เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยกับ Redmi Note 13 Series สมาร์ทโฟนจากแบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง Xiaomi โดยมาในคอนเซปต์สโลแกน ‘Every shot iconic’ หรือ ‘โดดเด่นในทุกช็อต’ ที่ไม่เพียงฟีเจอร์ของกล้องที่ล้ำหน้า แต่ประสิทธิภาพการทำงานยังล้ำเกินราคาอีกด้วย
และที่สำคัญคือการเปิดตัวแอมบาสเดอร์คนแรกของแบรนด์ ด้วยการดึงศิลปินระดับท็อปอย่าง แบมแบม กันต์พิมุกต์ หรือ แบมแบม GOT7 มาเป็นแอมบาสเดอร์ของ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งภาพลักษณ์ของแบมแบมที่ได้รับการยอมรับเรื่องความสามารถและมีแฟนคลับมากมายจากทั่วทุกมุมโลก ช่วยสะท้อนถึงตัวตนของคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของไลฟ์สไตล์ กล้าแสดงออก เป็นตัวของตัวเอง และยังเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด
Redmi Note 13 Series เปิดตัวพร้อมกันทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Redmi Note 13 Pro+ 5G, Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 ส่วนสเปกในแต่ละรุ่นจะโดดเด่นขนาดไหน ลองไปติดตามกัน
จากสโลแกน ‘Every shot iconic’ หรือ ‘โดดเด่นในทุกช็อต’ จึงทำให้ Redmi Note 13 Series โดดเด่นในเรื่องของฟีเจอร์กล้องถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงสุดในรุ่นท็อปมากถึง 200MP กล้องหลักที่ให้มากถึง 3 ระยะ และยังมาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล (OIS) แถมทุกรุ่นยังมีจอแสดงผลรองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ไหลลื่นแบบสุดๆ ให้ทุกการเก็บโมเมนต์สำคัญโดดเด่นในทุกช็อตอย่างแท้จริง
Redmi Note 13 Pro+ 5G
มาเริ่มต้นกันที่รุ่นท็อป ในดีไซน์ของตัวเครื่องและหน้าจอที่โค้งมน ดูหรูหราพรีเมี่ยม ด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K ความสว่างสูงสุด 1,800 nits รองรับรีเฟรชเรต 120Hz โดดเด่นด้วยกล้องหลังที่ให้มาถึง 3 ระยะ คือกล้องหลัก (f/1.65) ความละเอียด 200MP พร้อมกันสั่นแบบออพติคอล (OIS) กล้อง Ultrawide (f/2.2) ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro (f/2.4) ความละเอียด 2 MP สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 30FPS ได้อีกด้วย
ส่วนด้านการใช้งาน มาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 7200 Ultra ที่แรงพอตัว หน่วยความจำ RAM 8GB และ 12GB ความจุ 256GB และ 512GB ให้เลือก ความจุของแบตสูงถึง 5,000 mAh รองรับชาร์จไว สามารถใช้งานได้ทั้งวันแบบหายห่วง ระบบเสียงลำโพงคู่ รองรับ Dolby Atmos รวมทั้งความทนทานก็หายห่วงด้วยมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 และกระจก Gorilla Glass Victus ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับใกล้เคียงเรือธงที่ราคาเอื้อมถึงได้
Redmi Note 13 5G
รุ่นรองลงมา ในรูปแบบดีไซน์ที่หรูหราไม่แพ้กัน ในหน้าจอ AMOLED แบบเรียบที่ขนาด 6.67 นิ้วเท่ากับรุ่นท็อป รองรับรีเฟรชเรตระดับสูง 120Hz เท่ากัน และความสว่างสูงสุด 1,000 nits โดยกล้องหลักที่ให้มา 3 ตัวก็ถือว่าคุ้มค่า ทั้งกล้องหลัก (f/1.7)
ความละเอียด 108MP กล้อง Ultrawide (f/2.2) ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro (f/2.4) ความละเอียด 2MP รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 1080P ที่ 30FPS ก็ถือว่าเพียงพอต่อการได้รูปสวยๆ เลยทีเดียว
ส่วนด้านการใช้งาน มาพร้อมกับชิป Dimensity 6080 ที่เพียงพอต่อการใช้งาน หน่วยความจำ RAM 8GB และ 12GB ความจุ 256GB และ 512GB ให้เลือก ความจุของแบตสูงถึง 5,000 mAh รองรับชาร์จไวเช่นกัน และที่สำคัญราคาเริ่มต้นเพียง 7,999 บาทเท่านั้น
Redmi Note 13
ปิดท้ายด้วยน้องเล็กสุด แต่คุ้มราคาที่สุด ด้วยดีไซน์ที่ยังคงหรูหราไม่ต่างจากรุ่นพี่ แตกต่างเพียงโมดูลกล้องด้านหลังเท่านั้น ในหน้าจอ AMOLED แบบเรียบที่ขนาด 6.67 นิ้วเช่นกัน ความละเอียด Full HD+ รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz และความสว่างสูงสุด 1,800 nits ส่วนตัวกล้อง 3 ตัว ก็ให้มาในสเปกเดียวกับรุ่นรองคือ กล้องหลัก (f/1.7) ความละเอียด 108MP กล้อง Ultrawide (f/2.2) ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro (f/2.4) ความละเอียด 2MP
ส่วนด้านการใช้งาน มาพร้อมกับชิป Snapdragon 685 หน่วยความจำ RAM 8GB ความจุ 256GB ความจุของแบตสูงถึง 5,000 mAh รองรับชาร์จไวเช่นเดียวกัน และที่สำคัญราคาเริ่มต้นเพียง 6,999 บาทเท่านั้น เรียกว่าคุ้มค่าสุดๆ เลยทีเดียว