จูบ เป็นหนึ่งในวิธีการแสดงความรักระหว่างกันด้วยภาษากายที่ชวนให้รู้สึกวาบหวาม วินาทีที่ริมฝีปากของคนสองคนสัมผัสกัน
การจูบพัฒนามาจากพฤติกรรมที่ทำไปเพื่อความอยู่รอดขั้นพื้นฐานอย่างการกินอาหารนี่แหละ โดยแม่จะเคี้ยวอาหารให้ละเอียดแล้วป้อนใส่ปากของลูก ตัวอย่างที่น่าจะเคยพบเห็นในสารคดีต่างๆ ก็อย่างเช่น นก หรือลิง วิธีการนี้นอกจากจะช่วยย่อยอาหารให้ลูกน้อยเคี้ยวกลืนได้ดีขึ้นแล้ว ในน้ำลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมยังมีส่วนผสมของแร่ธาตุต่างๆ ที่ไม่มีในน้ำนมแม่ อย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เหล็ก สังกะสีประกอบอยู่ด้วย เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ สัตว์ต่างๆ และมนุษย์เราเองก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้ในการแสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันและกัน เป็นการแสดงออกถึงความใกล้ชิดแนบแน่นในความสัมพันธ์ และเป็นการทดสอบความเข้ากันทางกลไลเคมีผ่านรสจูบและสัมผัสที่ริมฝีปาก
ระหว่างที่คนสองคนจูบกันจะมีการแลกเปลี่ยนน้ำลายกันมากถึง 9 มิลลิลิตรโดยเฉลี่ย มีโปรตีน 0.7 มิลลิกรัม ไขมัน 0.71 มิลลิกรัม โซเดียมคลอไรด์ 0.45 มิลลิกรัม และแลกเปลี่ยนแบคทีเรียถึง 278 สปีชีส์ที่แตกต่างกันจำนวน 10 ล้านไปจนถึง 1 พันล้านตัวในระหว่างการจูบหนึ่งครั้ง
งานวิจัยหลายๆ ชิ้นยืนยันว่า จูบแรกจูบเดียวก็บอกได้ว่าคนตรงหน้าใช่หรือไม่ใช่ เพราะลิ้นดูดซึมฮอร์โมนเพศอย่างเทสโทสเทอโรนได้ ทำให้ร่างกายของเรารู้ได้ตามกลไกทางวิทยาศาสตร์คนนี้ Spark Joy ในดวงใจจริงหรือเปล่า ในเมื่อจูบสำคัญขนาดนี้ การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับครั้งแรกจึงต้องใส่ใจกันมากอยู่สักหน่อย
เลี่ยงอาหารกลิ่นแรง
ใครที่ชอบกินอาหารกลิ่นฉุนรุนแรง อย่างกระเทียม ต้นหอม ที่ฝากกรดซัลฟิวริกไว้ที่ลิ้นและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดของเราทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้จากทั้งช่องปากและออกมาจากปอดจนอาจทำให้ไม่มั่นใจได้ หรืออาหารที่มีส่วนผสมของนม ชีส และน้ำตาลก็อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ด้วยเช่นกัน หากจวนตัวอาจจะลองใช้วิธีเคี้ยวหมากฝรั่ง ที่มีกลิ่นหอมสดชื่นของมินต์สารพัดชนิด แถมการเคี้ยวยังช่วยให้ต่อมน้ำลายในปากของเราหลั่งน้ำลายออกมามากขึ้น จึงควบคุมให้แบคทีเรียในช่องปากไม่ส่งกลิ่นออกมา รวมถึงขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน แต่ก็อย่าเคี้ยวนานเกินไปเพราะเศษอาหาร แบคทีเรียต่างๆ ที่สะสมอยู่บนเนื้อหมากฝรั่งอาจจะย้อนกลับมาทำให้เกิดกลิ่นปากแทน
เติมความชุ่มชื้น
การดื่มน้ำช่วยชะล้างเศษอาหารตามช่องปาก พาให้แบคทีเรียบางส่วนลงไปในกระเพาะอาหาร ควบคุมสมดุลของแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้กลิ่นปากลดลง ไม่ว่าจะเป็นน้ำอุ่น น้ำเปล่าธรรมดา หรือน้ำเย็นก็ช่วยได้ แถมยังทำให้ช่องปากของเรามีความชุ่มชื้น ร่างกายผลิตน้ำลายได้อย่างพอเหมาะ แถมยังช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นตามไปด้วย แต่หากใครริมฝีปากแห้งมากๆ อาจจะเพิ่มการทาลิปบาล์มระหว่างวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ควรทาเพื่อไม่ให้ปากแห้งแตกจนเกิดแผลให้รำคาญใจ
ใช้ธรรมชาติเข้าช่วย
ไฟเบอร์จากผักผลไม้ฉ่ำน้ำอย่างแอปเปิ้ล แตงกวา แครอทช่วยให้กลิ่นปากหายไปได้บางส่วนหากเรากินอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อให้วิตามินและแร่ธาตุในพืชผักเหล่านี้มาช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับแบคทีเรียในร่างกายได้ดีขึ้น สามารถผลิตน้ำลายที่ช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ดีด้วย ชาร้อนๆ ก็ช่วยได้เหมือนกัน เพราะใบชาดำและชาเขียวมีสารโพลีฟีนอลช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ จึงทำให้กลิ่นปากลดลงได้
ทำความสะอาดช่องปากสม่ำเสมอ
การดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่ไม่ว่าใครก็ควรทำ เพราะการแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวันนอกจากจะเป็นการกำจัดเศษอาหาร และเติมฟลูออไรด์เคลือบฟันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการมีฟันผุซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ ความรู้สึกว่าช่องปากของเราสะอาด ก็ช่วยให้เรามั่นใจขึ้นไปอีกขั้น เพราะความมั่นใจนี่แหละที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้จูบแรกของเราน่าประทับใจ
ติดตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ Curaprox และการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีได้ที่ www.facebook.com/curaproxth
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.amjmed.com/article/S0002-9343(13)00186-1/fulltext