส กลิ่น สัมผัส และคุณลักษณะทั้งหมดของเนื้อสัตว์ให้ได้ใกล้เคียงมากที่สุด แต่อาหารเจอาจจะเน้นแค่หน้าตา อย่างเป็ดเจที่หน้าตาเหมือน แต่รสชาติอาจจะไม่ใช่ เราจะต้องข้ามในเรื่องของหน้าตา แต่ต้องมองไปถึงคุณสมบัติภายในของมันด้วย นอกจากนั้นยังมีเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งบางทีอาหารเจยังไม่ได้ตอบโจทย์ อย่างเช่นถ้าเป็นเมนูผักก็จะเป็นผักไปเลย แต่ถ้าเป็นเมนูโปรตีนก็จะมีคาร์โบไฮเดรตเข้ามา มิชชันของเราจึงเป็นการลดในส่วนที่คนไม่ต้องการ อย่างคาร์โบไฮเดรตหรือไขมัน รวมถึงรสชาติความอร่อยที่คนต้องการ
นิกส์: กลุ่มคนรักสุขภาพจะมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสารอาหารมาก เราจึงใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและมีคุณภาพ ผ่านกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนเกินไป อย่างโปรดักต์หมูกรอบ เราบอกเลยว่าเรื่องรสชาติเหมือนหมูกรอบจริงๆ แต่เรื่องของคุณค่าทางอาหารก็มีครบ เราก็พยายามสื่อสารออกไปว่าสิ่งที่เขากิน เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ
เห็นว่ามีการสร้างคอมมูนิตี้ของกลุ่มคนกินแพลนต์เบสด้วย มีแนวคิดอย่างไร
นิกส์: คอมมูนิตี้ของเราเหมือนเป็นการส่งเสริมให้คนหันมากินแพลนต์เบสมากขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน อย่างเช่นเรื่องของเมนูต่างๆ หรือการต่อยอดดัดแปลง และยังเป็นการส่งเสริมให้คนที่เป็น Meat Lover หันมาลดละเลิกการกินเนื้อ ทำให้กลุ่มนี้ขยายมากขึ้น หรืออย่างช่วงนี้ที่ Work From Home คนทำกับข้าวกินเองเพิ่มมากขึ้น อย่างหมูกรอบของเรา แต่เดิมคนจะนึกถึงแค่ กะเพราหมูกรอบ แต่พอมีคอมมูนิตี้ขึ้นมา มีการแชร์เมนูใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นสไตล์เกาหลี สไตล์ยุโรปขึ้นมา เพื่อให้คนในคอมมูนิตี้ได้แชร์ไอเดียกัน รวมถึงเป็นการเก็บฟีดแบ็กเพื่อให้เราพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมา ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนของเรา เพื่อตอบรับกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการด้วย
วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ส่งผลกระทบต่อยอดขายของ Meat Avatar ไหม
ภู: ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ที่เราเปิดตัวในช่วงนี้พอดี เมื่อปีที่แล้วเราได้ลองตลาดมาก่อน เราปรับปรุงพัฒนาสูตร จนมีแผนจะวางขายจริงๆ ในช่วงเดือนเมษายน ทำให้เจอโควิดพอดี แต่เนื่องจากเราใช้ช่องทางออนไลน์ก่อน เสียงตอบรับค่อนข้างเป็นที่พอใจ ตั้งแต่แรกเรามองว่าลูกค้าใหญ่ของเราคือกลุ่มร้านอาหาร แต่เนื่องจากสถานการณ์แบบนี้จึงไม่ใช่ร้านอาหารแล้ว เราจึงเร่งทำตลาดในโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้บริโภคได้ลองชิมของเราให้เร็วที่สุด
วางแผนเรื่องโมเดลธุรกิจในอนาคตไว้อย่างไร
ภู: โปรดักต์หลักๆ ที่เรากำลังจะออกมาในอนาคตคือ หมูสับ ซึ่งเราทำให้ใกล้เคียงกับหมูบดจริงมากที่สุด คือสามารถทำอาหารได้ทุกอย่าง ต้ม ผัด แกง ทอด ได้หมดเลย และหลังจากหมดช่วงโควิด เราจะเจาะกลุ่มร้านอาหารและโรงแรมมากขึ้น เนื่องจากเขาทำอาหารอร่อยอยู่แล้ว เมื่อนำของเราไปทำก็อร่อย เมื่อคนได้ชิมของอร่อย เขาก็จะรู้สึกว่าน่าจะลองซื้อมาทำกินเองที่บ้านบ้าง นี่คือตลาดในประเทศที่เราจะเริ่มเจาะไป ในตลาดห้างสรรพสินค้าก็เช่นกัน เราติดต่อโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ หลายที่ พร้อมที่จะลงขายหลังจากช่วงโควิดนี้ทันที ในตลาดออนไลน์ก็ยังทำต่อเนื่องไป และที่เพิ่มมาคือตลาดส่งออก มองว่าตลาดที่ใหญ่จริงๆ คือตลาดจีน อินเดีย หรือประเทศใกล้ตัวอย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่งเขารู้จักแพลนต์เบสอยู่แล้ว และจุดหมายต่อไปคือ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ติดตามหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Meat Avatar ได้ที่
Facebook: MeatAvatar
Line: @MeatAvatar
Instagram: MeatAvatar