‘ความรู้สึกเมื่อกลับมาถึงบ้าน’ คือสิ่งที่ทุกคนต่างรับรู้ได้เป็นอย่างดี ว่าเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้นิยามของคำว่า ‘บ้าน’ ไม่ใช่เพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่อยู่แล้วสบายใจ ซึ่งไม่มีพื้นที่ไหนสามารถให้ได้เท่ากับบ้านอีกแล้ว
จากนิยามดังกล่าว ทำให้ แสนสิริ นำมาสร้างสรรค์เป็น Good Mood Pavilion ซึ่งจัดแสดงในงาน เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568 หรือ Bangkok Design Week 2025 (BKKDW2025) ที่มาในธีม ‘Design Up+Rising : ออกแบบพร้อมบวก+’ เพื่อนำเสนอแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์และปรัชญาการออกแบบบ้านของแสนสิริ โดยจำลองพื้นที่การใช้ชีวิตในบ้าน ด้วยบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงความสุขแบบ Mood ดี เช่นเดียวกับที่บ้าน
ชวนไปพูดคุยกับ คุณศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ถึงเบื้องหลังแนวคิดในการออกแบบ Good Mood Pavilion ที่ไม่ใช่แค่การออกแบบโครงสร้างของตัวบ้าน แต่ยังรวมถึงชีวิตในบ้านอีกด้วย
ออกแบบพร้อมบวก สู่การสร้างความรู้สึกเชิงบวก
แนวคิดของงานปีนี้คล้ายกับแนวคิดของแสนสิริ ที่เราให้ความสำคัญกับการออกแบบ (Design Leader) ที่ส่งไปถึงการสร้างความรู้สึกที่ดีและความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย แนวคิดเบื้องต้นของเราคือไม่ใช่เพียงการออกแบบที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังต้องการสร้างบรรยากาศที่อยู่แล้วสบายใจ อบอุ่น เราจึงนำเสนอเรื่องราวในแบบที่ผู้มาเยือนบูธสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกเชิงบวก ซึ่งตรงกับสิ่งที่เราต้องการถ่ายทอดอยู่แล้ว
ใช้พลังของคนรุ่นใหม่บอกเล่าเรื่องราว
แสนสิริให้ความสนใจด้านการออกแบบอยู่เสมอ ปีที่ผ่านมา เรามีโครงการ Artizen ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลักดันพลังงานของคนรุ่นใหม่ในสายครีเอเตอร์หลากหลายสาขา โดยมีเป้าหมายในการผลักดันพวกเขาไปสู่เวทีระดับสากล โครงการนี้มีการคัดเลือกผู้สมัคร 40 คน และสุดท้ายจะคัดเลือกผู้ชนะ 4 คน เพื่อนำเสนอผลงานในงาน Bangkok Design Week ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ เรายังต้องการเล่าเรื่องราวว่าทำไมเราถึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมคนรุ่นใหม่และการออกแบบที่มีผลกระทบเชิงบวก ในโลกที่เต็มไปด้วยปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาและพลังงานเชิงลบ ธีมปีนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการนำเสนอผลงานและแนวคิดต่างๆ ของเราอีกด้วย จุดสำคัญซึ่งเราต้องการนำเสนอผลงานของ 4 ครีเอเตอร์ผู้ชนะ ที่ได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์งานในครั้งนี้ ซึ่งวิธีการแสดงผลงานใน 4 สาขานี้ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวจนกลายเป็นงานชิ้นเดียว สร้างประสบการณ์ที่ผู้ชมจะได้สัมผัสถึงความแตกต่าง เชื่อว่าหากเป็นแสนสิริเอง คงไม่สามารถทำได้แบบนี้ แต่การนำแรงบันดาลใจจากคนรุ่นใหม่ที่ถนัดในแต่ละสาขา มาประสานรวมกันเป็นชิ้นงานเดียว เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก
สบายใจเมื่อกลับบ้าน
การออกแบบเป็นเรื่องของอารมณ์ที่แสนสิริให้ความสำคัญ เราเชื่อว่าการสร้างบ้านไม่ใช่แค่การก่อสร้างโครงสร้าง แต่เป็นการสร้างชีวิตในบ้านด้วย นี่คือ DNA ของเรา ไม่ว่าจะสร้างสรรค์โปรดักต์ใดหรือใน segment ใด เราต้องการให้ผู้คนรู้สึกอยากอยู่ที่นี่และสร้างครอบครัวในพื้นที่นี้ แนวคิด Design Up+Rising เน้นการออกแบบเชิงบวก ถูกนำมาใช้เพื่อทำให้ผู้ที่เข้ามาสัมผัสได้ถึง passion และ vision ของเรา ทำให้เกิดอารมณ์เชิงบวกและสบายใจเมื่อกลับมาบ้าน เราต้องการให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นบ้านจริงๆ ที่สามารถพักผ่อนและปลดปล่อยความเครียดจากข้างนอก เมื่อกลับมาถึงบ้านได้ เป้าหมายของเราคือการสร้าง good mood ที่จะนำไปสู่ good life เพราะเราทุกคนต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เมื่อกลับมาบ้านแล้วมีความสุข นี่คือคอนเซปต์ที่เราต้องการส่งต่อให้ทุกคน
Good Mood, Good Health, Good Inspiration
เริ่มต้นที่ Good Mood เราเชื่อว่าเมื่อเห็นธีมคอนเซปต์จากภายนอกนั้น มีความสำคัญมากในมุมของการออกแบบ ที่เราอยากให้คนมองเห็นความตั้งใจของแสนสิริในการสร้างสรรค์งานดีไซน์ ตั้งแต่การได้รับแรงบันดาลใจเริ่มต้น การมองเห็น architecture ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความสวยงาม เกิดความรู้สึกอยากเข้าชม เมื่อเข้าไปแล้ว อยากให้บรรยากาศภายในส่งเสริมให้เกิด good mood บรรยากาศผ่อนคลาย และมีพลังงาน โดยนำเรื่องของประสาทสัมผัสทั้งห้าคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เข้ามาในพื้นที่ เพื่อสร้าง good mood ซึ่งจะมีการจัดเตรียมตามเส้นทางต่างๆ ในแต่ละจุดที่อยู่ใน pavilion
สำหรับ Good Health เรามองว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ เมื่อเราเข้าไปในพื้นที่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำให้รู้สึกว่าความเครียดลดลง มีอาหารดี สภาพแวดล้อมรอบตัวดี และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี ดังนั้น เราจึงสร้างพื้นที่หนึ่งที่ใส่ความเป็นสีเขียวและธรรมชาติเข้าไป เมื่อผู้คนเข้ามาจะรู้สึกผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติ เราจึงนำส่วนหนึ่งของ Sansiri Backyard ที่มีในทุกโครงการของแสนสิริ โดยนำพืชผักที่กินได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่ง คือไม่ว่าผู้อยู่อาศัยจะปลูกผักในบ้านหรือไม่ พวกเขาสามารถเดินมาที่สวนกลาง เพื่อเก็บผักสดหรือพืชผักสวนครัวกลับไปทำอาหารได้ และยังสามารถพาลูกๆ มาเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติได้ด้วย ซึ่งเป็นส่วนที่เราอยากจะโชว์เคสในโซนนี้
ส่วน Good Inspiration เป็นการนำน้อง Artizen จำนวน 4 คน จาก 4 สาขาที่แตกต่างกัน มาร่วมงานเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในรูปแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายในการแสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่สามารถถ่ายทอดสิ่งใหม่ๆ ได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนในรุ่นเดียวกันได้ การทำงานนี้ไม่ได้มีเพียงมุมมองจากแสนสิริเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่ด้วยกันได้ โดยพื้นที่หลายส่วนของเราได้มีการเชื่อมโยงกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เข้ามาสร้างบรรยากาศในพื้นที่ของเรา เช่น การทำคอลเลกชันเพลง เราจะมีการเลือกเพลงเพื่อเพิ่มความรู้สึกและบรรยากาศภายใน sale gallery และบ้านตัวอย่าง ในส่วนของ photographer หรือ illustrator เราให้ความสำคัญมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณาหรืองานอื่นๆ เรามองว่าภาพประกอบเป็นศิลปะชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างความรู้สึกและความผูกพันกับคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มเป้าหมายได้ดี สำหรับ product design เป็นสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด เรามีความคุ้นเคยกับการออกแบบโปรดักต์ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ เราเชื่อว่าการรวมศาสตร์ทั้ง 4 สาขานี้เข้าด้วยกันจะเกิดพลังร่วม (synergy) ที่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและแปลกใหม่ให้กับงานนี้ได้
ความโดดเด่นจากภายนอกสู่ภายใน ทั้งกลางวันและกลางคืน
อันดับแรก เราตั้งใจออกแบบสถาปัตยกรรมของ Good Mood Pavilion ให้โดดเด่นทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เพราะเราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่อยากสัมผัสบรรยากาศเมื่อเห็น ดังนั้นเราจึงเลือกใช้ผ้ามาเป็นส่วนประกอบของพื้นผิวภายนอก เพื่อเพิ่มความพลิ้วไหวและความผ่อนคลายที่สอดคล้องกับบรรยากาศ เมื่อเห็นภายนอก ก็จะถูกดึงดูดให้เข้าไปชมภายใน ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะมีเสน่ห์ทั้งในยามกลางวันและกลางคืน เชื่อว่าคนที่มาในงานนี้จะไม่ใช่แค่เจนใดเจนหนึ่ง แต่เป็นทุกเจน ที่มีความชื่นชอบและหลงใหลในงานศิลปะ
เมื่อผู้เข้าชมก้าวเข้าสู่ภายใน เราต้องการให้สัมผัสแรกนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นที่น่าจดจำ เราเชื่อว่าการได้รับกลิ่นหรือรสชาติที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเราจึงจัดมุมเครื่องดื่มเพื่อสร้างกลิ่นหอมที่จะดึงดูด ซึ่งไม่เพียงแค่ถูกดึงดูดด้วยโปรดักต์หรือดีไซน์ แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่ครบถ้วน เมื่อพวกเขาถือถ้วยกาแฟหรือเครื่องดื่มเดินเข้ามาในพื้นที่ กลิ่นหอมจะยังคงอยู่และเสริมสร้างประสบการณ์อื่นๆ เช่น เสียง บรรยากาศเย็นสบาย และความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวสักที่หนึ่ง ทั้งบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย
แน่นอนว่าอยากจะให้กลับไปด้วยความรู้สึกแบบ positive มากๆ เลย เนื่องจากโจทย์ของงานมีความชัดเจน และสิ่งที่เราต้องการสื่อสารก็ชัดเจน เพราะเราต้องการสร้างให้เขารู้สึกถึง Good Mood เมื่อพวกเขาเดินออกไป เราต้องการให้พวกเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเติมพลังบวก การเข้ามาในพื้นที่นี้จะทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่สบายที่สุด การออกแบบที่เรียบง่ายสามารถสร้างความสบายใจและความสุขได้ตามที่เราตั้งใจไว้
สู่ปรัชญาออกแบบของแสนสิริ
เรามีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดยการออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในระยะยาว เราไม่ต้องการให้ลูกค้าเพียงซื้อบ้านแล้วจบไป แต่เราอยากให้พวกเขาซื้อบ้านแล้วสามารถอยู่ได้อยู่ได้ยาว อยู่ได้สบาย ด้วยการสร้างกิจกรรมหรือการมีส่วนร่วมกับลูกบ้าน และการสร้างสังคมที่ดีให้ลูกบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเป็นตัวตั้งต้นที่ทำให้เรามุ่งมั่นที่จะให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี
ในเรื่องของการออกแบบ ปรัชญาของเราคือการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีตามแต่ละกลุ่มลูกค้าและโปรดักต์ เพราะแต่ละกลุ่มมีความต้องการแตกต่างกัน เราจึงทำการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ ฟังก์ชัน หรือความต้องการอื่นๆ ดังนั้น แนวคิด one size doesn’t fit all จึงเป็นสิ่งที่เรายึดมั่น แสนสิริจึงมุ่งเน้นการออกแบบที่ครอบคลุมและหลากหลายมาตลอด 40 ปี เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่และผู้ที่อยู่อาศัย การออกแบบของเราไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังต้องอยู่ได้จริง อยู่ได้ยาว และอบอุ่นด้วย
งานออกแบบที่ยกระดับกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์
งานดีไซน์ในปัจจุบันมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้กำลังเจริญเติบโตทั่วโลก งานดีไซน์และงานศิลปะกลายเป็นเทรนด์สากล ไม่ว่าจะเป็นงานแฟร์ที่มิลาน ฝรั่งเศส ลอนดอน ปารีส หรือแม้กระทั่งที่เกาหลีใต้ ซึ่งก็มีงานใหญ่เกี่ยวกับงานดีไซน์และศิลปะเช่นกัน ผู้คนเริ่มสนใจและเสพงานดีไซน์มากขึ้น เนื่องจากงานเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาความเครียดและฮีลจิตใจ นอกจากนี้ยังมีผู้คนที่เดินทางไปเพื่อเข้าร่วมงานดีไซน์ต่างๆ โดยเฉพาะ เป็นความหลงใหลในด้านหนึ่งของชีวิตเลย
ในมุมมองของการออกแบบนั้น การยกระดับสังคมผ่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์มีความสำคัญมาก ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต้องการเยียวยาจิตใจจากภาวะต่างๆ ที่เผชิญมา ไม่ว่าจะเป็นโควิด ฝุ่นควัน ความเครียดจากงาน และการเดินทาง สื่อที่เรารับชมก็มีผลกระทบต่อจิตใจเช่นกัน ดังนั้น การออกแบบจึงมีบทบาทในการยกระดับจิตใจของผู้คน ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนได้
หากเรามองในมุมกว้างขึ้น นี่คือการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy ซึ่งปัจจุบันมีการขยายตัวไปทั่วโลก คำถามคือ ทำอย่างไรเราจะสามารถนำกลับมาเสริมสร้างที่ไทยให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางของงานดีไซน์ เมื่อเราจัดงาน Bangkok Design Week เราอยากให้ทุกคน ทั้งชาวต่างชาติและผู้เข้าร่วมงานจากทุกแห่งหน มาชื่นชมผลงานของคนไทย นักออกแบบรุ่นใหม่ และดีไซเนอร์ไทย เพื่อสร้างความดึงดูดใจที่ทำให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนให้ได้
สามารถชมผลงานจาก Good Mood Pavilion ใน Bangkok Design Week 2025 ได้ที่ไปรษณีย์กลาง บางรัก
รวมถึงร่วมชมผลงานชิ้นอื่นๆ ได้ระหว่างวันที่ 8 – 23 กุมภาพันธ์ 2568
ช่วงที่ 1: วันที่ 8 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 ย่านเจริญกรุง – ตลาดน้อย, เยาวราช – ทรงวาด, ปากคลองตลาด และพื้นที่อื่นๆ
ช่วงที่ 2: วันที่ 15 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 ย่านพระนคร, บางลำพู – ข้าวสาร และพื้นที่อื่นๆ