ความขยาดนมวัวที่ฝังอยู่ในใจของคนเอเชียจำนวนมาก
เพราะหลายคนมักเกิดอาการท้องเสีย ท้องอืด อาหารไม่ย่อย เรอ และผายลมหลังดื่มนมเพียงไม่นาน สาเหตุหลักของอาการเหล่านี้มาจากพันธุกรรมของคนในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งงานวิจัยค้นพบว่ากว่า 90% มีภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส ต่างจากผู้คนในแถบยุโรป หรือชาวสแกนดิเนเวียที่กินนม ชีส เนย เป็นหลักมาหลายศตวรรษจึงไม่มีปัญหาเรื่องนี้
จึงไม่น่าแปลกใจที่คนเอเชีย แน่นอนว่ารวมถึงคนไทยจำนวนมากเป็นกังวลจนไม่อยากดื่มนมอีกต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว จากการที่แคลเซียมหรือวิตามินดีมีไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน เพราะหลายคนหลีกเลี่ยงการดื่มนมไปตลอดด้วยความคิดว่าตัวเอง “แพ้นม”
ทั้งที่จริงแล้ว ต้องทำความเข้าใจให้ชัดๆ ก่อนอีกทีว่า การแพ้นมวัว (Cow’s Milk Allergy) จริงๆ นั้น เกิดจากการแพ้โปรตีนในนม ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อโปรตีนในนมวัว เมื่อดื่มนมเข้าไปแล้วจะมีอาการได้หลายแบบ ทั้งผื่นคัน ลมพิษ ท้องผูก ปากบวมเจ่อ ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูกเลือด มีน้ำมูกใสเรื้อรัง หายใจติดขัด หอบหืด หรือถึงขั้นหมดสติได้
ส่วนภาวะไม่ย่อยหรือไม่ทนต่อน้ำตาลแลคโตส (Lactose Intolerance) ซึ่งเกิดจากแลคโตส (Lactose) ที่เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ มักพบในน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย เช่น นมแม่ นมวัว นมแพะ แลคโตสนั้นประกอบขึ้นจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 2 ชนิดคือ น้ำตาลกลูโคสและน้ำตาลกาแลคโตส กระบวนการย่อยน้ำตาลแลคโตสจะเกิดขึ้นในลำไส้เล็ก เซลล์ผนังลำไส้จะผลิตเอนไซม์ ชื่อว่า แลคเตส ออกมาย่อยแลคโตสโดยเฉพาะ จากน้ำตาลโมเลกุลคู่ ก็แตกตัวออกเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ขนาดเล็กลง จึงดูดซึมผ่านผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดเป็นพลังงานให้แก่ร่างกายต่อไปได้
แต่ปัญหาก็คือเมื่อเอนไซม์แลคเตส (Lactase) ในร่างกายมาย่อยได้ไม่มากพอนี่แหละ ทำให้แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่รับหน้าที่ย่อยน้ำตาลแลคโตสให้แทน จนเกิดเป็นแก๊สและของเหลว เป็นที่มาของอาการแน่นท้อง ท้องอืด ผายลมบ่อย ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน น้ำตาลที่ไม่ย่อยจะดูดน้ำกลับเข้าสู่ลำไส้ทำให้ท้องเสียถ่ายเหลว นอกจากจะไม่สบายท้องแล้ว ยังได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ ดูดซึมสารอาหารได้ไม่ครบถ้วนอีกด้วย
สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นแบบไหนกันแน่ ลองสังเกตอาการของตัวเองหลังดื่มนมให้ดี หากมีอาการ
- ท้องไส้ไม่ปกติ ปวดท้อง ท้องอืด ผายลมบ่อย หลังดื่มนมประมาณ 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง เป็นอาการ ภาวะไม่ย่อยน้ำตาลแลคโตส
- แต่หากมีอาการมากกว่าแค่ระบบทางเดินอาหาร เกิดผื่นคันตามผิวหนัง หรือระบบหายใจติดขัดร่วมด้วย เป็นอาการ แพ้นมวัว
โดยสรุป หลักในการจำง่ายๆ คืออาการแพ้นมวัวจะแสดงอาการผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเหมือนแพ้สารเคมีหรือแพ้อาหาร ส่วนภาวะไม่ย่อยน้ำตาลแลคโตสจะแสดงอาการกับระบบทางเดินอาหารเท่านั้น
ใครที่รู้ตัวว่าร่างกายไม่ย่อยน้ำตาลแลคโตส เราขอยินดีด้วย เพราะคุณยังสามารถดื่มนมที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งโปรตีน วิตามิน B2 วิตามิน B12 และแร่ธาตุมากมายได้ เพราะนมเมจิ แลคโตสฟรี ผลิตจากน้ำนมโคธรรมชาติ ผ่านกระบวนการย่อยด้วยเอนไซม์แลคเตส ทำให้น้ำตาลแลคโตสในนมเปลี่ยนรูปเป็นน้ำตาลโมเลกุลที่เล็กลง ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมไปใช้งานได้ง่ายขึ้น ได้รับสารอาหารชั้นยอดเต็มๆ แถมยังดื่มแล้วสบายท้อง ไม่มีอาการท้องอืด ท้องเสียมากวนใจอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการย่อยแลคโตสให้เกิดน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 2 ตัวของนมเมจิแลคโตสฟรี นอกจากจะทำให้ดื่มง่ายแล้ว ยังคงไว้ซึ่งความอร่อยกลมกล่อมหอมละมุนจากธรรมชาติ ไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่มแต่อย่างใด เปรียบเทียบให้เห็นภาพระหว่างนมจืดทั่วไปที่คุ้นเคยกันดีกับเมจิ แลคโตสฟรี ก็เหมือนกับคนสองคนที่ต่างบุคลิก คนหนึ่งหอมมันหวานนิดๆ ตามธรรมชาติ หนักแน่นเป็นตัวของตัวเอง อีกคนมีความนุ่มนวล อ่อนหวาน โรแมนติกอย่างเมจิ แลคโตสฟรี ที่เข้ากับทุกคนได้อย่างเป็นมิตร
ตอบโจทย์การดื่มนมอย่างสบายใจ ทั้งรสจืดและรสดาร์กช็อกโกแลต เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการเติมคุณประโยชน์ดีๆ ให้แก่ร่างกาย ดื่มเพียวๆ ได้เพลินๆ หรือจะผสมกับเครื่องดื่มอื่นก็ดีงามไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นลาเต้แก้วโปรด หรือเติมในชานมไข่มุกสำหรับวัยรุ่น หรือวัยทำงานที่ต้องการดูแลสุขภาพ ก็ดื่มเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ร่างกายพร้อมลุยงานเต็มที่ทุกวัน ส่วนคุณปู่คุณย่าที่ต้องการเติมแคลเซียมให้ร่างกายในวันที่กระดูกต้องการตัวช่วยก็ดื่มได้เช่นเดียวกันนะ
ติดตามเรื่องราวดีต่อใจสบายท้องกันต่อได้ที่นี่ https://cpmeiji.com/lactosefreemilk/