หนึ่งในไอเท็มที่เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การทำอาหารเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นก็คือ ‘หม้อทอดไร้น้ำมัน’ อุปกรณ์เครื่องครัวสารพัดประโยชน์ที่ทำได้ทั้ง ทอด อบ อุ่น ย่าง เบเกอรี ครบจบในหม้อเดียว
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ที่ทุกคนรู้จักหม้อทอดไร้น้ำมันเป็นอย่างดี รู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้วเจ้าหม้อทอดนี้อยู่คู่คนไทยมานานกว่าสิบปี โดย ฟิลิปส์ เป็นแบรนด์แรกที่เริ่มทำตลาดหม้อทอดไม่ใช้น้ำมัน ใช้ชื่อว่า Philips Airfryer เริ่มวางขายในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2011 แล้วอะไรกันที่ทำให้ Philips Airfryer ยืน 1 ในวงการหม้อทอดไร้น้ำมันมาโดยตลอด
ความสามารถหลากหลาย ทำเมนูอาหารได้ราวกับเป็นเชฟมืออาชีพ
เหลือเชื่อว่าการมีหม้อทอดไร้น้ำมันจะทำให้เราค้นพบศักยภาพความเป็นเชฟที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง
อย่างเมนูที่พวกเราชาว The MATTER ทำกันในวันนี้คือ ‘หมูกรอบชาชู’ เมนูสุดฮิตที่ผสานทั้งความอร่อยของหมูกรอบและหมูชาชูเข้าไว้ด้วยกัน ยากที่ใครจะปฏิเสธเมนูนี้ และยากที่จะทำออกมาให้สำเร็จได้ด้วยตัวเองเช่นกัน แต่ด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันก็ทำให้เราทำอาหารยากๆ แบบนี้มากินได้ในชีวิตประจำวัน
ที่ผ่านมาเจ้าหม้อทอดไร้น้ำมันได้พิสูจน์ตัวเองให้เราได้เห็นถึงอิทธิฤทธิ์ความสามารถผ่านฟีดต่างๆ หน้าไทม์ไลน์แล้วว่า ไม่ว่าใครก็ทำหมูกรอบกินเองได้เหมือนร้านอาหาร ทำขาหมูเยอรมันกินเองได้ราวกับเป็นภัตตาคาร อบเค้ก อบคุกกี้ ราวกับเป็นร้านเบเกอรี ทำสเต็กเนื้อมีเดียมแรร์ อบซี่โครงหมูบาร์บีคิว และทำอาหารระดับเชฟอีกมากมายได้ที่บ้าน
ไม่ต้องทำอาหารเป็นก็ทำอาหารด้วยหม้อทอดได้
ใน Philips Smart AirFryer มีการพัฒนาให้ทำอาหารได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ง่ายจนขนาดที่ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเป็นก็สามารถปรุงอาหารได้ภายในสองขั้นตอน แค่ใส่วัตถุดิบลงหม้อ เลือกประเภทแล้วกดปุ่มปรุงอาหาร เซนเซอร์ AI อัจฉริยะ จะปรับเวลาและอุณหภูมิให้เราโดยอัตโนมัติตามเมนูและปริมาณอาหาร เทคโนโลยีนี้เรียกว่า Smart Sensing Technology ช่วยให้เราทำอาหารให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องจำสูตร ไม่ต้องคำนวณเวลาเอง ไม่ต้องเปิดๆ ปิดๆ ดึงเข้าดึงออกเพื่อเช็กว่าอาหารสุกหรือเปล่า หลังจากกดปุ่มก็นั่งรอให้ถึงเวลาที่เครื่องกำหนด แล้วยกอาหารเสิร์ฟได้เลยทันที
ทอดไม่ใช้น้ำมัน ไม่ต้องกลับด้าน ก็สุข(สุก) อย่างทั่วถึง
จุดเด่นที่สำคัญของหม้อทอดไร้น้ำมัน ตรงตามชื่อ คือ ไม่ต้องใช้น้ำมันในการทำอาหาร เมื่อใช้น้ำมันน้อยลงก็ควบคุมอาหาร ดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น แต่เหนือกว่าการไม่ต้องใช้น้ำมันอย่างหม้อทอดทั่วไปแล้ว Philips Smart AirFryer มีทั้งเทคโนโลยี Twin TurboStar ที่ช่วยให้อาหารร้อนไว ร้อนทั่วถึง และสะดวกสบาย ไม่ต้องคอยพลิกกลับด้านอาหารหรือปรับอุณหภูมิขณะเครื่องทำงาน เพราะเทคโนโลยีนี้ของฟิลิปส์จะช่วยให้อาหารสุกทั่วถึงทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกหรือด้านใน
สิ่งที่สำคัญในการใช้หม้อทอดคือเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่ออาหารโดนความร้อน Philips AirFryer จึงเลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ อย่างชนิดของตะแกรงที่ต้องสัมผัสอาหารโดยตรง ก็เป็นตะแกรงวางอาหารแบบ non-stick ล้างทำความสะอาดง่าย ไม่มีพลาสติกสัมผัสอาหาร ใช้วัสดุพรีเมียมที่มีความทนทาน ปลอดภัยกับอาหารแม้ใช้ความร้อนสูง
ความลับของฐานรูปปลาดาว : เทคโนโลยีที่รีดไขมันส่วนเกินออกจากอาหารได้สูงสุด 90%
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะตัว หาไม่ได้จากแบรนด์ไหน คือ ฐานของหม้อทอดมีโครงสร้างคล้ายรูปปลาดาว ซึ่งเป็นสิทธิบัติเฉพาะของฟิลิปส์ เรียกว่า เทคโนโลยี Twin TurboStar ที่ไม่ใช่แค่เพียงมีรูปทรงสวยงามแปลกตา แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ลดการใช้น้ำมันได้สูงสุด 90% (เมื่อเทียบกับการทอดมันฝรั่งสดในน้ำมันท่วม) อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยทำให้ร้อนเร็ว เกิดความร้อนอย่างทั่วถึงจนอาหารสุก สามารถทอดอาหารได้โดยไม่ต้องใส่น้ำมัน และยังช่วยรีดไขมันส่วนเกินออกจากอาหารได้อีก
Philips AirFryer : ยืน 1 เรื่องรสชาติ
สำหรับการทำอาหารแล้ว รสสัมผัสคือเรื่องที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าทำอาหารได้ง่ายแต่รสสัมผัสแข็งกระด้าง ไม่อร่อย ก็ไม่สมควรเกิดมาเป็นหม้อทอดไร้น้ำมันด้วยประการทั้งปวง แต่ด้วยเทคโนโลยี Twin TurboStar ทำให้อาหารที่ทำจาก Philips AirFryer ได้รสสัมผัสที่กรอบนอกฉ่ำใน เนื้ออาหารยังมีความ Juicy และกรุบกรอบแบบ Crispy ทั่วทุกชิ้น
ด้วยความคุ้มค่าของคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา อีกทั้งยังมีหลากหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการและการใช้งาน ตั้งแต่รุ่นเล็กราคาเริ่มต้นประมาณสี่ห้าพันบาท ไปถึง รุ่นไฮเทคสุดล้ำที่มีระบบ Ai อัจฉริยะ ปรับอุณหภูมิตามเมนูและปริมาณอาหารได้เอง และเทคโนโลยี Twin TurboStar Rapid Air เฉพาะตัวที่ทำให้ Philips Airfryer ยืน 1 ในวงการหม้อทอดไร้น้ำมันมาโดยตลอดอย่างไม่ต้องสงสัย