เคยสังเกตไหมว่าปีๆ หนึ่งเราเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าไปทั้งหมดกี่เครื่อง
เสียนิดหน่อยพอหมดประกันก็เลือกที่จะไม่ซ่อมซื้อใหม่เลยดีกว่า นั่นเป็นเพราะว่าทุกวันนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานที่สั้นลงรวมถึงเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและเหตุผลทางการตลาดที่ทำให้ต้องออกรุ่นเล็กรุ่นย่อยจูงใจให้เราอยากจะควักเงินจ่ายอยู่ร่ำไป
และยิ่งพอเปลี่ยนบ่อยๆ ไม่เพียงแต่เงินในกระเป๋าเราที่จะหมดไป แต่ยังทำให้สิ่งแวดล้อมของโลกเราได้รับผลกระทบไปด้วยเพราะจากรายงานของสหประชาชาติบอกว่าในปี 2018 มีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์จากทั่วโลกถึง 48.5 ล้านตัน! ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะอันตรายและทำลายสิ่งแวดล้อมได้ไม่น้อยไปกว่าขยะพลาสติกที่เรากังวลกันเลยยิ่งเปลี่ยนบ่อยก็ยิ่งสร้างผลกระทบให้กับโลกใบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เพียงไม่กี่ชนิดที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าสามารถใช้ได้นานนับสิบปีโดยไม่เปลี่ยนเลยนั่นคือเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแนวคิดของแบรนด์ในการออกแบบด้วยว่าทำให้อายุการใช้งานได้นานแค่ไหนลองไปพิสูจน์ว่าทำไมการเลือกใช้แอร์ที่ทนๆ สักเครื่องจึงสามารถช่วยโลกของเราและอยู่เย็นไปได้นานๆ
เพราะสิ่งแวดล้อมต้องใส่ใจ
เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกวันนี้มีส่วนประกอบของพลาสติกเป็นส่วนใหญ่อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือ หรือโทรทัศน์ที่ทุกวันนี้ยิ่งมีการออกแบบให้มีอายุการใช้งานที่สั้นลงรวมถึงการออกรุ่นใหม่หรือรุ่นย่อยที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นแถมยังราคาถูกลงเรื่อยๆ เพื่อจูงใจให้คนอยากจะเปลี่ยนเครื่องใหม่อยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นปัจจัยทางการตลาดที่ทำให้ยากจะหักห้ามใจ จากรายงานของสหประชาชาติบอกว่าโลกผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 48.5 ล้านตันในปี 2018 มีเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธีและอาจจะเพิ่มเป็น 120 ล้านตันภายในปี 2050 หากคนทั่วโลกยังมีพฤติกรรมการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเดิมการเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าบ่อยๆ จึงไม่ต่างอะไรกับการใช้ถุงพลาสติกแบบ Single-Use แต่อย่างใดการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทนทานและถนอมให้อยู่กับเราไปให้นานที่สุดจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยโลกของเราได้
แอร์จึงต้องทนทาน
โดยทั่วไปแล้วเครื่องปรับอากาศหรือแอร์จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-15 ปีจะเห็นได้ว่าเวลาที่คนย้ายบ้านหรือย้ายห้องใหม่จึงมักจะย้ายแอร์เครื่องเดิมไปติดตั้งห้องใหม่เสมอ เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงและที่สำคัญมันยังใช้งานได้ดีอยู่นั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแบรนด์ด้วยว่าจะทำให้แอร์เครื่องนั้นๆ ยังอยู่เย็นได้นานแค่ไหนทั้งเรื่องของระบบไฟฟ้าและคอมเพรสเซอร์ที่ต้องออกแบบให้ใช้งานได้นานที่สุด นอกจากความทนทานโดยปกติของแอร์แล้ว คือเรื่องของการติดตั้งเพราะแอร์ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยากจะเปลี่ยนแล้วจะซื้อใหม่แล้วยกเปลี่ยนได้ทันทีต้องทำการติดตั้งเจาะผนังเดินท่อแอร์แขวนทั้งคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนยุ่งยากไปอีก คงไม่ดีแน่หากจะต้องเปลี่ยนแอร์บ่อยๆ และที่สำคัญประเภทของขยะที่ทำลายสิ่งแวดล้อมไม่แพ้พลาสติกหรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ คืออุปกรณ์ทำความเย็นหรือความร้อนที่มาจากแอร์นี่เอง
เลือกใช้ Mitsubishi Heavy Duty
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างแบรนด์เครื่องปรับอากาศสักแบรนด์ที่มีแนวคิดในการออกแบบให้ทนทานอยู่นานที่สุดเวลานี้คงต้องยกให้ Mitsubishi Heavy Duty รุ่นล่าสุดทั้ง YXP Series และ YXS Series ที่มีแนวคิดในการออกแบบให้มีอายุการใช้งานที่นานที่สุดไม่ต้องเปลี่ยนแอร์บ่อยๆ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะและช่วยลดการใช้พลังงานฟุ่มเฟือยเพราะเป็น Inverter แท้ทั้งระบบ 4 ชิ้นส่วน ทั้งแผงวงจรอัจฉริยะ PAM ที่ช่วยควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์และมอเตอร์ให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ คอมเพรสเซอร์กระแสตรง DC สามารถปรับเปลี่ยนความเร็วรอบในการทำงานให้สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายในห้องได้ ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น วาล์วอิเล็กทรอนิกส์ EEV คอยควบคุมสมดุลและอัตราการไหลของสารทำความเย็นให้อยู่ในสภาวะที่พอเหมาะ และมอเตอร์กระแสตรง ที่มีความแม่นยำในการควบคุมความเร็วและเปลี่ยนแปลงความเร็วรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความทนทานมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทำความเย็นได้ดีเหมือนเดิมอย่างเช่นฟังก์ชัน Jetflow การออกแบบช่องลมโดยใช้เทคโนโลยีเครื่องบินเจ็ท ทำให้ส่งลมเย็นได้ไกล, Hi Power การใช้งานโหมดพลังสูงให้ห้องเย็นเร็วขึ้น และ 3D Auto ฟังก์ชันที่ใช้ควบคุมการกระจายลมอัตโนมัติทั้งแนวตั้งและแนวนอนกว่า 8 รูปแบบ ทำให้สามารถกระจายลมเย็นได้ทั่วทุกมุมห้อง และที่สำคัญมีการรับประกันคอมเพรสเซอร์และอะไหล่ทุกชิ้นส่วนให้นานถึง 5 ปีใช้ไปแบบยาวๆ หายห่วงแน่นอน
Mitsubishi Heavy Duty ทำแอร์ให้ทนเพื่อทุกคนและเพื่อโลกของเรา
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.bbc.com/thai/international-47039941