เชื่อว่าครั้งหนึ่งทุกคนต้องเคยพบกับ ‘จุดเปลี่ยน’ หรือ Turning Point บางอย่างในชีวิต
อาจจะเป็นตอนที่เลิกกับแฟน เรียนจบใหม่ๆ ลาออกจากงาน หรือสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไป ซึ่งจุดเปลี่ยนเหล่านี้ ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาเขย่าโลกทั้งใบ จากคนที่เคยแน่วแน่ มั่นคง กลับกลายเป็นคนที่ ‘หลงทาง’ อยู่สักพักใหญ่ๆ
จึงเกิดคำถามในใจว่า แล้วแบบนี้เราจะวางแผนชีวิตกันไปทำไม ในเมื่ออะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน? เมื่อสูญเสียเสาหลักที่เคยยึดไว้มานาน ความรู้สึกเคว้งคว้างก็เกิดขึ้น กลายเป็น Life Crisis หรือวิกฤตตามหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ และมักจะตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆ ว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะหาคำตอบเหล่านี้ได้
บางคนจึงเลือกเดินตามเส้นทางของคนอื่น เผื่อว่าสักวันหนึ่งทางนั้นจะกลายเป็นทางที่ใช่สำหรับตัวเอง แต่เมื่อเดินมาสุดทางแล้ว ก็กลับพบว่าเป็นอะไรที่เสียเวลาและความรู้สึกเหลือเกิน เพราะจริงๆ แล้วเป้าหมายชีวิตและความสุขที่เราตามหานั้นมีหน้าตาที่แตกต่างออกไป
สูตรสำเร็จของสังคมอาจบอกว่าเรียนจบแล้วต้องหางานทำ พอถึงจุดหนึ่งสร้างครอบครัวที่มั่นคงเลย แต่สำหรับบางคนอาจมีอย่างอื่นที่น่าสนใจมากกว่านั้น ซึ่งเติมเต็มความสุขในระยะยาวให้กับเขาได้
หรืออาจพูดได้ว่า การเลือกเดินในเส้นทางที่เราสนใจและเหมาะสมกับเงื่อนไขในชีวิตน่าจะดีที่สุด เพียงแต่ระหว่างทางไปถึงเป้าหมายนั้นอาจยากลำบาก และไม่ตรงตามที่สังคมบอกเอาไว้ว่า อายุเท่านี้ต้องมีอะไร อายุเท่าไหร่ถึงควรทำสิ่งนั้น
แต่ทุกอย่างมีจังหวะและเวลาที่ถูกต้องของมันเสมอ และจังหวะนั้นอาจไม่ใช่จังหวะที่ตรงกับของคนอื่นเท่าไหร่ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากเราจะประสบความสำเร็จในช่วงวัยที่ต่างจากลูกของป้าข้างบ้าน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความเราล้มเหลวหรอกนะ เพราะแม้แต่จังหวะการก้าวเดินของคนเรายังช้าเร็วไม่เท่ากัน จะให้เดินมาถึงจุดหมายปลายทางพร้อมๆ กันก็คงไม่ได้
บางทีเราอาจจะเป็น Late Bloomer หรือดอกไม้ที่เบ่งบานช้า แต่เมื่อถึงจังหวะเวลาที่ใช่แล้ว ก็จะบานอย่างสะพรั่งและมั่นคง ซึ่งระหว่างที่รอการเบ่งบานนั้น มีอะไรหลายอย่างให้เราต้องรับมือ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า บางครั้งสิ่งที่เราวางแผนไว้ ก็อาจจะไม่เป็นไปตามนั้นเสมอไป
หรือบางครั้งการไม่มีแผนอะไรเลย อาจจะเป็นแผนที่ดีที่สุดนะ?
เมื่อชีวิตคาดเดาไม่ได้ ก็ต้องอิมโพรไวส์กันไปตามน้ำ
ด้วยความบอบช้ำที่ผู้คนในสังคมมีร่วมกัน ทำให้ซีรีส์แนว Coming of Age ที่ถ่ายทอดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของวัยรุ่นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง Original Series เรื่อง Groovin’On ที่สร้างโดย POPS แอปพลิเคชันเพื่อความบันเทิงในรูปแบบสตรีมมิง ก็ได้เล่าถึงการตามหาความฝันของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนมากมายในชีวิต
เรื่องราวเกิดขึ้นจาก ‘อัลโต้’ (รับบทโดย เก้า—จิรายุ ละอองมณี) นักศึกษาเอกดนตรีแจ๊สที่เพิ่งจบใหม่ ได้ประสบกับจุดเปลี่ยนหลายอย่างในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ทั้งชวดทุนเรียนต่อ ถูกแฟนบอกเลิก ได้รับบาดเจ็บ และหนักสุดคือการได้รับข่าวร้ายกระทันหันว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ทำให้แทนที่เขาจะได้ไปเฉิดฉายที่ต่างประเทศ กลายเป็นต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้
บ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ของอัลโต้ มีกิจการบาร์แจ๊สเล็กๆ ที่ชื่อ Out of the Blues ซึ่งพ่อและน้องสาวของเขา ‘ซอล’ (รับบทโดย อ๊ะอาย—กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ) ช่วยกันเปิดและดำเนินกิจการมาโดยตลอด แต่เมื่อพ่อที่เคยเป็นเสาหลักได้จากไปแล้ว ทำให้อัลโต้ต้องเข้ามาช่วยกิจการนี้ให้อยู่รอดต่อไป และรับปากเอาไว้ว่า จะทำให้บาร์นี้ดังไปถึงต่างประเทศ
แต่ระหว่างนั้นเขาก็เกิดความขัดแย้งกับซอลหลายอย่าง เนื่องจากซอลยังคงยึดติดอยู่กับช่วงเวลาที่พ่อยังอยู่ ทั้งการทำบาร์และข้าวของในบ้าน หรือเรียกได้ว่าไม่กล้าก้าวขาออกจากเซฟโซนที่เคยมี แล้วตอนนั้นเอง อัลโต้ก็ได้พบกับ ‘ขวัญ’ (รับบทโดย วาววา—ณิชชา โชคประจักษ์ชัด) หญิงสาวที่เคว้งคว้างไม่ต่างกัน เพราะเพิ่งถูกแฟนบอกเลิกมา ซึ่งขวัญเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เฝ้าตามหาแพสชันในชีวิต ด้วยการลองทำอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ
เมื่อเธอได้เห็นความลำบากของอัลโต้ ที่ต้องดำเนินบาร์ของพ่อให้อยู่รอด ทั้งๆ ที่ลูกค้าเริ่มจะร่อยหรอลงเต็มที เธอจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและจัดการอะไรหลายๆ ทั้งรับสมัครนักดนตรี เปลี่ยนโฉมร้าน คิดแผนการตลาด และทำให้อัลโต้รู้จักรับฟังคนอื่นมากขึ้น หรือนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอค้นพบความชอบของตัวเองด้วยเช่นกัน
“ไม่มีแพสชันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“แพสชันมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะเว้ย แล้วคนที่ไม่มีเขาผิดด้วยหรอ”
“ชีวิตก็แบบนี้ มีขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกับดนตรีแจ๊สที่เราเล่นนั่นแหละ”
(ไดอะล็อกบางส่วนจากซีรีส์เรื่อง Groovin’On)
จุดร่วมของตัวละครในเรื่องนี้ คือการที่พวกเขาต้องหาเส้นทางของตัวเองให้เจอ ผ่านการเปิดใจทำอะไรใหม่ๆ ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ และเรียนรู้ที่จะไหลไปตามน้ำบ้าง หากชีวิตไม่เป็นไปตามที่หวัง ซึ่งคำว่าไหลไปตามน้ำในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่อย่างล่องลอยไปวันๆ โดยไร้จุดหมาย แต่หมายถึง เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะควบคุม บางครั้งเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น และเตรียมรับมือกับมันอย่างมีสติมากที่สุด
คล้ายกับการ ‘อิมโพรไวส์’ (Improvise) ในดนตรีแจ๊สที่พวกเขาเล่น ซึ่งเป็นดนตรีที่ไม่มีแพทเทิร์นตายตัว ไม่มีสูตรสำเร็จเหมือนดนตรีประเภทอื่นๆ การอิมโพรไวส์ไม่ใช่การเล่นมั่วๆ แต่เป็นการปล่อยให้ตัวโน้ตไหลออกมาตามความรู้สึกของผู้เล่น โดยที่ยังสร้างความสนุกสนานและความประทับใจให้แก่ผู้ฟังไปจนจบเพลงได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ซีรีส์เรื่องนี้จึงไม่เพียงแต่จะทำให้คนดูฟีลกู้ด อบอุ่น และเกิดแรงบันดาลใจเท่านั้น แต่ยังชวนคนดูไปสัมผัสกับวัฒนธรรมดนตรีแจ๊สที่ถูกเล่าผ่านนักแสดงมากฝีมือด้านดนตรีหลายคน และชวนสำรวจบาร์แจ๊สหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติอีกด้วย
สามารถรับชมซีรีส์เรื่อง Groovin’On แบบฟรีๆ ได้แล้ววันนี้ ผ่านทางแอปพลิเคชัน POPS หรือเว็บไซต์ http://bit.ly/GroovinOn ซึ่งตอนใหม่จะมาทุกวันเสาร์ เวลา 19.00 น. แล้วมาลุ้นกันว่าบาร์ Out of the Blues จะไปรอดมั้ย และพวกเขาจะพบ ‘จังหวะที่ใช่’ ในชีวิตของตัวเองกันหรือเปล่า