เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝนตก ไหนจะฝุ่นมลภาวะที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ หันไปทางไหนก็เจอแต่ศัตรูที่จ้องจะทำร้ายผิวของเราให้อ่อนแอลงทุกวัน
เมื่อชีวิตต้องเผชิญหน้ากับเหล่าตัวร้ายที่จ้องสร้างปัญหาให้ผิว เราจะเตรียมตัวอย่างไรหรือมีตัวช่วยอะไรบ้างที่ทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยในยุคนี้? เพราะผิวคือปราการแรกที่ต้องปะทะกับสิ่งแวดล้อมศัตรูวายร้ายอย่างอากาศที่ไม่แน่นอนและเชื้อโรคที่มองไม่เห็น ถ้ามัวแต่ต้องมานั่งกังวลและคอยหลบหลีก เราก็คงไม่พร้อมออกไปใช้ชีวิตสนุกๆ หรือทำกิจกรรมใหม่ๆ แน่นอน
ไขคำตอบปัญหาผิวพร้อมกับเข้าใจการทำงานของ Anti-microbial peptide (AMP) รวมถึงคุณสมบัติของผู้ช่วยในการดูแลปกป้องผิว Flaxseed Oil กับ ‘หมอเก่ง – นายแพทย์ วรภัทร ลิ้มสุทธิวันภูมิ’ แพทย์ผิวหนัง เพื่อกอบกู้ผิวให้กลับมาแข็งแรงในยุคที่ศัตรูผิวล่องลอยอยู่รอบตัว
เราอยู่ในยุคที่สิ่งแวดล้อมเอื้อให้เกิดปัญหาผิว ปัจจุบันมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ผิวของเราอ่อนแอ แพ้ง่าย บอบบาง หรือเกิดปัญหาผิว
ปัจจุบันพบว่าจำนวนของคนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และอาการส่วนใหญ่ที่พบคือผิวบอบบาง ผิวแดงง่าย รู้สึกระคายเคือง แสบร้อน หรือว่าคันยิบๆ โดยสาเหตุที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายนั้นเกิดจาก ‘ปัจจัยภายนอก’ เช่น รังสี UV มลภาวะ เชื้อโรค แบคทีเรีย ความร้อน เครื่องสำอาง สกินแคร์ รวมถึงฮอร์โมนและความเครียด และ ‘ปัจจัยภายใน’ คือความเสื่อมโทรมของชั้นผิวเอง
ซ้ำในปัจจุบันเราเจอกับสถานการณ์โรคระบาดที่บังคับให้เราใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวระคายเคืองได้ เมื่อผิวที่เปรียบเสมือนปราการที่ปกป้องเรากำลังอ่อนแอลง ผลลัพธ์คืออาจเพิ่มโอกาสให้ผิวพบเจอกับปัญหาต่างๆ โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บรรยากาศที่อึมครึม ส่งผลให้คนเกิดความเครียดเพิ่มขึ้น สิ่งนี้ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพผิวอย่างไรบ้าง
ความเครียด ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่จะทำให้คนไข้มีอาการผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่ใช่แค่ผิวหน้าแต่รวมถึงผิวกาย นอกจากนี้ความเครียดก็สามารถทำให้เกิดโรคผิวหนังบางโรคได้ เช่น ผิวเป็นสิวที่ใบหน้าและแผ่นหลัง ยิ่งเป็นวัยเรียนที่อยู่ในช่วงใกล้สอบหรือคนในวัยทำงานที่พักผ่อนน้อยและเกิดความเครียดสูง ผิวก็ยิ่งอ่อนแอมากขึ้น
ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องผิว
เพราะ ‘ผิวหนัง’ เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่เป็นปราการที่ปกป้องเราจากภายนอก นอกจากนี้บนผิวหนังยังมีเซลล์ภูมิคุ้มกันและสารต่างๆ ที่คอยจัดการอันตรายจากภายนอก ในทางกลับกันถ้าผิวหนังที่คอยห่อหุ้มร่างกายเราอ่อนแอหรือเสียสมดุล ทำให้แบคทีเรีย สิ่งสกปรก และสารก่อภูมิแพ้ก็จะเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายขึ้น ผลลัพธ์คือทำให้ผิวอักเสบ แสบ แห้ง ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น สรุปคือ ถ้าปราการที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายมีความแข็งแรง ผิวของเราก็จะสุขภาพดี
แล้วเราจะมีผิวแข็งแรงได้อย่างไร?
สิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่ง คือ การทำความสะอาดและบำรุง เพราะการทำความสะอาดและบำรุงจะเป็นขั้นตอนที่เพิ่มความชุ่มชื้นคืนสู่ผิว ปกติแล้วเวลาทำความสะอาด สิ่งที่ถูกขับออกคือคราบมันต่างๆ ที่มีเชื้อโรคด้วย แต่การทำความสะอาดก็มีหลายประเภท การเลือกผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ยกตัวอย่าง สบู่ก้อนที่มีความเป็นด่างสูง อาจมีความรุนแรงต่อผิวหน้า จะส่งผลให้เมื่อล้างหน้าแล้ว อาจจะทำให้ผิวหน้าแห้งและระคายเคืองมากกว่าเดิม และเพิ่มโอกาสที่ทำให้ความชุ่มชื้นลดลง ทำให้โปรตีนหรือไขมันจำเป็นถูกชะล้างออกมากเกินไป ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม ไม่ทำลายผิว จึงเป็นเรื่องจำเป็น
ขั้นต่อมาที่มีความสำคัญเช่นกัน คือ การบำรุง ตามปกติหมอจะแนะนำว่าหลังอาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวหมาดๆ และตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ทันที ภายใน 3 นาที เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น นอกจากนั้นก็ต้องอย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับ ‘pH Balance’ หรือ ‘สมดุลความเป็นกรด-ด่างของผิว’ ซึ่งส่วนประกอบที่อ่อนโยนต่อผิว เช่น Flaxseed Oil จะช่วยเน้นเรื่องของการต้านจุลชีพและให้ความชุ่มชื้น รักษาค่าสมดุลให้ผิวได้ดี
หมายความว่าความเชื่อที่ใช้สบู่อาบน้ำที่ถูจนสะอาดเอี๊ยด สร้างผลร้ายให้ผิวมากกว่าผลดี
ตามปกติคนที่มีผิวค่อนไปทางมัน พอเจอผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามที่ทำให้ผิวแห้งเอี๊ยดจะรู้ว่าสึกว่ามันสะอาด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะการที่เรารู้สึกแห้งเอี๊ยดหรือว่าแห้งตึงทันทีหลังอาบน้ำหรือล้างหน้า เป็นภาวะที่สบู่หรือว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชำระล้างสิ่งสกปรกอาจทำความสะอาดมากเกินไป จนไม่หลงเหลือโปรตีนกับไขมันที่มันจำเป็นในการให้ความชุ่มชื้นกับผิว
แล้วสบู่เหลวที่มีส่วนประกอบของเมล็ด Flaxseed Oil สำคัญและจำเป็นอย่างไร
ขออธิบายก่อนว่า Flaxseed Oil คือ น้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดของลินิน เป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 (a-linolenic acid; ALA; omega-3 fatty acid) และ สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ที่ช่วยลดการอักเสบและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียน นอกจากนี้ยังพบว่า Flaxseed Oil มีสาร Secoisolariciresinol diglucoside (SDG) สูง ซึ่งมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อรา เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่นหรือแบคทีเรียตามธรรมชาติ
ในแง่การทำความสะอาด เมื่อเราอายุมากขึ้นพวกไขมันในผิวเราน้อยลงอยู่แล้ว สิ่งที่เราแนะนำก็คือไม่อาบน้ำนาน ไม่อาบน้ำร้อน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความรุนแรงต่อผิว และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เสริมชั้นผิว Anti-microbial peptide (AMP) ให้แข็งแรงขึ้น
AMP คืออะไร สำคัญต่อการทำงานกับผิวอย่างไร
AMP ย่อมากจาก Anti-microbial peptide เป็นโปรตีนที่อยู่บนผิวเรา ทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันด่านแรก เป็นโปรตีนภูมิคุ้มกัน เสมือนทหารที่คอยจัดการผู้บุกรุกอย่างเชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัสบางชนิด รวมถึงคอยจำกัดสิ่งแปลกปลอมต่างๆ และยังมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบได้ด้วย
ปัจจุบันความรู้เรื่อง AMP เพิ่มขึ้นมากขึ้น นอกจากจะเป็นด่านแรกในการฆ่าเชื้อโรคเองแล้ว มันยังช่วยเรียกเซลล์ภูมิคุ้มกันมาจัดการเชื้อโรคอีกด้วย
เราจะเสริมให้ผิวสร้าง AMP ได้อย่างไรบ้าง
อย่างที่กล่าวข้างต้น AMP เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน โดยหลั่งออกมาจากเซลล์หลายชนิด รวมถึงเซลล์ผิวหนัง เพราะฉะนั้น การดูแลผิวให้สุขภาพดี มีความชุ่มชื้น และ pH ที่เป็นกรดอ่อนๆ ย่อมจะทำให้การผลิตและการทำงานของ AMP เป็นไปอย่างเหมาะสม
จากงานวิจัยที่บอกว่า Flaxseed Oil เป็นอาวุธลับที่จะเสริมให้ AMPs มีประสิทธิภาพขึ้นอย่างไร
แม้ว่าปัจจุบันเรายังไม่รู้ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการสร้าง AMP ได้อย่างแน่ชัด แต่มีการทดลองสบู่ที่มีส่วนประกอบของ Flaxseed Oil กับโมเดลผิวคนในหลอดทดลอง พบว่าเพิ่มปริมาณ AMP มากขึ้น และอย่างที่กล่าวไปว่าคุณสมบัติที่ติดตัวมาของ Flaxseed Oil คือสาร SDG ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อโรค ลดการสะสมของแบคทีเรีย และให้ความชุ่มชื้นในผิว สิ่งนี้น่าจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เกราะป้องกันผิวของเราแข็งแรงขึ้น
ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Flaxseed Oil มีข้อดีอย่างไร
ทั่วไปแล้วการทำความสะอาดร่างกายจะช่วยลดเชื้อโรคและขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิว แต่การทำความสะอาดที่ผิดวิธีหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวทำให้เอาโปรตีนกับไขมันที่คอยเติมความชุ่มชื้นผิวออกไปด้วย ก่อให้เกิดเป็นอาการผิวแห้ง ปราการผิวอ่อนแอ แต่ถ้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของ Flaxseed Oil ก็จะมีคุณสมบัติที่ช่วยเติมไขมันจำเป็น คืนความชุ่มชื้นแก่ผิวที่อาจจะสูญเสียไประหว่างอาบน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง และเสริมเกราะปกป้องผิวที่เป็นกุญแจของการมีผิวแข็งแรงสุขภาพดี
อีกทั้ง Flaxseed Oil ยังอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบ แล้วก็มีสาร SDG ที่ช่วยจำกัดเชื้อโรค ถือเป็นนวัตกรรมและส่วนผสมตัวหนึ่งที่น่าสนใจในยุคนี้
ช่วยแนะนำวิธีในการทำให้ผิวเราแข็งแรงขึ้น 3 ขั้นตอน
ปกติการดูแลผิวง่ายๆ สามารถทำได้ 3 ขั้นตอน นั่นคือ ‘ทำความสะอาด-บำรุง-ปกป้อง’
ทำความสะอาด: เพื่อชำระร่างกายออกจากสิ่งสกปรก มลภาวะ และเชื้อโรคต่างๆ ที่เราเจอมาทั้งวัน รวมถึงคราบมัน คราบเหงื่อที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ดับกลิ่นตัวและทำให้ร่างกายสดชื่น
บำรุง: เมื่อทำความสะอาดชำระผิวเรียบร้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง แนะนำว่าเติมมอยเจอร์ไรเซอร์ลงผิว เพื่อทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป
ปกป้อง: ขั้นตอนสุดท้ายที่จะช่วยปกป้องผิวของเราได้ เช่น การทาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติกันแดดเพื่อไม่ให้ปราการผิวโดนทำร้ายจากรังสี UV รวมถึงการหลีกเลี่ยงการเผชิญกับมลภาวะต่างๆ ก็จะช่วยปกป้องให้ผิวแข็งแรงได้
ในยุคที่ทุกคนมี Lifestyle แตกต่างกันไป เราจะดูแลผิวกันยังไงดี ให้เกราะป้องกันผิวของเรายังแข็งแรง?
ปัจจุบันเป็นยุคที่ทุกคนหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพตัวเองมากขึ้น ทั้งเรื่องอาหาร การทำกิจกรรมกลางแจ้ง การออกกำลังกาย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือการหมักหมมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย แนะนำให้เพิ่มความใส่ใจกับขั้นตอนการทำความสะอาดอย่างการอาบน้ำหรือชำระร่างกาย ถ้าเหงื่อออกเยอะ ควรรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดที่สวมใส่เพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรคและแบคทีเรีย
นอกจากนั้นปัจจุบันเราต้องเผชิญกับปัญหามลพิษที่มองไม่เห็นมากมาย ทั้งฝุ่น PM 2.5 หรือมลภาวะที่เป็นพิษในอากาศ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นจะช่วยสร้างชั้นฟิล์มบางๆ เพื่อไม่ให้ผิวสัมผัสมลภาวะโดยตรง ช่วยลดการอักเสบ ช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหาย ยับยั้งไม่ให้ผิวเหี่ยวก่อนวัย และทำให้เกราะป้องกันผิวมีความแข็งแรงได้อีกด้วย
ดังนั้นเมื่อชีวิตต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่คาดคะเนไม่ได้ เราไม่อาจหลีกเลี่ยงเหล่าวายร้ายที่จ้องทำร้ายผิวเรา การทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่โพรเทคส์ที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติอย่างเมล็ดแฟลกซ์จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนี่คืออาวุธลับที่จะทำให้ผิวของเราอยู่รอดในยุคนี้!