เพราะความสัมพันธ์ที่ชัดเจน เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่
เมื่อก้าวเล็กๆ ของมนุษย์ที่ชื่อ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) ประทับลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ ตามมาด้วยเพื่อนนักบินอวกาศ บัซซ์ อัลดริน (Buzz Aldrin) ที่ข้อมือของเขาสวมใส่ OMEGA Speedmaster Moonwatch Professional Co-Axial Master Chronometer
นับแต่นั้นเป็นต้นมา OMEGA ก็กลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ใส่บนดวงจันทร์จนได้รับการขนานนามว่า Moonwatch
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบนดวงจันทร์ ทำให้ NASA เลือกใช้ OMEGA ในยามสำรวจอวกาศอยู่เสมอ และยังนำก้าวที่ยิ่งใหญ่นั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการวิวัฒนาการกลไกลและตัวเรือนมาถึงปัจจุบัน
จากจุดเริ่มต้นไปจนถึงย่างก้าวแห่งอนาคต วันนี้ The MATTER จะสวมบทบาทไกด์ทัวร์อวกาศ เพื่อสำรวจประวัติศาสตร์นาฬิกาที่อยู่ท่ามกลางดวงดาวเรือนนี้ ถ้าพร้อมแล้วสวมชุดให้พร้อม เตรียมข้อมือให้ว่าง แล้วมาตะลุยจักรวาล OMEGA กันเถอะ
Before Lift Off – ปรับพื้นฐานก่อนบิน
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักประวัติศาสตร์พื้นฐานของ OMEGA Speedmaster กันก่อนดีกว่า โดยจุดกำเนิดที่แท้จริงเกิดขึ้นในปี 1957 เมื่อ OMEGA คิดออกแบบนาฬิกาโครโนกราฟหรือนาฬิกาจับเวลาที่มีคุณสมบัติสามารถกันน้ำออกมา พร้อมคุณสมบัติที่แข็งแกร่ง ดูเวลาง่าย และมาตรฐานกลไก Calibre 321 ที่เที่ยงตรง ทำให้ Speedmaster Moonwatch ได้รับความนิยมในหมู่นักแข่งรถ และนักบินกองทัพสหรัฐฯ
ต่อมาปี 1964 Speedmaster Moonwatch พัฒนาไปอีกขั้น เมื่อเข้าร่วมทดสอบนาฬิกาข้อมือสำหรับนักบินอวกาศในโครงการ NASA และผ่านมาตรฐานการคัดเลือกสำหรับภารกิจอวกาศที่มีมนุษย์ สามสัปดาห์ต่อมา Speedmaster ก็ได้ร่วมเดินทางสู่ห้วงอวกาศอย่างเป็นทางการ และได้สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับ NASA มาถึงปัจจุบัน
นาฬิกาคือช่วงเวลาของชีวิต
สำหรับภารกิจในอวกาศ หากมีการผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีเดียวอาจหมายถึงชีวิต ดังนั้นนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือนักบินจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เปรียบเสมือนหัวใจหลักในการสนับสนุนการทำงานของนักบิน ซึ่งในประวัติศาสตร์อวกาศ OMEGA มีส่วนร่วมในการช่วยชีวิตนักบินอยู่หลายครั้ง
ยกตัวอย่างช่วงเวลาวิกฤตของยาน Apollo 13 ที่ถังออกซิเจนเกิดระเบิดขึ้นมา ทางเดียวที่จะกลับโลกได้คือใช้แรงเหวี่ยงจากดวงจันทร์ บวกกับการจับเวลาจุดระเบิดเครื่องยนต์เพื่อสร้างแรงดัน และสิ่งเดียวที่นักบินต้องพึ่งพาก็คือ นาฬิกา OMEGA ที่อยู่บนข้อมือนั่นเอง
ด้วยความเที่ยงตรงของนาฬิกาทำให้พวกเขาจุดระเบิดเครื่องยนต์ตรงตามเวลาที่กำหนด พลิกชะตากรรมนักบินอวกาศให้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมร้ายแรงได้สำเร็จ OMEGA จึงเป็นนาฬิกาคู่ข้อมือที่นักบินอวกาศทุกคนไว้วางใจ
Into the Space – ประวัติศาสตร์นาฬิกาในห้วงจักรวาล
จริงๆ แล้วก่อนที่ Speedmaster Moonwatch จะขึ้นไปดวงจันทร์ นาฬิการุ่นนี้ยังเคยโคจรบนอวกาศในมือของ เอ็ดเวิร์ด ไวท์ (Edward White) มาก่อน ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางในอวกาศครั้งแรกของชาวอเมริกัน ก่อนที่ บัซซ์ อัลดริน (Buzz Aldrin) จะสร้างประวัติศาสตร์สวมใส่ลงเดินบนดวงจันทร์ในปี 1969
ทั้งนี้นาฬิกาดังกล่าวนับเป็นตัวเรือนเจเนอร์เรชันที่ 4 ที่กลายเป็นต้นตำรับของ Moonwatch รุ่นต่อๆ มา คือมีตัวเรือนแบบสมมาตรที่มาพร้อมขานาฬิกาแบบทวิสเตด มีปุ่มกดที่สมมาตร ชุดเข็มจับเวลาทั้งนาทีและวินาทีแบบโดมตามหน้าปัดต่างระดับ และยังเป็นครั้งแรกที่มีการพิมพ์คำว่า “Professional” ลงบนหน้าปัด นับเป็นความอมตะคลาสสิกที่อัดแน่นอยู่ในนาฬิกาเรือนนี้
Calibre 3861 อัปเลเวลกลไกให้เที่ยงตรงมากกว่าเดิม
เพราะการพัฒนาคือการเดินทางไปข้างหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด – นาฬิกาก็เช่นกัน
ในปี 2019 OMEGA ก็ได้ผลิตกลไกแบบใหม่อย่าง Calibre 3861 กลไกที่ใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 4 ปีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีการปรับปรุงทั้งกำลังสำรอง ความเที่ยงตรง และคุณสมบัติการต้านทานแม่เหล็กระดับ 15,000 เกาส์
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วนทั้งระบบกลไกปล่อยจักรแบบ Co-Axial ซึ่งมีส่วนช่วยลดการเสียดสีของชิ้นส่วนภายในนาฬิกาทำให้ยืดอายุการใช้งานโดยไม่ต้องส่งหยอดน้ำมันหล่อลื่นบ่อยๆ ทำให้กลไกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเสถียร และเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
Master Chronometer การันตีความเที่ยงตรงระดับโลก
กว่าจะได้รองรับมาตรฐาน Master Chronometer ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะการทดสอบเต็มไปด้วยขั้นตอนและเงื่อนไขมากมาย ว่ากันว่าอุปกรณ์สำหรับทดสอบในห้องปฏิบัติการของสถาบัน METAS (ผู้รองรับการทดสอบ) จะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้กระบวนการทดสอบ 283 ขั้นตอนดำเนินไปจนกว่าจะผ่านเงื่อนไข 8 ประการ เช่น ผ่านประสิทธิภาพของระบบการกันน้ำ ความผันผวนของอุณหภูมิ และการเผชิญสนามแม่เหล็กสูงถึง 15,000 เกาส์
ทั้งหมดนี้จะถูกทดสอบเป็นระยะเวลายาวนานมากกว่า 10 วัน เพื่อค่าเฉลี่ยความเที่ยงตรง และพิสูจน์ว่ากลไกของนาฬิกาทำงานได้แม่นยำที่สุด มาตรฐาน Master Chronometer จึงถือเป็นมาตรฐานที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกา
ปัจจุบัน Speedmaster Moonwatch ทุกเรือนผ่านการทดสอบเป็นที่เรียบร้อย เห็นได้จากข้อความ Master Chronometer บนหน้าปัด ทำให้ผู้สวมใส่มั่นใจได้ว่า นาฬิกาที่ใส่มีมาตรฐานความแม่นยำสูงสุดแน่นอน
ทอง Canopus™ สว่างสดใสด้วยวัสดุหายากระดับโลก
วิวัฒนาการของ Speedmaster Moonwatch ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เพราะปัจจุบันได้มีการนำโลหะหายากที่สุดในโลกมาผสมเข้ากับทองคำ ออกมาเป็นโลหะสีขาวเรียกว่าคาโนปัส (Canopus™) ซึ่งเป็นของ OMEGA แต่เพียงผู้เดียว
วัสดุสุดเอ็กซ์คลูซีฟชนิดนี้ให้สีขาวสุกสว่างยิ่งกว่าโลหะเงิน ซึ่งชื่อ “คาโนปัส” ก็มาจากชื่อดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวคาริน่า และเป็นดาวที่สว่างเป็นอันดับสองในท้องฟ้ากลางคืนนั่นเอง นับเป็นความขาวเจิดจรัสที่มากกว่าทองคำขาวทั่วไปด้วยซ้ำ และเป็นความสวยงามหนึ่งเดียวจาก OMEGA
ทอง Sedna™ แดงเด่นเป็นสง่าในระบบสุริยะ
นอกจากความขาวดุจดาวดวงที่ OMEGA จดสิทธิบัตรเป็นของตัวเองแล้ว ยังมีทองคำสีแดง เซดนา (Sedna™) ที่ผสมขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเองอีกด้วย โดยชื่อ “เซดนา” ก็มาจากดาวเคราะห์น้อยของเนปจูนที่มีพื้นผิวเป็นสีแดงโดดเด่นกว่าดาวดวงอื่นในระบบสุริยะ แถมยังไปพ้องกับชื่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของชาวอินุตที่อาศัยอยู่ในก้นมหาสมุทรอาร์คติกอีกด้วย
วัสดุนี้ประกอบไปด้วยทองคำบริสุทธิ์พัลลาเดียมและทองแดงหลอมรวมกันด้วยกรรมวิธีเฉพาะของ OMEGA จนได้วัสดุใหม่เป็นทองสีแดงระเรื่ออันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงความหรูหราและคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าทองจริงถึง 3 เท่า จึงทำให้เนื้อไม่ลอกและไม่ร่อน เป็นความงามที่อยู่เหนือกาลเวลานั่นเอง
Landing – ลงจอดที่ข้อมือคุณ
ถึงแม้ประวัติศาสตร์จะพา OMEGA บินไปถึงดวงจันทร์มากถึง 6 ครั้ง แต่การเดินทางของนาฬิกาก็ยังไม่สิ้นสุดลง บนพื้นโลกนี้ Speedmaster Moonwatch ก็ยังพัฒนาต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด
ล่าสุดปี 2021 OMEGA ก็ได้นำจิตวิญญาณของความแข็งแกร่ง ความทนทาน และความสวยงามกลับมาอีกครั้ง ด้วยการใช้ทรงตัวเรือนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวเรือนเจเนอร์เรชันที่ 4 หรือก็คือตัวเรือนเดียวกับนักบินอวกาศประจำยาน Apollo 11 ประกอบกับกลไกคุณภาพอย่าง Calibre 3861 ที่ได้รับมาตรฐานระดับ Master Chronometer
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอีกมากมายสำหรับผู้ที่หลงใหล Speedmaster Moonwatch กับอีก 8 รุ่นให้เลือกทั้งรุ่นกระจกแซพไพร์และกระจกเฮซาไลท์ สายสแตนเลสหรือสายหนัง และยังมีตัวเรือนสเตนเลสสตีลทอง Sedna™18K หรือทอง Canopus™18K ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับการรับประกันจาก OMEGA ถึง 5 ปีเต็ม
แม้จะความยิ่งใหญ่จะอยู่ในอวกาศ แต่ทุกคนก็สามารถครอบครองประวัติศาสตร์นี้ได้บนข้อมือของเราได้ หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูติก OMEGA ทุกสาขา
สาขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959
สาขา ดิ เอ็มโพเรียม โทร. 02-664-9550
สาขา สยามพารากอน โทร. 02-129-4878