ประเด็นสิ่งแวดล้อม คือหนึ่งในประเด็นสำคัญที่องค์กรใหญ่ทั่วโลกต่างกำลังให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเป้าหมาย Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2050
ซึ่งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้า จำเป็นต้องมุ่งไปสู่เป้าหมายนี้ให้สำเร็จ เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง
กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีก เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ จึงได้ประกาศแผน Net Positive Impact เดินหน้าตอกย้ำผู้นำการพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลกสู่ความยั่งยืน พร้อมผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน
จากแผนดังกล่าว ไม่เพียงแค่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมองกว้างไปถึงสังคมและผู้คน ด้วยการนำธุรกิจเป็นตัวเชื่อม ไม่ว่าจะเป็น
– สู่เป้าหมาย Net Zero พัฒนาศูนย์การค้าใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030
– เตรียมพร้อมประกาศลงนามความร่วมมือด้านความยั่งยืนกับแบรนด์ดังระดับโลก ในต้นปี 2024
– นำร่องยกระดับย่านปทุมวัน สู่แนวคิดการสร้างสรรค์เมืองให้เป็นย่านต้นแบบนิเวศอัจฉริยะ
ซึ่งทั้งหมดนี้ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้ดำเนินธุรกิจตาม Global Standard มาตรฐานในระดับสากล เพื่อขับเคลื่อนประเด็นสิ่งแวดล้อมและสังคม ให้เกิดขึ้นทั้งประเทศไทยและโลกในภาพรวมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
“สยามพิวรรธน์ใช้แนวคิดและมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จนได้รับการยอมรับจากแบรนด์ชั้นนำของโลกมาอย่างยาวนาน ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับคนจำนวนมาก และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย สยามพิวรรธน์จึงใช้ธุรกิจเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสและพัฒนาศักยภาพของคน ส่งเสริมให้ผู้คนที่มีส่วนร่วมกับสยามพิวรรธน์ได้เติบโตและประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กับเรา คำนึงถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ พื้นที่ที่ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า การนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
คุณนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ได้กล่าวถึงความตั้งใจ พร้อมทั้งขยายความถึงความมุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพและเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมขับเคลื่อนเมืองต้นแบบมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางที่ใส่ใจฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมใจกลางเมือง ผลักดันเรื่องพลังงานหมุนเวียน บริหารจัดการขยะแบบ 360 องศา และเตรียมพร้อมประกาศลงนามความร่วมมือเรื่องความยั่งยืนกับแบรนด์ระดับโลกในต้นปี 2024 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 ให้สำเร็จ
“สยามพิวรรธน์ คือองค์กรที่เป็นผู้บุกเบิกใส่ใจและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมาอย่างยาวนาน ในฐานะที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของสยามพิวรรธน์มาตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปี มั่นใจว่าสยามพิวรรธน์เป็นภาคเอกชนที่มีแนวปฏิบัติเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม และมีมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล” รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน ผู้ดูแลรับผิดชอบคนสำคัญที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนความยั่งยืนของสยามพิวรรธน์มาตลอดระยะเวลา กว่า 10 ปี โดยร่วมพัฒนาโครงการเกี่ยวกับความยั่งยืนต่างๆ กล่าวถึงความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์
โครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่สยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับ รศ.ดร.สิงห์ ไม่ว่าจะเป็น
– Eco-projects การพัฒนาศูนย์การค้าให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านความยั่งยืน
– เขียวสยาม หนังสือที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับสากล รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย เทรนด์ต่างๆ รวมถึงแนวทางการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของสยามพิวรรธน์
– ร่วมสร้างแบรนด์ ECOTOPIA ให้เกิดขึ้น ณ Siam Discovery โดยเริ่มมาจาก คุณชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ที่ต้องการขับเคลื่อน ชุมชนและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกระดับ จนเกิดเป็น พื้นที่ Eco Community ที่แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย
สยามพิวรรธน์ได้ตั้งเป้าหมายองค์กรในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ให้กับโลก ด้วยการบรรจุการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ โดยเริ่มต้นจากการอนุรักษ์พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงาน และการใช้ระบบ AI ในการควบคุมการทำงานของระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคาร ร่วมมือกับพันธมิตรติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ศูนย์การค้า รวมไปถึงการใช้พลังงานสะอาด โดยการนำนวัตกรรม Solar Rooftop ที่ร่วมกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) มาติดตั้งที่ไอคอนสยาม สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 1 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ/ปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 550 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ต่อปี
และที่สำคัญ คือการผสานความร่วมมือกับ กลุ่มบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ร่วมกันพัฒนาและติดตั้ง Solar Rooftop บนพื้นที่สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กว่า 20,000 ตารางเมตร ให้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้กว่าปีละ 4,800,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 4,300 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
ในขณะนี้ สยามพิวรรธน์กำลังศึกษาร่วมกับองค์กรชั้นนำทางด้านพลังสะอาดของประเทศไทยอีกหลายแห่ง ทั้ง บริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมุ่งเพื่อให้ทุกศูนย์การค้าภายในกลุ่มสยามพิวรรธน์ใช้พลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy (RE) โดยร่วมมือกับองค์กรชั้นนำ ในการจัดหาพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากการผลิตที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในพื้นที่ศูนย์การค้าต่างๆ โดยมีเป้าหมายใช้พลังงานหมุนเวียน 30% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ที่สยามพิวรรธน์บริหารจัดการเอง ภายในปี 2026 และ 100% ภายในปี 2030
นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาขยะต่างๆ ในประเทศไทยอย่างยั่งยืนโดยการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านโครงการ Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste ส่งเสริมให้คนไทยจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยจุดบริการรับขยะ (Recycle Collection Center; RCC) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร นำขยะที่ทำความสะอาด และคัดแยกแล้วส่งต่อเข้ากระบวนการรีไซเคิล (Recycle) เพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ หรือนำมาเข้าสู่กระบวนการอัพไซเคิล (Upcycle) เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยส่วนหนึ่งยังกลับมาวางจำหน่ายบนพื้นที่สำหรับสินค้ารักษ์โลก ECOTOPIA โดยมีเป้าหมายลดปริมาณการฝังกลบของขยะจากการดำเนินงาน 50% ภายในปี 2030
สยามพิวรรธน์ ยังตระหนักถึงปัญหาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงร่วมสนับสนุน Synnex ในโครงการ ทิ้งให้ถูกที่่กับ Trusted By Synnex E-Waste โดยจะเปิดจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือ Electronic Waste (E-waste) ณ. บริเวณ NextTech สยามพารากอน
ไม่เพียงแต่การพัฒนาจุดหมายปลายทางของศูนย์การค้าระดับโลกสู่ความยั่งยืนเท่านั้น สยามพิวรรธน์ยังได้พัฒนาธุรกิจที่เอื้ออำนวยให้ทุกส่วนในระบบนิเวศทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนด้วย ซึ่งรวมถึงชุมชนย่านปทุมวัน พื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งมีโครงการต่างๆ ของสยามพิวรรธน์ดำเนินธุรกิจอยู่ โดยพร้อมเป็นองค์กรนำร่องยกระดับย่านปทุมวันสู่แนวคิดการสร้างสรรค์เมืองให้เป็นย่านต้นแบบนิเวศอัจฉริยะ
สยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับ รศ.ดร. นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UddC-CEUS) ซึ่งได้กล่าวถึงแนวคิดในการขับเคลื่อนย่านปทุมวันสู่ย่านต้นแบบนิเวศอัจฉริยะไว้ว่า
“ปทุมวันเป็นศูนย์กลาง Shopping Destination สำหรับชาวไทย ชาวต่างประเทศ ทุกเพศ ทุกวัย โดยมี ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ทั้งแนวดิ่งและแนวราบหลากหลายให้เลือกเดินตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และพื้นที่แห่งนี้ยังมีสถานศึกษา สถาบันกวดวิชา สำนักงาน อาคารมิกซ์ยูส และอื่นๆ อีกมากมาย การที่สยามพิวรรธน์เป็นหัวหอกในการนำร่องยกระดับย่านปทุมวันสู่ย่านต้นแบบอัจฉริยะภายใต้แนวคิด SMART ECO-DISTRICT จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมรักษาบทบาทการเป็นผู้นำย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป”
สยามพิวรรธน์มีพันธกิจสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย และ เพื่อโลกที่ดีขึ้นของทุกคน