‘ชีวิตวนลูป’ วลีนี้อาจเป็นสถานะที่ใครหลายคนกำลังให้นิยามกับการทำงานแบบเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยปัญหาแบบเดิมๆ วนเวียนซ้ำซากไม่รู้จักจบสิ้น
เช่น งานโหลด งานเร่ง หัวหน้าดุ เพื่อนร่วมงานลา ไปจนถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่าง ฝนตก น้ำท่วม รถติดแล้วไปทำงานสาย นานวันเข้าสิ่งเหล่านี้ก็จะมาบั่นทอนจนทำให้หมดไฟในการทำงาน หรืออาการ Burnout Syndrome ที่ฮิตไม่แพ้ออฟฟิศซินโดรมเลยทีเดียว
จะว่าไป ชีวิตทำงานของใครหลายคนก็ไม่ต่างอะไรกับรถยนต์สักคัน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ารถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นเชื้อเพลิง วนลูปมาเป็นร้อยปีแล้ว ไม่ว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมากี่รุ่นก็ตาม ผลกระทบที่ตามมาก็คือ การสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างน้ำมันที่มีวันหมดไป รวมถึงปัญหาด้านมลพิษ
จะดีกว่าไหม ถ้าทั้งชีวิตและรถยนต์ได้ลองเติมอะไรใหม่ๆ ตอนนี้เรื่องของ ‘พลังงานไฟฟ้า’ กำลังถูกนำเข้ามาแทนที่พลังงานเชื้อเพลิงแบบเก่า หรือกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่นั่นเอง ทำให้รถยนต์พลังงานทางเลือกอย่าง PHEV หรือ Plug-in Hybrid เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย สามารถใช้งานได้ทั้งแบบไฟฟ้าล้วน และแบบที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า เรียกว่าเป็นทางเลือกที่ทำให้รถยนต์ไปสู่ยุคใหม่ที่ดีกว่า
บอกลาชีวิตทำงานวนลูป
อาการ Burnout Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะการทำงานแบบเดิมๆ ปัญหาซ้ำๆ ที่แก้ไขไม่ได้ ทั้งกับตัวงานเอง ระบบงานที่ไม่เอื้อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานที่ไม่เข้าใจกัน หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ควบคุมไม่ได้อย่างเช่น การเดินทางหรือสภาพแวดล้อมในการทำงาน จนกลายเป็นลูปการทำงานที่หลายคนพยายามหลุดพ้นให้ได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการแก้ไขโดยเริ่มต้นจากที่ทำงานเป็นสิ่งที่ยากเกินความสามารถ ยิ่งในระดับพนักงานทั่วไปก็ยิ่งยากเข้าไปอีก ทางแก้คือในเมื่อแก้ที่ปัจจัยอื่นๆ ไม่ได้ ก็ให้แก้จากตัวเราเอง เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการพยายามบาลานซ์ชีวิตการทำงานและการพักผ่อนให้พอดี ปลีกสมองและเวลาไปทำในสิ่งที่ชอบบ้าง หรือทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยลองทำมาก่อน สำคัญที่สุดคือการปรับทัศนคติในการทำงาน ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเครียดจนเกินไป มองลูปการทำงานที่จำเจให้กลายเป็นการเรียนรู้ ไม่แน่ว่าไฟในการทำงานอาจกลับมาลุกโชนอีกครั้ง
การเดินทางด้วยรถยนต์ก็เช่นกัน
ในเมื่อชีวิตวนลูปยังมีวิธีปรับแก้ แล้วทำไมการใช้รถยนต์จะปรับเปลี่ยนไม่ได้ เรารู้จักรถเครื่องยนต์สันดาปภายในคันแรกของโลกที่ผลิตในปี ค.ศ.1886 จนถึงทุกวันนี้ รถยนต์ส่วนใหญ่ที่วิ่งอยู่ในท้องถนนก็ยังคงเป็นเครื่องยนต์สันดาปและใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าในยุคหลังพลังงานทางเลือกอย่าง ‘พลังงานไฟฟ้า’ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดได้รับการผลักดันเข้ามาใช้กับรถยนต์มากขึ้น จนเกิดเป็นรถ Battery Electric Vehicle (BEV) หรือรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยปัจจัยหลายอย่างเช่น ความเข้าใจเรื่องแบตเตอรี่ ความมั่นใจในการใช้งาน และสถานีชาร์จไฟที่ยังมีไม่เพียงพอ ทำให้บ้านเราและอีกหลายประเทศยังไม่สามารถใช้รถพลังงานไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือวนลูปเดิมๆ กลับไปใช้รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง เหมือนชีวิตทำงานไม่มีผิด
ทำให้ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านนี้เอง รถยนต์ xEV หรือรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ทั้งแบบใช้ไฟฟ้าล้วน และแบบไฟฟ้าผสมเครื่องยนต์กำลังได้รับความนิยม เพราะด้วยปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในรถยนต์ คือตัวการสำคัญที่ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำลายชั้นบรรยากาศ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน อย่างเช่นที่อังกฤษกำลังเตรียมออกกฎหมาย ห้ามการขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2030 เลยทีเดียว จนมีการคาดการณ์ว่าโลกของระบบขนส่งจะเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานน้ำมันไปสู่ยุคของไฟฟ้าเร็วๆ นี้
สัมผัส NEW MG HS PHEV ที่สร้างลูปใหม่ของการเดินทาง
อย่างที่บอกไปว่า โลกของเรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ทำให้รถ PHEV หรือ Plug-in Hybrid ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน สามารถเลือกขับเคลื่อนได้ทั้งแบบไฟฟ้าล้วน หรือจะเลือกขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ก็ได้ ช่วยประหยัดพลังงาน วิ่งไกลแบบไม่ต้องกังวล จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สุดๆ ในยุคนี้ ซึ่งนาทีนี้คงไม่มีแบรนด์ไหนน่าสนใจไปกว่า MG ที่กำลังบุกตลาด xEV อย่างจริงจัง
จากความสำเร็จของ MG ZS EV รถยนต์ SUV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มาสู่ NEW MG HS PHEV ซึ่งเป็นรถ Plug-in Hybrid ที่กำลังมาแรงและคุ้มค่า มาพร้อมกับแนวคิด ‘REFINEMENT พร้อมขับเคลื่อนทุกคุณค่าของชีวิต’ สามารถให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า แบตเตอรี่ 16.6 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถเลือกขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบล้วนๆ (EV Mode) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในตลาดตอนนี้ หรือจะสลับไปใช้พลังงานจากระบบ Plug-in Hybrid ก็อุ่นใจทุกเส้นทาง ด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าผสานเครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ลองคิดดูเล่นๆ ถ้าในหนึ่งวันเดินทางไม่เกิน 60 กิโลเมตร ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้ใช้น้ำมันเลย ประหยัดไปได้เยอะ แถมไม่ก่อมลพิษด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี Option อื่นๆ อย่างเช่น ระบบ i-SMART ที่สามารถควบคุม สั่งการ ตรวจเช็กได้แทบทุกอย่างผ่านมือถือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อไร ก็สั่งได้ เช็กได้ อุ่นใจจริงๆ
หากเทคโนโลยีดีแต่ดีไซน์ไม่เด่นก็คงทำให้เราหลุดจากลูปเดิมๆ ได้ยาก NEW MG HS PHEV ตอบโจทย์นี้ด้วยการเป็น SUV ที่มีดีไซน์สวย หรู สปอร์ต โดดเด่นทั้งภายนอก และภายใน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ Full Virtual Dashboard 12 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่อย่างละเอียดชัดเจน จอกลางแบบทัชกรีน 10 นิ้ว ระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย NVH Luxury Silence Space และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก และยังมีระบบกรองอากาศ PM 2.5 อีกด้วย
ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้น ก็ได้รับการติดตั้งมาอย่างครบถ้วน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System กว่า 25 ระบบ แบ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ 11 ระบบ ซึ่งระบบ ADAS นี้ ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับที่ 2 สามารถช่วยตรวจสอบ แจ้งเตือน และช่วยควบคุมการขับเคลื่อนรถยนต์โดยอัตโนมัติในบางส่วน (Partial Automation) นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ที่เสริมความปลอดภัยอีกหลายรายการ
การเปลี่ยนเพื่อสร้างลูปใหม่ในการเดินทาง ต้องมีความคุ้มค่าพอที่จะเปลี่ยน NEW MG HS PHEV แรงด้วยสมรรถนะ โดดเด่นด้วยดีไซน์ และเทคโนโลยี ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงลดการสร้างมลพิษ ครบทุกสิ่งที่การเดินทางในยุคใหม่ต้องมี เพราะขนาดชีวิตยังต้องเติมไฟ รถยนต์ที่ใช้งานทุกวัน ก็ต้องเปลี่ยนไปสู่สิ่งใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
ลองเปิดใจให้กับ NEW MG HS PHEV ที่จะเปลี่ยนทั้งลูปชีวิตทำงานและการเดินทางไปสู่สิ่งใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ