รู้หรือไม่ว่า เวลาที่กำลังเดินช้อปปิ้งอยู่กลางเมือง เราไม่ได้แค่ซื้อของให้ตัวเอง แต่ทุกบาทที่จ่ายไป เป็นกำลังสนับสนุนดีไซน์คนไทยรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการท้องถิ่น และธุรกิจเพื่อสังคมให้เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กัน เป็นพลังเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนให้โลกใบนี้ยั่งยืนขึ้น
นั่นคือ ‘วิถีสยามพิวรรธน์’ แนวคิดที่เปลี่ยนพื้นที่ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ให้เป็น ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’ ที่เชื่อมโยงธุรกิจ ผู้คน ชุมชน และโลก เข้าไว้ด้วยกัน เพราะไม่ใช่แค่เวทีแสดงสินค้าและบริการเท่านั้น แต่เป็นสถานที่เรียนรู้ ยกระดับคุณภาพชีวิต สืบสานภูมิปัญญาไทย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยสู่เวทีโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่สยามพิวรรธน์ตั้งใจทำมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ แต่เป็นการออกแบบพื้นที่ที่ทุกคน ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก สามารถเริ่มต้นเติบโตและเปล่งประกายได้
จุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจให้เป็นโอกาส
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน สยามเซ็นเตอร์ คือศูนย์กลางแห่งแฟชันที่ปลุกปั้นนักออกแบบไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก ด้วยโครงการ ‘Young Designer’ ที่เปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ได้แสดงผลงาน ตั้งแต่เวทีเล็กๆ สู่การเป็นแบรนด์ที่รู้จักไปทั่วโลก สิ่งนี้กลายเป็นต้นแบบของการสร้าง Soft Power ที่ทรงพลัง ไม่ใช่แค่ในแฟชัน แต่ยังขยายสู่ศิลปะ วัฒนธรรมในแบบร่วมสมัย เปิดเวทีให้นักออกแบบเยาวชน และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ร่วมผลักดัน ‘ไทยสร้างสรรค์’ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
แพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่ไม่ได้สร้างแค่เศรษฐกิจ แต่สร้างคุณค่าให้สังคม
ไอคอนคราฟต์ และ สุขสยาม กลายเป็นพื้นที่ที่ผู้คนได้สัมผัสงานคราฟต์แบบร่วมสมัย และวิถีไทยแท้ๆ สร้างโอกาสให้คนไทยได้ขยายธุรกิจและเติบโตในเวทีโลก ทั้งสองแบรนด์ไม่เพียงแต่ สร้างประโยชน์ให้กว่า 21,000 แบรนด์และชุมชน สร้างรายได้กว่า 14,500 ล้านบาท แต่ยังช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เรียกว่าเป็นมากกว่าศูนย์การค้า แต่ยังเป็นเวทีของคนตัวเล็กอีกด้วย
โดย สุขสยาม เป็นพื้นที่ที่รวบรวมของดีจาก 77 จังหวัดทั่วไทย ทั้งอาหาร งานหัตถกรรม และสินค้า OTOP โดยทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกรมพัฒนาชุมชน ทุกวันมีผู้คนกว่า 60,000 คนมาเยือนสุขสยาม สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการกว่า 4,000 ล้านบาทแล้ว ส่วน ไอคอนคราฟต์ แหล่งรวมงานฝีมือไทยตั้งแต่เครื่องประดับ ผ้าทอ งานไม้ ไปจนถึงของแต่งบ้านที่ออกแบบอย่างร่วมสมัย ช่างฝีมือไม่ได้มีโอกาสแค่เข้ามาค้าขายในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้พัฒนาร่วมกับองค์กรต่างๆ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT, สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) บ่มเพาะผู้ประกอบการ สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้แบรนด์คนไทยเติบโตในต่างประเทศ และยังขยายตลาดในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย
ขณะเดียวกัน หากได้เดินเข้าไปในร้านมัลติแบรนด์แฟชันที่ สยามเซ็นเตอร์ อย่าง ABSOLUTE SIAM หรือแวะชมของแต่งบ้านจากดีไซเนอร์ไทยที่ O.D.S. ถือว่าได้สนับสนุนฝีมือคนไทยและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เพราะเป็นการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ โครงการ DEMark, Talent Thai และการลงนาม MOU กับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เพื่อคัดเลือกนักออกแบบไทยขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก
เมื่อการช้อปปิ้งและการดูแลโลกเป็นเรื่องเดียวกัน
ความยั่งยืนไม่ได้อยู่แค่ในเป้าหมายระยะยาว สยามพิวรรธน์จึงเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัว มุ่งพัฒนาและทำประโยชน์ให้กับพื้นที่โดยรอบ และมีการนำแนวคิดอารยสถาปัตย์ (Universal Design) มาใช้ในการออกแบบอาคารอย่างครบวงจรเป็นรายแรก เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างเท่าเทียม การใช้ชีวิตแบบรักษ์โลกไม่จำเป็นต้องลำบาก แค่แวะมาที่ Ecotopia สยามดิสคัฟเวอรี่ จะได้พบกับสินค้าหลายร้อยแบรนด์ที่เน้นธรรมชาติ วัสดุรีไซเคิล รีฟิลได้ ลดพลาสติก พื้นที่นี้ไม่ใช่แค่ร้านค้า แต่เป็นแรงบันดาลใจให้คนเมืองใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน โดยสยามพิวรรธน์ได้ตั้งเป้าอย่างจริงจังที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 และเดินหน้าสู่เป้าหมายขยะฝังกลบเป็นศูนย์ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร นำนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ มาใช้
สยามพิวรรธน์ จึงไม่ใช่แค่กลุ่มธุรกิจที่มอบประสบการณ์ช้อปปิ้ง แต่คือผู้ขับเคลื่อนสังคมในแบบที่ทุกคนมีส่วนร่วม เปลี่ยนศูนย์การค้าให้เป็นเวทีแห่งของโอกาสของคนไทยในระดับโลก ได้อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน