ไม่แปลกหรอกที่ใครๆ จะบอกว่า ทะเลเป็นสถานที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก
ไม่เพียงบรรยากาศริมหาดสุดโรแมนติก แต่ยังมีโลกใต้น้ำแสนลึกลับที่เชื้อเชิญให้เหล่านักสำรวจดำดิ่งลงไปค้นหาความสวยงามเสมอ ทว่าสิ่งที่ต้องแลกมาคือ ‘เวลา’ ใต้น้ำอันจำกัด ทำให้ ‘นาฬิกา’ กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เหล่านักดำน้ำขาดไม่ได้
OMEGA เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับการดำน้ำมาโดยตลอด แถมยังนำความงดงามของแผ่นดินและจิตวิญญาณมหาสมุทรมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเสมอ นับเป็นเรือนเวลาสุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมมานานหลายร้อยปี
วันนี้ The MATTER จะพาทุกท่านดำดิ่งไปพบความสวยงามและความสำคัญของเรือนเวลาแห่งมหาสมุทรเหล่านี้
ความสำคัญของนาฬิกาดำน้ำ
เพราะความสวยงามทำให้ทุกคนอยากลืมเวลาเมื่ออยู่ใต้น้ำ แต่ทุกคนลืมไปว่าเวลาใต้น้ำนั้นมีจำกัด โดยเฉพาะนักประดาน้ำมืออาชีพที่ความผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงชีวิต
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมนาฬิกาดำน้ำ (Dive Watch) จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อการดำน้ำแต่ละครั้งนักดำน้ำจะต้องคำนวณ ‘เวลา’ ให้สัมพันธ์กับ ‘ปริมาณออกซิเจน’ ที่เหลืออยู่ เพื่อให้มีเวลามากพอพาตัวเองกลับขึ้นผิวน้ำอย่างปลอดภัย
ทั้งยังต้องมีคุณภาพในระดับมาตรฐาน ทนต่อแรงกดดัน ป้องกันการรั่วซึม มองเห็นได้ในความมืด และมีกลไกเที่ยงตรงพร้อมขอบเบเซลสำหรับจับเวลา ซี่ง OMEGA เป็นอีกหนึ่งนักพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของนักสำรวจโลกใต้ทะเลมาถึงปัจจุบัน
OMEGA Marine ตำนานผู้บุกเบิกแห่งท้องทะเล
ถึงแม้โลกใต้น้ำเป็นดินแดนพิศวงที่ปัจจุบันการสำรวจยังไปไม่ถึงจุดลึกที่สุดอยู่ดี แต่หากย้อนกลับไป เส้นทางประวัติศาสตร์ใต้น้ำของ OMEGA เริ่มต้นที่รุ่นในตำนานอย่าง “OMEGA Marine” ในปี 1932
เรือนเวลาดังกล่าวเป็นนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกที่วางขายให้กับบุคคลทั่วไปได้ใช้ ออกแบบตัวเรือนเหลี่ยมลักษณะแตกต่างจากนาฬิกาดำน้ำในปัจจุบัน ประกอบด้วยชิ้นส่วน 3 ชิ้น ซ่อนเม็ดมะยมไว้ข้างใน มีคุณสมบัติการกันน้ำระดับ 135 เมตร ทำให้ OMEGA Marine กลายเป็นที่ต้องการของเหล่านักสำรวจโลกใต้น้ำ และเป็นจุดเริ่มต้นของ OMEGA ในฐานะผู้บุกเบิกแห่งท้องทะเลอย่างแท้จริง
Seamaster: ซีรีส์นาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ
หลังจากปูทางความสำเร็จด้วยนาฬิกาดำน้ำ OMEGA Marine แล้ว ต่อมาก็ได้ถือกำเนิดนาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่ชื่อ Seamaster ในปี 1948 ก่อนที่จะพัฒนากลไกให้สามารถดำน้ำให้ลึกขึ้นเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ 150 เมตร, 300 เมตร, 600 เมตร, 1,200 เมตร ไปจนถึง 6,000 เมตร และหลากหลายคอลเล็กชัน อาทิ Aqua Terra, Driver, Planet Ocean, Ploprof และลึกสุดใจกับ Ultra Deep ทำให้ซีรีส์ Seamaster กลายเป็นเสาหลักนาฬิกาดำน้ำในใจระดับมืออาชีพ
ก่อกำเนิด Ultra Deep
ยิ่งลึกก็ยิ่งน่าค้นหา ยิ่งลับยิ่งน่าสนใจ OMEGA เองก็ไม่หยุดที่จะพัฒนานาฬิกาดำน้ำให้สามารถทนต่อแรงกดดันลึกขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดปี 2019 OMEGA ก็เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำ OMEGA Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Professional ที่สามารถดำน้ำได้ลึกสุด 6,000 เมตร ตัวเรือนเป็นไทเทเนียมเกรด 5 ผลิตจากกระบวนการอัดขึ้นรูป มาพร้อมขาโค้งงอเข้าหากันแบบ Manta Lugs คล้ายปากปลากระเบนราหู รวมถึงกระจกแซฟไฟร์แบบนูนบนหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหน้าต่างของยานใต้น้ำ
และในปีเดียวกันนั้นเอง Ultra Deep ก็ได้สร้างสถิติเป็นนาฬิกาที่กันน้ำได้ลึกที่สุดในโลก ด้วยตัวเลข 10,935 เมตร (35,876 ฟุต) เมื่อลงไปพร้อมนักผจญภัย วิคเตอร์ เวสโคโว (Victor Vescovo) กับภารกิจสำรวจร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนาในมหาสมุทรแปซิฟิก นับเป็นสถิติโลกที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
Seamaster Ultra Deep รุ่นใหม่ปี 2022 กับวัสดุพิเศษ
ล่าสุดในปี 2022 OMEGA Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Professional ได้ออกคอลเล็กชันใหม่ถึง 7 รุ่น มีทั้งรุ่นที่ผลิตจากไทเทเนียมเกรด 5 ยิงทรายที่ผลิตด้วยการอัดขึ้นรูป เสริมความเป็นเอกลักษณ์ด้วยขอบตัวเรือนเซรามิกขัดด้าน มาพร้อยสาย NATO ที่ทำจากเส้นใยโพลีเอไมด์รีไซเคิลจากอวนประมง 100%
และรุ่นที่ผลิตจากวัสดุใหม่เรียกว่า O-MEGASTEEL เป็นวัสดุที่ถูกพัฒนาให้มีความทนทาน แข็งแรง แวววาว และทนต่อการกัดกร่อนจากการใช้งานทางทะเล ขอบตัวเรือนและสเกลดำน้ำทำจากเซรามิก มีให้เลือกพร้อมสายยาง หรือสาย O-MEGASTEEL เหมือนตัวเรือนที่บานพับสามารถปรับความยาวได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสวมทับชุดดำน้ำนั่นเอง
“For Saturation Diving” รับรองด้วยมาตรฐาน ISO 6425
สำหรับนาฬิกาดำน้ำแล้ว มาตรฐาน ISO 6425 เปรียบเสมือนตัวการันตีคุณภาพว่านาฬิกาดำน้ำนั้นๆ ได้ผ่านการรับรองในระดับสากล เพราะต้องผ่านบททดสอบมากมาย เช่น การกันน้ำระดับลึก การมองเห็นได้ชัดในความมืด การต้านทานแม่เหล็ก ความทนต่อการกัดกร่อน ไปจนถึงความแข็งแรงของสายรัด ฯลฯ ซึ่ง OMEGA Seamaster Planet Ocean Ultra Deep Professional ทุกรุ่นได้การรับรอง “For Saturation Diving” และผ่านมาตรฐาน ISO 6425 สำหรับนาฬิกาที่ใช้ในการดำน้ำแบบอิ่มตัวตามการรับรองโดย METAS องค์กรอิสระจากสวิตเซอร์แลนด์และนี่ยังเป็นการรับรองครั้งแรกในอุตสาหกรรมเครื่องบอกเวลาอีกด้วย
ตำนานครั้งสำคัญของ Seamaster Diver 300M
อีกหนึ่งรุ่นในซีรีส์ Seamaster ที่ได้รับความนิยมมากๆ คงหนีไม่พ้น OMEGA Seamaster Diver 300M ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1957 ในฐานะนาฬิกาดำน้ำสำหรับนักกีฬามืออาชีพ โดยเฉพาะการสร้างประวัติศาสตร์ในปี 1993 บนข้อมือนักดำน้ำชาวฝรั่งเศส โรลองด์ สเปคเกอร์ (Roland Specker) ชายผู้สร้างสถิติการดำน้ำฟรีไดฟ์ (การดำน้ำแบบตัวเปล่าโดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจใดๆ) ได้ความลึกถึง 80 เมตร จนกลายเป็นที่สนใจในท้องตลาด กระทั่งกลายเป็นนาฬิกาประจำตัวของสายลับ 007 ตั้งแต่ปี 1995 มาถึงปัจจุบัน
Seamaster Diver 300M ในปี 2022
ในปี 2022 นี้เอง OMEGA Seamaster Diver 300M กลับมาเฉิดฉายใต้ท้องทะเลอีกครั้งกับหน้าปัดลายคลื่นสีใหม่กับเฉดสีเขียว ตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงาสลับด้าน มาพร้อมกับขอบเซรามิกสีเขียวขัดเงาสะกดตา ฝาหลังเปลือยโชว์กลไก Co-Axial Master Chronometer 8800 ที่ได้รับการขัดแต่งอย่างหรูหรา มีให้เลือกทั้งสายสแตนเลสสตีลและสายยางสีเขียว เรียกได้ว่าเป็นสีและรุ่นยอดนิยมที่นักดำน้ำและนักสะสมสนใจครอบครอง
Seamaster Aqua Terra ในปี 2022
ปิดท้ายด้วยคอลเล็กชันน้องเล็กอย่าง OMEGA Seamaster Aqua Terra ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 โดยปี 2022 นี้ได้ออกหน้าปัดสีใหม่หลากหลายสีและขนาด ทั้งรุ่น 38 มม. ที่มาพร้อมหน้าปัดสีแอตแลนติกบลู, เบย์กรีน, แซนด์สโตน, แซฟฟรอน และเทราคอททา หรือรุ่น 34 มม. สีซีบลู, ลากูนกรีน, แซนด์สโตน, เชลล์ฟิ้งค์ และลาเวนเดอร์
หน้าปัดทั้งหมดนั้นรังสรรค์จากแผ่นทองเหลืองและได้รับการตกแต่งด้วยผิวแบบซันบรัชที่แผ่รัศมีออกมาจากศูนย์กลาง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามของแผ่นดินและจิตวิญญาณมหาสมุทรนั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือประวัติศาสตร์ร่วมกันของเรือนเวลาและมหาสมุทร ที่กลายมาเป็นตำนานของนาฬิกาดำน้ำ OMEGA หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูติก OMEGA:
สาขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959
สาขา ดิ เอ็มโพเรียม โทร. 02-664-9550
สาขา สยามพารากอน โทร. 02-129-4878
คลิก https://bit.ly/3MFwrQc หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ LINE : @OMEGAThailand