สังคมปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขัน หลายคนพร้อมที่จะสู้ เพื่อที่จะดำรงชีวิตต่อไป แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อมสู้ในสนามแข่งขัน
ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการกว่า 3 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหวที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ การช่วยเหลือคนพิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืน ต้องเสริมสร้างพลังใน 3 ด้าน ทั้งพลังกาย พลังใจ และพลังชีวิต
เริ่มจากการที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ช่วยดูแลฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แก่คนพิการ จากนั้นโอสถสภาจะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานด้านการปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อพูดคุยสอบถามคนพิการ และนำข้อมูลที่ได้มาออกแบบบ้านให้ตรงตามความต้องการและสอดรับกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนพิการให้ได้มากที่สุด จากนั้น OSP Hero หรือพนักงานจิตอาสาของโอสถสภาจะช่วยกันซ่อมแซมและปรับปรุงบ้านตามความถนัดของแต่ละคน OSP Hero จากฝ่ายซ่อมบำรุงเป็นหัวแรงหลักในการดูแลด้านงานโครงสร้าง การต่อระบบประปา-ไฟฟ้า ในขณะที่ OSP Hero จากหน่วยงานอื่นๆ ก็มาช่วยเติมเต็มในส่วนต่างๆ อาทิ การตกแต่ง ทาสีบ้าน การเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกผัก และอื่นๆ ทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างพลังกายและพลังใจให้คนพิการพร้อมสู้ต่อ
นอกจากนี้ยังได้เสริมสร้างพลังชีวิต ด้วยการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม เช่น ปลูกถั่วงอก เพาะเห็ด สานกระเป๋า เป็นต้น พร้อมให้ความรู้และจัดสรรอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบอาชีพ ทั้งยังช่วยออกแบบตราสินค้า บรรจุภัณฑ์สินค้า จัดหาตลาด สร้างช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้คนพิการมีรายได้ดูแลตนเองและช่วยเหลือครอบครัวได้ต่อไป โดยทั้งหมดทั้งมวลนี้มีแนวคิดมาจาก “ให้เบ็ดดีกว่าให้ปลา” ซึ่งนับว่าเป็นแนวคิดที่มีประโยชน์ต่อคนพิการอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นการช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างทักษะได้อย่างยั่งยืน เพราะสามารถนำไปใช้ได้จริง และทักษะต่างๆ เหล่านั้นจะยังคงอยู่ไปตลอดชีพ ทำให้คนพิการสามารถแสดงตัวตน มีความภูมิใจในตัวเอง และรู้สึกมีคุณค่าให้สังคมเห็นได้อย่างชัดเจน
ในปี 2562 โอสถสภาสามารถปรับปรุงบ้านได้ทั้งหมด 30 หลัง ตามเป้าหมายที่วางไว้ และเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารและจิตอาสา OSP Hero ได้ลงพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมภารกิจสร้างบ้านให้กับคนพิการรายที่ 30 ของโครงการ นายสุรศักดิ์ กิจจารักษ์ อายุ 44 ปี ซึ่งมีแขนขาซ้ายอ่อนแรงและพูดไม่ได้จากโรคหลอดเลือดสมองแตก กลายเป็นคนพิการติดบ้านจากเดิมที่เคยทำงานเป็นพนักงานขับรถ ทำให้แม่และน้องชายต้องรับภาระดูแล อีกทั้งบ้านที่อยู่อาศัยมีสภาพเก่าทรุดโทรมและยังถูกไล่ที่
OSP Hero จึงได้เข้าไปช่วยเหลือสร้างบ้านบนพื้นที่ใหม่ เนื่องจากบ้านหลังเดิมทรุดโทรมจนเกินจะซ่อมแซมได้ โดยได้นำอิฐเตาเผาเก่าจากโรงงานมาทำผนังบ้าน และติดตั้งระบบไฟฟ้า-ประปา พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ ภายในบ้าน อีกทั้งได้มอบรถเข็นซึ่งช่วยให้นายสุรศักดิ์ สามารถออกจากบ้านได้อย่างปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น พร้อมสอนงานสานเส้นพลาสติกและการปลูกถั่วงอกเพื่อเป็นอาชีพสร้างรายได้ต่อไป
“ดีใจที่โอสถสภาเข้ามาช่วย ทั้งสร้างบ้านให้และช่วยสอนอาชีพ ทำให้มีงานทำ มีรายได้จากการปลูกถั่วงอกและสานกระเป๋า แต่ก่อนก็รู้สึกท้อว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมลูกถึงป่วย แต่ต่อไปนี้เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น” คุณแม่หัวใจแกร่ง ผู้ดูแลนายสุรศักดิ์ กล่าวทั้งน้ำตาด้วยความยินดีกับชีวิตใหม่ของครอบครัว
ด้านนางสาววงเดือน นามนใส อายุ 34 ปี อดีตพนักงานขายโทรศัพท์มือถือ หลังประสบอุบัติเหตุจนขาพิการ ส่งผลให้ต้องหย่าร้าง มีความเครียดสะสมจนเกิดภาวะโรคหลอดเลือดสมองแตกซ้ำ มีชีวิตที่ยากลำบาก โดยมีภาระเลี้ยงดูแม่ที่พิการติดเตียง และลูกสาววัยเรียนชั้นประถมศึกษาอีก 2 คน
OSP Hero จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ โดยการปรับปรุงสภาพบ้านให้ปลอดภัยและน่าอยู่มากขึ้น ทั้งราวบันได ราวจับในห้องน้ำ เปลี่ยนก๊อกน้ำและประตูห้องน้ำ พร้อมมอบอุปกรณ์ทำครัวและสอนการทำขนมโดนัท เพื่อเป็นอาชีพสร้างรายได้ โดยลูกสาวจะนำขนมโดนัทไปขายที่โรงเรียนเพื่อช่วยหาเงินเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งหน่วยงานในท้องถิ่นได้เข้ามาช่วยอุดหนุนขนมไปเป็นของว่างในการประชุมด้วย ทำให้วันนี้ วงเดือนและครอบครัวกลับมายิ้มสดใสได้อีกครั้ง
“ดีเอ็นเอที่อยู่คู่กับโอสถสภามาอย่างยาวนาน คือ แนวคิดการทำธุรกิจที่มุ่งคืนกำไรกลับคืนสู่สังคม โดยเน้นสร้างเครือข่ายความช่วยเหลือ เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือที่ยั่งยืนที่สุด โครงการ Life must go on…พลังเพื่อก้าวต่อไป จึงสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง รวมพลังจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนพิการให้กลับมามีพลังก้าวต่อ พร้อมฝ่าฟันทุกอุปสรรคด้วยใจที่เข้มแข็ง” นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าว
ก่อนหน้าที่ผ่านมาโครงการ Life must go on…พลังเพื่อก้าวต่อไป ได้นำร่องช่วยเหลือคนพิการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนพิการสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างยั่งยืนมาแล้วกว่า 100 คน และในอนาคตมีเป้าหมายช่วยเหลือคนพิการรวมอีก 130 คน ในพื้นที่ 4 จังหวัดที่โอสถสภามีโรงงานตั้งอยู่ ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพฯ จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดอยุธยา และจังหวัดสระบุรี ภายในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่โอสถสภาครบรอบการก่อตั้งและก้าวเข้าสู่ปีที่ 130 โดยมี OSP Hero กว่า 900 คนจาก 10 บริษัทในเครือ เป็นผู้ขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานด้านการปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่
โครงการ Life must go on…พลังเพื่อก้าวต่อไป สามารถช่วยเหลือและเปลี่ยนชีวิตของคนพิการได้มากมาย ซึ่งเป็นผลมาจากการรวมพลังของภาคส่วนต่างๆ เมื่อพลังเล็กๆ หลอมรวมกันก็จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ โครงการนี้จะไม่สามารถประสบความสำเร็จและเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ หากขาดพลังใดพลังหนึ่ง ซึ่งโครงการนี้เป็นการรวมพลังของ 3 ส่วนได้แก่ พลังหน่วยงานท้องถิ่น พลังจิตอาสาของพนักงานโอสถสภา และพลังของคนพิการเอง ทุกๆ พลังล้วนช่วยให้คนพิการสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในชีวิต และก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุข ภาคภูมิใจ และเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายหลักของโครงการคือการเป็นโมเดลแบบอย่าง เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปสู่กลุ่มคนพิการให้ทั่วถึงเป็นวงกว้างมากขึ้น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนพิการและครอบครัว รวมไปถึงชุมชนอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
Content by Nataporn Meenork
Illustration by Phitsacha Thanawanichnam