หลายคนคงคุ้นชินกับคำว่าปัญหาโลกร้อน หรือภาวะที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่จริงๆ แล้ว การที่โลกร้อนเป็นเพียงผลกระทบเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะนำไปสู่ ‘ปัญหาโลกรวน’ ที่รุนแรงกว่า ทั้งอากาศที่ร้อนขึ้น น้ำท่วมบ่อยขึ้น หรือฤดูแล้งที่ยาวนานขึ้น
แน่นอนว่าต้นเหตุของปัญหาโลกรวน เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตของมนุษย์เราในยุคนี้รวมถึงภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ทางออกของปัญหาจึงไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนในการสร้างความยั่งยืน
เนสท์เล่ ในฐานะบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทุกมิติในประเทศไทย ตลอดระยะเวลากว่า 130 ปี จึงได้ประกาศเจตนารมณ์ในการทำเพื่อโลก ผ่านโมเดลการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero และแก้ไขปัญหาโลกรวน โดยสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคทุกคน ให้ร่วมแก้ปัญหาและสร้างความยั่นยืนไปพร้อมๆ กัน
เคยสังเกตไหม ว่าการดำเนินชีวิตประจำวันของเราในแต่ละวัน ได้สร้างผลกระทบอะไรให้กับโลกของเราบ้าง ตั้งแต่การใช้ถุงพลาสติกแบบ single-use แล้วไม่ได้ใช้ซ้ำ การขับรถเครื่องยนต์สันดาปที่ปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศ กระทั่งการไม่ได้ใส่ใจกับการแยกขยะ จนสร้างมลพิษให้กับโลกโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ หากการบริหารจัดการเรื่องของเสียจากการผลิตที่ทำได้ไม่ดีพอ รวมถึงไม่มีนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนในการสร้างผลกระทบให้เกิดปัญหาโลกรวนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้ว หน้าที่ในการแก้ปัญหาดังกล่าว และสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่คนทั่วไปหรือองค์กรใหญ่ๆ เท่านั้น
เนสท์เล่ คือบริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก ที่มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทุกมิติในไทย มาตลอดระยะเวลากว่า 130 ปี ระยะเวลากว่าศตวรรษจึงเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจมากขนาดไหน ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญา ‘Good food, Good life อาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี’ซึ่งไม่ได้เพียงมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อผู้บริโภคแต่ยังมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนแบบรอบด้าน ตั้งแต่การผลิตต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมไปถึงสังคมรอบข้าง เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero สร้างโลกที่น่าอยู่ ด้วยกลยุทธ์การดำเนินงานใน 4 ด้านต่อไปนี้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในต้นเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม คือขยะพลาสติกที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้ใช้ได้แบบครั้งเดียวทิ้ง ไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้ การแก้ปัญหาจากต้นทาง จึงเป็นการปรับเปลี่ยนให้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนสท์เล่จึงมุ่งมั่นเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้เป็น บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก โดยออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งตอนนี้บรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่กว่า 95% ออกแบบมาให้สามารถรีไซเคิลได้ พร้อมมีแผนจะลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 ภายในปี 2025 อีกด้วย
ถ้าอธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ไอศกรีมเนสท์เล่หลายตัวได้เปลี่ยนมาใช้ซองกระดาษแล้ว ผลิตภัณฑ์กล่องยูเอชทีก็เปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษเพื่อลดการใช้พลาสติก ขวดน้ำดื่มต่างๆ ก็ใช้วัสดุ PET ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ทุกส่วน รวมไปถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ เนสกาแฟเบลนด์ แอนด์ บรู และ ไมโล ได้ใช้บรรจุภัณฑ์แบบ monostructure ที่ผลิตจากพลาสติกตระกูลเดียวกัน ทำให้นำไปรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น และเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มยังเปลี่ยนมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาที่รีไซเคิลได้ 100% อีกด้วย เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่ผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยโลกได้ เพียงแค่เลือกผลิตภัณฑ์จากเนสท์เล่นั่นเอง
น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ และน้ำแร่ธรรมชาติมิเนเร่ คือหนึ่งในแบรนด์น้ำดื่มที่ผู้บริโภคไว้วางใจในคุณภาพ ทำให้เนสท์เล่ให้ความสำคัญกับการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง และให้คำมั่นสัญญา Water Positive Pledge ซึ่งหมายถึงการทดแทนน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชนในปริมาณที่เท่ากับบริษัทใช้ในการดำเนินธุรกิจน้ำดื่ม โดยปัจจุบันโรงงานน้ำดื่มในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสุราษฎร์ธานี ได้รับการรับรองมาตรฐานการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนระดับสากลจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) ซึ่งถือเป็นการตอบแทนคืนสู่สังคมที่ดีที่สุด
นอกจากกระบวนการผลิตแล้ว ด้านสิ่งแวดล้อมภายนอกโรงงานเนสท์เล่ยังได้ริเริ่ม โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ ร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่องมาถึง 7 ปีเพื่อส่งเสริมการดูแลและฟื้นฟูคุณภาพน้ำ ลดการทิ้งขยะลงแม่น้ำ เพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในคลองขนมจีนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสร้างศูนย์การเรียนรู้ เพื่อสร้างต้นแบบองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
ในภาคการผลิต เรื่องของการเลือกใช้วัตถุดิบ คือปัจจัยที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทาง แนวทางการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน จึงเป็นประเด็นที่ผู้ผลิตต่างต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กระบวนการผลิตเลยทีเดียว
อย่างที่ทราบกันว่า เนสกาแฟ คือแบรนด์อันดับหนึ่งของตลาดกาแฟในบ้านเรา เนสท์เล่จึงได้ตั้งเป้าผลิตกาแฟที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน 100% ซึ่งปัจจุบันทำได้สำเร็จตามเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อย โดยเมล็ดกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้าที่จัดซื้อในประเทศไทยทั้งหมด ได้รับการรับรองว่าเป็น Sustainably Sourced ตามหลักปฏิบัติในการทำสวนกาแฟตามมาตรฐานสากล 4C (Common Code for Coffee Community) เมื่อผู้บริโภคอย่างเราๆ เลือกดื่มเนสกาแฟสักแก้ว จึงมั่นใจได้ว่ามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาโลกรวนเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ในอุตสาหกรรมกาแฟภาพรวม เนสท์เล่ยังให้ความสำคัญไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ด้วยการริเริ่มโครงการเนสกาแฟ แพลน มีการมอบต้นกล้ากาแฟกว่า 3.5 ล้านต้นให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟชาวไทยมาตั้งแต่ปี 2006 พร้อมทั้งส่งเสริมทฤษฎีเกษตรฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ซึ่งเป็นแนวทางในการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย โดยเน้นการปรับปรุงคุณภาพดินและความอุดมสมบูรณ์ พร้อมฟื้นฟูดูแลทรัพยากรน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังได้ช่วยอบรมให้เกษตรกรกว่า 2,900 คน และสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟ 4 แห่งในไทยให้ได้รับการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน 4C อีกด้วย
ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ย่อมต้องมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้การเกิดการตั้งเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ที่บริษัทใหญ่ทั่วโลกต่างกำลังให้ความสำคัญ
เนสท์เล่จึงได้ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีการใช้ระบบขนส่งโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเช่น การออกแบบรถสามล้อไฟฟ้าขายไอศกรีมเนสท์เล่ และยังใส่ใจไปถึงขั้นเปลี่ยนรถยนต์ของผู้บริหารให้เป็นรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงอีกด้วย
นอกจากนั้น ภายในโรงงานยังมีแผนในการใช้พลังงานหมุนเวียนแบบ100% ภายในปี 2025 ซึ่งได้มีการดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน ในโรงงานของเนสท์เล่หลายแห่งแล้ว
ไม่เพียงแต่ในภาคการผลิตเท่านั้น หัวใจสำคัญที่เนสท์เล่ตั้งใจ คือการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัว ‘เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้’ แคมเปญดีๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยปรับพฤติกรรมที่สามารถเริ่มได้ง่ายๆ จากกิจวัตรประจำวัน อย่างเช่นการแยกขยะ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ การช่วยกันปลูกและดูแลต้นไม้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาโลกรวนไม่ใช่หน้าที่ของใครในการแก้ไข แต่ทุกคนมีส่วนช่วยทำให้โลกดีขึ้นได้ เพื่อส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้คนรุ่นหลัง
ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของเนสท์เล่ ที่อยากสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้น แก้ไขปัญหาโลกรวน ทั้งจากบทบาทของตัวเองในฐานะบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต และขยายความตั้งใจไปสู่ผู้บริโภคทุกคน ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน เพื่อโลกของเราที่ดีกว่า