อยู่ในกรุงเทพฯ ใครๆ ก็บอกว่าชีวิตดี แต่จริงๆ แล้วภายใต้ความดีงามเหล่านั้น กลับยังมีต้นทุนที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งทำร้ายทั้งสุขภาพใจและสุขภาพกายอยู่ตลอดเวลา
ไหนจะเรื่องการเดินทางสุดโหด จะไปไหนก็ต้องเผื่อเวลา อาหารก็แสนแพง แถมไม่ดีต่อสุขภาพ อากาศก็แสนจะแย่ ปอดต้องทำงานหนัก ทำให้อารมณ์ของเราแย่ตามไปด้วย เรียกว่ากว่าที่ชาวกรุงจะมีชีวิตดี healthy แข็งแรงทั้งกายและใจนั้น ไม่ได้ได้มาง่ายๆ
ชวนไปสำรวจต้นทุนชีวิตของคนเมือง ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องแลกมา และจะมีทางไหนที่จะช่วยให้ต้นทุนเหล่านี้ลดน้อยลงได้บ้าง
ขนส่งวิกฤต จะไปไหนก็ห่วงรถติด
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ระบบขนส่งในกรุงเทพฯ นั้นเข้าขั้นวิกฤตขนาดไหน จากผลสำรวจของ INRIX Global Traffic Scorecard พบว่าไทยเป็นประเทศที่เสียเวลาบนท้องถนนมากที่สุดในโลก ถึง 56 ชั่วโมงต่อปี หรือจะเดินทางด้วยขนส่งที่ว่ากันว่าไวที่สุด ณ เวลานี้อย่างรถไฟฟ้า ก็ต้องพบกับเหตุขัดข้องที่ถี่มากๆ แถมยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วนมากถึง 60% อีกด้วย ยังไม่ต้องมองไปถึงการไปที่ทำงานให้ทันเวลาเข้างาน เพียงแค่ช่วงเวลาเย็นๆ เลิกงาน แล้วอยากจะไปฟิตเนสสักที่หรือสวนสาธารณะสักแห่งใจกลางเมือง เพื่อออกกำลังกายเพื่อสุขภาพสักหน่อย ก็ต้องมาเสียเวลากับการเดินทางไปไม่น้อย กลายเป็นต้นทุนเรื่องเวลาที่ต้องเสียไปชนิดเลือกไม่ได้เลย คงจะดีไม่น้อยหากจะมีฟิตเนสหรือพื้นที่สำหรับออกกำลังกายใกล้ๆ กับที่พัก เพื่อช่วยตัดปัญหาเรื่องการเดินทางไป
อาหารคลีนหายาก ไม่เรื่องมากก็อ้วนตามเคย
ถึงกรุงเทพฯ จะติดอันดับเมืองสตรีทฟู้ดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายใต้ความอร่อยนั้น มีแต่ส่วนประกอบที่ทำร้ายร่างกาย สารอาหารหลักๆ ก็หนีไม่พ้น แป้ง น้ำตาล และไขมันที่ให้พลังงานสูง แฝงอยู่ในแทบทุกเมนู แต่พออยากจะรักสุขภาพหาอาหารคลีนดีๆ ก็หาร้านกินยากซะเหลือเกิน แถมยังมาพร้อมกับราคาที่สูงกว่าอาหารปกติเฉลี่ยแล้วถึง 2-3 เท่า ยิ่งวัตถุดิบดี สดใหม่ ออร์แกนิกไร้สารปนเปื้อน ราคาก็ยิ่งสูงมากขึ้น จะสั่งแบบเดลิเวอร์รี่ก็ต้องบวกค่าส่งเข้าไปอีก หลายคนจึงเลือกที่จะหาวัตถุดิบดีๆ หรือปลูกผักปลอดสารพิษแล้วลงมือทำเองซะเลย อาจจะยุ่งยากและเสียเวลาสักหน่อย แต่เพื่อแลกกับสุขภาพที่ดีแล้ว การได้ทำอาหารด้วยตัวเองก็เป็นความสุขที่ไม่แพ้การได้กินของอร่อยๆ เช่นกัน
อากาศนั้นแย่ โหดร้ายเกินกว่าจะไปซิตี้รัน
ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ ผ่านพ้นวิกฤตอากาศ PM2.5 ไปได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าอากาศจะดีขึ้น จากข้อมูลศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. พบว่าในกรุงเทพฯ มีผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจกว่า 2.3 แสนคน เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่กับการเดินทางในช่วง Rush hour แสนโหดร้ายตอนเช้าและเย็นทุกๆ วัน กิจวัตรที่เคยทำอย่างเช่นการออกไปวิ่งตามสวนสาธารณะหรือ City Run ก็ต้องเปลี่ยนมาวิ่งแบบ Treadmill บนลู่ในยิมแทน แน่นอนว่าพอต้องเข้ายิมหรือฟิตเนสก็ต้องมีค่าสมาชิกรายเดือน แถมคนที่ใช้บริการส่วนใหญ่ก็เลือกใช้เพียงแค่ลู่วิ่งไฟฟ้าเพื่อวิ่งอย่างเดียว ไม่ได้ใช้เครื่องออกกำลังกายชนิดอื่น กลายเป็นต้นทุนที่เสียไปอย่างไม่คุ้มค่า การใช้ชีวิตอยู่แค่ภายในที่พักแล้วมีเครื่องออกกำลังกายแบบครบครัน ไม่ต้องออกไปไหน ก็น่าจะช่วยให้หลีกหนีจากอากาศอันเลวร้ายภายนอกได้
อารมณ์บูด จิตตกกับเมืองอันแสนวุ่นวาย
จากต้นทุนของคนเมืองที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากทำให้สุขภาพจะย่ำแย่แล้ว สิ่งที่ต้องแลกตามมาอีก คือสภาพอารมณ์ที่ผันแปรไปตามสุขภาพ มีตัวเลขอันน่าตกใจจากการสำรวจของกรมสุขภาพจิตที่เปิดเผยว่า คนวัยทำงานในกรุงเทพฯ กว่า 45% มีระดับความเครียดที่ผิดปกติ และมีความสุขน้อยกว่าคนต่างจังหวัดถึงเกือบ 2 เท่า ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี เรียกว่าเกิดเป็นคนเมือง อยากจะสุขภาพดีทั้งกายและใจช่างยากเสียเหลือเกิน คนเมืองจึงจำเป็นต้องหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด อย่างการเล่นโยคะ นั่งสมาธิ หรือเข้าคอร์สบำบัดสุขภาพจิต เพื่อช่วยให้อารมณ์ดีและมีความสุขกับการใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น
ต้นทุนเหล่านี้จะหมดไปที่ AYDIN Rama 9 – Krungthep Kreetha
จะดีแค่ไหน หากจะมีที่อยู่อาศัยที่เต็มไปด้วย Facilities และ Services ที่เหมาะกับการดูแลสุขภาพ อย่าง AYDIN Rama 9 – Krungthep Kreetha คอนโดมิเนียมเพื่อสุขภาพแห่งแรกจากแสนสิริ ที่จับมือกับพาร์ทเนอร์อย่างโตคิว คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่นและโรงพยาบาลสมิติเวช ตั้งอยู่บนโลเคชั่นอย่างกรุงเทพกรีฑา เอื้อต่อการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่หลากหลายต่อไปนี้
Environment ซึ่งสร้างตามมาตรฐาน WELL Building Standard ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย มีบริการจากพนักงานที่ได้รับการเทรนด์ด้านดูแลสุขภาพเบื้องต้น พร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉิน และบริการที่สามารถติดต่อโรงพยาบาลได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดตามอาการป่วยและส่งแพทย์มารักษาได้ถึงที่
Mind เต็มไปด้วยกิจกรรมสำหรับลูกบ้านในโครงการ ทั้งการเวิร์คช้อปและกิจกรรมดีๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายความคิด ปลดปล่อยความรู้สึกเครียดได้ทุกวัน
Body มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เสริ
Soul สิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมการบริหารทางด้านจิตใจ อย่างเช่น ห้องนั่งสมาธิ ที่ออกแบบให้เกิด Ambience ที่ช่วยเพิ่มความสงบโดยใช้สี Amethyst ซึ่งเป็นสีม่วงอมชมพู เป็นสีที่ทำให้จิตใจสงบและเข้าลึกถึงสมาธิมากยิ่งขึ้น และมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ
Like-minded Community กิจกรรมที่สนับสนุนและสร้างเสริมคอมมูนิตี้ดีๆ ร่วมกัน ผ่าน 365-Day Everyday Retreat Program และล็อบบี้ที่สามารถรองรับการทำกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ หรือพื้นที่ครัวส่วนกลางที่สามารถนำผักปลอดสารพิษจากแปลงผักของโครงการมาทำอาหารคลีนได้ทุกวัน
หลุดจากวงจรต้นทุนที่มองไม่เห็นของชีวิตคนเมือง ทั้งการเดินทาง อาหารการกิน มลพิษในอากาศ และสิ่งแวดล้อมแย่ๆ ช่วยฟื้นฟูให้สภาพร่างกายและจิตใจให้หายเหนื่อยล้าได้ในทุกวันที่นี่ AYDIN Rama 9 – Krungthep Kreetha
ติดตามรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ siri.ly/AYD-Thematter
อ้างอิงข้อมูลจาก