ถ้าพูดถึงนาฬิกาที่สวมใส่แล้วสัมผัสได้ถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการสำรวจอวกาศ คงไม่มีนาฬิการุ่นไหนเหมาะสมไปกว่า OMEGA Speedmaster Professional อีกแล้ว
เพราะ OMEGA รุ่นนี้ เคยเคียงข้างนักบินอวกาศไปเยือนอวกาศมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะภารกิจพิชิตดวงจันทร์ของยาน Apollo 11 ที่ทำให้ OMEGA กลายเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น Moonwatch หรือนาฬิกาเรือนแรกที่สวมใส่บนดวงจันทร์อย่างแท้จริง
ปัจจุบัน OMEGA ยังคงไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม แม่นยำ และเที่ยงตรง นำมาซึ่งรุ่นล่าสุดในวาระฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสำเร็จของภารกิจพิชิตดวงจันทร์ OMEGA SPEEDMASTER APOLLO 11 50th ANNIVERSARY MOONSHINE™ GOLD LIMITED EDITION
วันนี้เราจะพาไปสำรวจวิวัฒนาการของ Moonwatch ผ่านประวัติศาสตร์ OMEGA ว่ามีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
คิดจะไปดวงจันทร์ต้องมีนาฬิกาโครโนกราฟ
ก่อนที่ OMEGA จะไปเยือนดวงจันทร์พร้อมนักบินอวกาศ ย้อนกลับไป OMEGA รุ่น Speedmaster ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1957 หรือ 10 ปีก่อนที่ภารกิจ Apollo 11 จะเริ่มขึ้นเสียอีก ซึ่งอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่นักบินอวกาศทุกยุคทุกสมัยต้องมีคือ นาฬิกาโครโนกราฟ (Chronograph) หรือนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นจับเวลาเพิ่มเติม มีเอกลักษณ์หน้าปัดย่อยอีก 3 หน้าปัดที่ยัดอยู่ในหน้าปัดใหญ่
นาฬิกาประเภทนี้ จะมีความซับซ้อนในการเดินเข็มมากกว่านาฬิกาปกติ ช่วยให้นาฬิกามีความแม่นยำเที่ยงตรง ที่สำคัญคือสามารถใช้จับเวลาที่ละเอียดระดับเศษเสี้ยวของวินาที และนั่นเป็นเหตุผลที่ OMEGA ผลิตนาฬิกาโครโนกราฟ รุ่น Speedmaster ออกมา
นาฬิกาโครโนกราฟเป็นอุปกรณ์สนับสนุนชิ้นสำคัญ เพื่อให้นักบินอวกาศสามารถคำนวณเวลา เพราะหากพวกเขาไม่สามารถติดต่อกับภาคพื้นหรือเครื่องบอกเวลาดิจิทัลบนพื้นผิวของดวงจันทร์ได้ สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาคือนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือเท่านั้น ฉะนั้นแล้วนาฬิกาจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่นักบินอวกาศขาดไม่ได้นั่นเอง
Speedmaster จุดเริ่มต้นในสนามแข่งรถ
หากการเดินทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก การเดินหลายล้านหมื่นลี้สู่ดวงจันทร์นั้น ย่อมมีก้าวแรกเช่นกัน และก้าวแรกของ Speedmaster นั้น อยู่ในสนามแข่งรถ
ย้อนกลับไปปี 1957 นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Speedmaster รุ่นดั้งเดิม เป็นนาฬิการุ่นแรกที่มีการติดตั้งสเกลทาคีมิเตอร์บนขอบตัวเรือน เริ่มนับตั้งแต่เลข 1000 พร้อมหัวใจหลักคือการขับเคลื่อนด้วยจักรกลแบบ Calibre 321 ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมอยู่กระทั่งในปัจจุบัน
สำหรับ Speedmaster รุ่นแรกนั้น ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับทีมแข่งรถและวิศวกรในสนามแข่งขัน การมีฟังก์ชั่นจับเวลาโครโนกราฟจะช่วยให้นักแข่งสามารถคำนวณเวลาที่ใช้ไปในการแข่งขันกับความเร็วของตัวเองได้ ซึ่งนักแข่งรถมักสวมนาฬิกาโดยหันหน้าปัดมาไว้ที่ด้านในข้อมือ โดยจะช่วยให้คนขับมองเห็นเวลาได้ง่ายขึ้นในขณะที่จับพวงมาลัย เป็นการใส่อีกนาฬิกาอีกรูปแบบที่ยังเห็นอยู่ในปัจจุบัน
ทะยานสู่อวกาศกับ Sigma 7
ความที่ Speedmaster ได้รับการออกแบบให้มีความแข็งแกร่งและสามารถดูเวลาได้แม่นยำ หลังจากโลดแล่นอยู่ในสนามแข่งรถ นาฬิการุ่นดังกล่าวก็เริ่มขยับมาเป็นที่นิยมในหมู่นักบินกองทัพสหรัฐฯ จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “ตัวเลือกของนักบิน”
ต่อมาบรรดานักบินแถวหน้าของกองทัพอากาศสหรัฐฯ บางส่วนก็ได้กลายมาเป็นนักบินอวกาศในโครงการ Mercury หนึ่งในนั้นคือ วอลเตอร์ ไชร์รา (Walter Schirra) นักบินอวกาศบนยาน Sigma 7 ที่บินขึ้นอวกาศกับปฏิบัติภารกิจเมอร์คิวรี-แอตลาส 8 (Mercury-Atlas 8) โคจรรอบโลกถึง 6 รอบ พร้อม Speedmaster CK 2998 บนข้อมือของเขา ด้วยภารกิจนี้ทำให้ Speedmaster CK 2998 กลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่สวมใส่อยู่ในอวกาศไปโดยปริยาย
Speedmaster รุ่นตะลุยอวกาศนี้ จึงเป็นประวัติศาสตร์แรกบนอวกาศที่สร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือให้ OMEGA อย่างมหาศาล
การันตีด้วยการทดสอบอันหฤโหดจาก NASA
ปี 1964 โครงการสำรวจอวกาศขององค์การนาซา (NASA) มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มมีกระบวนการทดสอบนาฬิกาข้อมือสำหรับนักบินอวกาศ เพื่อใช้ในการฝึกและการสำรวจอวกาศอย่างเป็นทางการ แน่นอน OMEGA ก็ส่ง Speedmaster ST 105.003 ร่วมการทดสอบ
การทดสอบจากนาซามีทั้งหมด 11 ประเภท เพื่อทดสอบนาฬิกาจากการถูกทำลายในระยะเวลาอันสั้น ผ่านทั้งอุณหภูมิ ความดัน ความชื้นสัมพัทธ์ การเร่งความเร็ว การบีบอัด การสั่นสะเทือน หรือเสียงรบกวน ฯลฯ โดยมีเพียง Speedmaster เท่านั้นที่ผ่านการทดสอบอันหฤโหดได้สำเร็จ จนได้รับรอง Flight Qualified by NASA for all Manned Space Missions ในวันที่ 1 มีนาคม ปี 1965
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา OMEGA จึงเป็นผู้ผลิตและส่งมอบนาฬิกาสำหรับภารกิจนำมนุษย์ไปยังอวกาศขององค์การนาซาแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะโครงการ Mercury โครงการ Gemini และโครงการ Apollo ที่ส่งมนุษย์ไปยืนอยู่บนดวงจันทร์ได้สำเร็จ
วินาทีแห่ง Moonwatch
“นี่คือก้าวเล็กๆ ของมนุษย์ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ”
นับเป็นวรรคทองสุดฮิตของ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) ระหว่างเดินสำรวจดวงจันทร์เพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง ในวันที่ 21 กรกฎาคม ปี 1969 ซึ่งไม่เพียงรอยเท้าของพวกเขาที่สร้างประวัติศาสตร์เท่านั้น ยังมีสิ่งเล็กๆ บนข้อมือ ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการนาฬิกาเช่นกัน
โครงการ Apollo เป็นโครงการที่ 3 ต่อเนื่องมาจาก Mercury และ Gemini มีเป้าหมายสำคัญคือ การนำมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์ โดยนาฬิกา OMEGA รุ่น ST 105.012 กับ ST 145.012 ถูกใช้งานในภารกิจ Apollo หลายครั้ง นับเป็นนาฬิกาเจเนอเรชั่นที่ 4 ของ Speedmaster และสวมใส่อยู่บนข้อมือของเหล่านักบินอวกาศชื่อดังที่เป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ได้เดินบนดวงจันทร์ จนได้รับการขนานนามว่า Moonwatch นั่นเอง
ปัจจุบันนี้จะมีมนุษย์เพียง 12 คนเท่านั้นที่เคยได้เดินบนดวงจันทร์ และ Speedmaster ก็ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทุกย่างก้าวของมนุษยชาติบนนั้นทุกครั้ง ซึ่งจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งขอภารกิจอวกาศนี้ต่อไปในอนาคต
กลไกที่ดียิ่งขึ้นของ Moonwatch
หากโลกไม่หยุดหมุน การพัฒนาย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ปี 1968 OMEGA จึงการปรับปรุงกลไกครั้งสำคัญในรุ่น Speedmaster ST 145.022 ให้มีทั้งความเสถียรและเที่ยงตรงที่มากยิ่งขึ้นกับกลไก Calibre 861 ซึ่งเป็นนวัตกรรมและเทคนิคที่ทันสมัย
โดยหลังจากที่นักบินอวกาศกลุ่มแรกใส่นาฬิกาไปเดินบนดวงจันทร์ Speedmaster รุ่นนี้ก็ได้รับการเพิ่มข้อความว่า “FLIGHT-QUALIFIED BY NASA FOR ALL MANNED SPACE MISSIONS” กับ “THE FIRST WATCH WORN ON THE MOON” ตอกย้ำคุณภาพที่ผ่านการทดสอบของนาซาสำหรับภารกิจบนอวกาศ และจารึกว่าเป็นนาฬิการุ่นแรกที่ใส่บนดวงจันทร์
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ทำให้ Speedmaster เป็นจุดเชื่อมสำคัญในการพัฒนากลไกสู่ Speedmaster รุ่นต่อไป โดยเฉพาะ BA145.022 ที่ได้รับยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์นาฬิกาโครโนกราฟของ OMEGA เท่าที่เคยมีมา และสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติสูงสุดแด่บรรดาวีรบุรุษที่อุทิศตนเพื่อการสำรวจดวงจันทร์อย่างแท้จริง
Moonwatch แห่งยุคปัจจุบัน
ความคลาสสิกอย่างหนึ่งที่ Speedmaster รุ่นใหม่ๆ ยังคงรักษาไว้ คือรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับนาฬิการุ่นที่นักบินอวกาศของนาซาสวมใส่ในอวกาศ ความขลังของตัวเรือน จึงอัดแน่นไปด้วยจิตวิญญาณของนักบุกเบิก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคงเสน่ห์ไว้ตั้งแต่ปี 1997 ตัวเรือนปรับปรุงด้วยการเพิ่มสารเรืองแสงลูมิโนวา (Luminova) ซึ่งทำให้สามารถอ่านเวลาได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเป็นสารเรืองแสงที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับกลไก Calibre 1861 ที่พัฒนาต่อยอดให้ทนทานยิ่งขึ้นด้วยการเคลือบโรเดียม
และกว่าจะมาเป็น Moonwatch อย่างปัจจุบัน OMEGA ใช้เวลาในการลองผิดลองถูกหลายปี เพื่อรังสรรค์กลไกรุ่นใหม่ที่มีความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer กับกลไกล่าสุด Calibre 3861 ที่มีฟังก์ชั่นหยุดเข็มวินาทีที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งเวลาด้วยเม็ดมะยมให้มีความเที่ยงตรงสูงสุดได้ถึงระดับวินาที
ทั้งหมดนี้พัฒนาเพื่อให้ Moonwatch ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพ เที่ยงตรง และแม่นยำ
Moonwatch 2019 ที่คุณสวมใส่ได้
เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว กับประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ในการประทับรอยเท้าแรกลงบนดวงจันทร์ และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ OMEGA ในฐานะ Moonwatch
OMEGA จึงฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสำเร็จของภารกิจพิชิตดวงจันทร์ Apollo 11 ด้วยการผลิตนาฬิกา OMEGA SPEEDMASTER APOLLO 11 50th ANNIVERSARY MOONSHINE™ GOLD LIMITED EDITION ในจำนวนจำกัดเพียง 1,014 เรือน พร้อมการรับประกัน 5 ปีเต็ม
การออกแบบยังคงดำเนินรอยตาม Speedmaster รุ่นตำนาน BA145.022 อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการรังสรรค์ตัวเรือนและสายนาฬิกาจากวัสดุพิเศษโลหะผสมทองคำ 18K และขับเคลื่อนการแสดงเวลาด้วยกลไกไขลานด้วยมือ Master Chronometer Calibre 3861 ซึ่งเป็นกลไกที่ได้รับการยกมาตรฐานการแสดงเวลาสู่จุดสูงสุดของ OMEGA
ไม่เท่านั้น วงแหวนด้านในตำแหน่งซ้ายมือ มีการฝังบรรจุอุกกาบาตดวงจันทร์ เพื่อเชื่อมโยงจิตวิญญาณของการประดิษฐ์นาฬิกาและการสำรวจดวงจันทร์จนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ นับเป็นความพิเศษเพียงหนึ่งเดียวสำหรับผู้ครอบครองเท่านั้น
หากสนใจอยากสัมผัสถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการสำรวจอวกาศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูติก OMEGA
สาขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959, สาขา สยามพารากอน โทร. 02-129-4878
และสาขา ดิ เอ็มโพเรียม โทร. 02-664-9550