เวลาเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด เชื่อว่าหลายคนคงพยายามตามหาของดีของเด็ดประจำถิ่นนั้นๆ ติดไม้ติดมือกลับมาเป็นของฝากอยู่เสมอ
แต่บางครั้งอาจมีข้อจำกัดด้านเวลาจนไม่สามารถดั้นด้นไปซื้อได้ถึงหน้าร้าน จนต้องพลาดของเด็ดไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนั้นยังเป็น pain point ของฝั่งผู้ผลิตตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถส่งผลผลิตที่คราฟต์ออกมาจากใจไปถึงมือผู้บริโภคได้
จุดนี้เองทำให้เกิด ‘โครงการไทยเด็ด’ ขึ้น จากความตั้งใจของ OR และพันธมิตรที่ต้องการผลักดันสินค้าของชุมชนท้องถิ่นไทยที่ดีอยู่แล้วให้ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ โดยต่อยอดพื้นที่ในสถานีบริการให้มีมุมสำหรับจัดจำหน่ายสินค้าที่คัดสรรจากชุมชน เพื่อสนับสนุนสินค้าให้ออกไปสู่วงกว้าง สำหรับผู้ซื้ออย่างเราๆ แค่แวะ พีทีที สเตชั่น เติมน้ำมันก็สามารถช้อป-ชิมสินค้าไทยเด็ดติดไม้ติดมือกลับบ้านได้แล้ว และสำหรับผู้ผลิตเอง โครงการไทยเด็ดก็ช่วยต่อยอดสินค้าจนผู้ประกอบการสามารถสร้างตัวสร้างรายได้เพิ่มยอดขายกันอย่างต่อเนื่อง
วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมารู้จักสินค้าจาก Thaidet พร้อมเปิดเบื้องหลังความสำเร็จและแนวคิดการพัฒนาสินค้าในโครงการไทยเด็ดไปพร้อมๆ กัน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วิสาหกิจชุมชนหาดไก่ต้อย
ฉีกกฎเม็ดมะม่วงแบบเดิมๆ เสริมรสชาติอร่อยเด็ด
เชื่อไหมว่าพื้นที่กว่า 30,000 ไร่ ใน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ เป็นไร่ต้นมะม่วงหิมพานต์
ในอดีตพื้นที่บริเวณนั้นเป็นเพียงภูเขาหินว่างเปล่า แต่ในปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้านวิสาหกิจชุมชนหาดไก่ต้อย เป็นแหล่งปลูกและผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย จนชาวบ้านในพื้นที่มองว่าเป็นภูเขาอัญมณีไปแล้ว ซึ่งเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือเม็ดเล็ก เนื้อแน่น รสชาติหวาน-มัน และเต็มไปด้วยสารอาหาร ที่สำคัญคือปลูกแบบออแกนิก ปราศจากสารเคมีในทุกๆ ขั้นตอน
สำหรับการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้กลายเป็นสินค้าชุมชน ภูมิปัญญาชาวบ้านสมัยก่อนจะทอดและคลุกเกลือป่นบรรจุถุงพร้อมขายแบบง่ายๆ แต่ปัจจุบันได้พัฒนากรรมวิธีการผลิตให้ซับซ้อนขึ้น ผ่านทั้งการตากแดด ทอด และอบไล่น้ำมันจนแห้ง ทำให้ได้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่กรุบกรอบและเก็บรักษาได้นาน รสชาติเองก็พัฒนาตามกระแสตลาด จนได้รสชาติที่อร่อยเด็ดเผ็ดซี้ดอย่างรสต้มยำ ฉีกแนวจากผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์แบบเดิมๆ กลายเป็นของดีของเด็ดขึ้นชื่อของ จ.อุตรดิตถ์ ที่ใครผ่านไปต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมาซักหลายๆ ถุง
ใบบัวบกทอดกรอบ บ้านหม่อมแช่ม
เปลี่ยนผักกินยาก เป็นขนมกินเล่นยอดฮิต
ลืมภาพจำของใบบัวบกที่มาพร้อมความเหม็นเขียวไปได้เลย เพราะวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรบ้านคลองหม่อมแช่มเสกสรรค์ให้ใบบัวบกกลายเป็นขนมขบเคี้ยวอร่อยเด็ดที่เด็กกินก็ได้ผู้ใหญ่กินก็ดี
ใบบัวบกทอดกรอบเรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะในอดีตชาวบ้านชุมชนเกษตรกรบ้านคลองหม่อมแช่มที่ปลูกใบบัวบกเป็นอาชีพหลักต้องเผชิญปัญหาราคาใบบัวบกสดในตลาดตกต่ำอย่างมาก จึงลองพลิกแพลงแปรรูปผลผลิตของตัวเองจนกลายมาเป็นสินค้าใบบัวบกทอดกรอบนั่นเอง
จากผักใบเขียวที่มีรสชาติเฉพาะ เข้าถึงยาก ถูกนำมาทอดกรอบ อบไล่น้ำมัน และปรุงรสให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น มีทั้งรสดั้งเดิม, ต้มยำ, บาร์บีคิว และสาหร่าย กระบวนการผลิตเองก็ได้มาตรฐาน GAP ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก ไปจนถึงการทอด ที่สำคัญคือยังคงคุณค่าทางโภชนาการของใบบัวบกไว้ได้ เป็นขนมที่ทั้งอร่อยและได้ประโยชน์
บอกเลยว่าเปลี่ยนภาพจำของใบบัวบกไปอย่างสิ้นเชิง ยกระดับผักกินยากให้กลายเป็นของกินเล่นยอดฮิต ที่จะซื้อกินเองก็ดี จะซื้อติดมือเป็นของฝากก็ได้
กระเป๋าพู่ประดิษฐ์ ร้าน Montmaxx
กระเป๋าแฮนด์เมดสุดโมเดิร์น จับคู่มากับพู่สุดเก๋
สินค้าไทยดีๆ ไม่ได้มีแค่ของกินอร่อย แต่ยังรวมไปถึงของใช้ที่จัดว่าเด็ดด้วย เช่น กระเป๋าพู่ประดิษฐ์ จากร้าน Montmaxx หนึ่งใน Thaidet Selected ของปีนี้
กระเป๋าพู่ประดิษฐ์เป็นผลงานของกลุ่มแม่บ้านวิสาหกิจชุมชนร้าน Montmaxx จ.สมุทรปราการ ที่ต้องการสร้างรายได้ในชุมชนจึงรวมตัวกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่สร้างสินค้า handmade นี้ขึ้นมา โดดเด่นด้วยการตัดเย็บกระเป๋ารูปแบบต่างๆ ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงการเลือกรูปแบบของผ้าและอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ให้ดูสวยงาม ตอบโจทย์การใช้งาน เข้ากับทุกเพศทุกวัย
แต่สิ่งที่พิเศษสุดๆ ของกระเป๋าจากร้าน Montmaxx ก็คือการสร้างกิมมิกและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยการประดับพู่ห้อยประดิษฐ์รูปปลา ซึ่งเป็นผลงานของกลุ่มนักเรียนชาวเขาใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และตัวถักห้อยกระเป๋ารูปดอกไม้ ซึ่งมาจากปลายเข็มโครเชต์ของสมาชิกในครอบครัวผู้ป่วยติดเตียงใน อ.บางระกาศ จ.สมุทรปราการ เป็นการเพิ่มดีเทลน่ารักๆ แบบไทยๆ ผนวกกับความเรียบหรูดูโมเดิร์นของตัวกระเป๋า จนกลายเป็นเอกลักษณ์ความสวยงามที่ไม่เหมือนใคร
เป็นสินค้าที่นอกจากจะสร้างอาชีพให้กลุ่มแม่บ้านในชุมชนแล้ว ยังช่วยสนับสนุนนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล และสร้างรายได้ให้ครอบครัวผู้ป่วยไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
สินค้าดีๆ กว่าจะมาเป็น ‘ไทยเด็ด’
การจะเป็นศิลปินต้องมีออดิชันอย่างเข้มข้นฉันใด การจะกลายมาเป็นสินค้าไทยเด็ดส่งถึงมีผู้บริโภคก็ต้องมีการคัดสรรเป็นพิเศษฉันนั้น โดยหน่วยงานภาครัฐที่เป็นพันธมิตรของ OR จะคัดเลือกสินค้าที่จัดว่าเด็ดดวงจากกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนทั่วไทย ก่อนเสนอรายชื่อให้คณะกรรมการคัดเลือกสินค้าไทยเด็ด โออาร์ เป็นผู้พิจารณา
หลังจากได้รับการคัดเลือกสินค้าจากชุมชนเหล่านั้นก็จะได้ปรากฏโฉมใน Catalog สินค้าไทยเด็ด เพื่อให้เจ้าของมุมไทยเด็ดและร้านค้าไทยเด็ดสามารถสั่งซื้อไปวางจำหน่ายที่หน้าร้านได้ทั่วประเทศ
และสำหรับสินค้าที่มีเรื่องราวจัดว่าเด็ดเป็นพิเศษก็จะได้รับการคัดเลือกให้เป็น Thaidet Selected เพื่อจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงอาจได้วางจำหน่ายที่หน้าร้านเครือข่ายของ OR ทั่วประเทศอีกด้วย
ไทยเด็ด เพิ่มรายได้ พลิกชีวิตผู้ประกอบการ
ประเทศไทยเรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์พรักพร้อมด้วยสินค้าคุณภาพดีไม่ว่าจะเพื่ออุปโภคหรือบริโภค แต่ละภูมิภาคก็มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างกันไปรอให้ผู้คนได้ค้นหา ขาดก็แต่เส้นทางที่จะช่วยเชื่อมต่อระหร่างชุมชนผู้ผลิตเหล่านั้นกับผู้ซื้อ การเกิดขึ้นของโครงการไทยเด็ดจึงช่วยเติมเต็มเส้นทางที่ว่าได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับผู้ประกอบการบางรายอาจไม่ได้แค่ช่วยเพิ่มพูนรายได้ แต่อาจเรียกได้ว่าเปลี่ยนชีวิตไปเลยทีเดียว เช่นเดียวกับวิสาหกิจชุมชนเหล่านี้
ผ้าทอย้อมคราม บ้านคำประมง จ.สกลนคร
กลุ่มทอผ้าที่มีสมาชิกเริ่มต้นเพียง 11 คน ร่วมลงขันทุนตั้งต้นของกลุ่มเพียงคนละ 100 บาท เพื่อนำไปซื้อฝ้ายกวงมาให้สมาชิกในกลุ่มทอ ฝ้ายจะถูกย้อมด้วยสีธรรมชาติ เช่น คราม โคลน และเปลือกไม้ ก่อนนำมาทอด้วยลวดลายต่างๆ ผ้าทอย้อมคราม บ้านคำประมง ได้เข้าร่วมโครงการไทยเด็ด และได้รับเลือกเป็น Thaidet Selected ในปี 2565 จนเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากทุนเพียงคนละร้อยบาทวันนั้น เติบโตสร้างรายได้ขึ้นมากถึง 6 เท่าต่อเดือน และกลายเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกมากถึง 21 คนแล้วในวันนี้
กระเป๋าพู่ประดิษฐ์ Montmaxx จ.สมุทรปราการ
กลุ่มแม่บ้านร้าน Montmaxx เข้าร่วมโครงการไทยเด็ดในปี 2565 และกลายเป็นน้องใหม่ Thaidet Selected ประจำปี 2567 นี้ จากกลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวกันเพียง 18 คนเพื่อจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สู่การเป็นกลุ่มใหญ่ที่ดูแลคนกว่า 45 ชีวิต และมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 2 เท่าต่อเดือนในวันนี้
กล้วยทอดกรอบเนียนนา จ.กาญจนบุรี
ขนมกล้วยฉาบสูตรคุณแม่จำเนียรสู่กล้วยทอดกรอบภายใต้แบรนด์เนียนนา ที่ส่งต่อความอร่อยมานานกว่า 30 ปี จนต้องตากรรมการไทยเด็ดและได้มีโอกาสวางขายในร้าน Jiffy กว่า 15 สาขา จากกล้วยทอดที่คุณแม่จำเนียรใช้สร้างรายได้จนส่งลูกเรียนจบมหาวิทยาลัย สู่รุ่นลูกที่สร้างกล้วยทอดกรอบเนียนนาส่งเสริมอาชีพให้คนในชุมชน และผลประกอบการที่เติบโตกว่า 1.7 เท่าต่อเดือน
ถ้าวัดจากยอดการเติบโตของรายได้ผู้ประกอบการแล้ว ที่กล่าวว่าโครงการไทยเด็ดเปลี่ยนชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
สินค้าชุมชนไทยเติบโตไปกับไทยเด็ด
โครงการไทยเด็ดเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2661 จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นระยะเวลากว่า 6 ปี ที่ OR ได้สนับสนุนผู้ประกอบการมากมายทั่วประเทศ จนในปัจจุบันมีรายการสินค้าชุมชนที่มีจำหน่ายในโครงการไทยเด็ด และ Thaidet Selected กว่า 1,000 รายการ ซึ่งได้รับโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นภายใต้โครงการนี้ ได้เข้าร่วมแคมเปญสนับสนุนการตลาดมากมาย ล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาโครงการไทยเด็ดก็สร้างรายได้รวมส่งคืนกลับสู่ผู้ผลิตในชุมชนมากถึง 100 ล้านบาทเลยทีเดียว
เพราะภูมิใจที่ ‘ไทยเด็ด’
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการไทยเด็ด นอกจากยอดตัวเลขเด็ดๆ แล้ว อีกสิ่งที่ทำให้เราสังเกตได้อย่างชัดเจนคือพัฒนาการของช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า โดยเริ่มต้นจากการจัดตลาดไทยเด็ด ก่อนจะมีมุมไทยเด็ดเล็กๆ ของร้านค้าในเครือ OR จนกระทั่งเติบโตมีหน้าร้านเป็นร้านไทยเด็ดในปัจจุบัน รวมแล้วมีช่องทางจำหน่ายแล้วกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ เท่านี้ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าโครงการนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีแค่ไหน
ร้านไทยเด็ดไม่เพียงเป็นจุดที่ผู้ประกอบการชุมชนใช้เป็นช่องทางจัดแสดงสินค้าเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสะพานที่เชื่อมผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน ผ่านสินค้าที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมความเป็นท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่เอาไว้ด้วย