‘งานออกแบบ’ คือพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทุกสิ่งได้เสมอ โดยเฉพาะการยกระดับความเป็นเมืองของกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
สยามพิวรรธน์ คือหนึ่งในผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ที่เห็นถึงความสำคัญของงานออกแบบ สะท้อนการเป็นขุมพลังความคิดสร้างสรรค์ (Creative Powerhouse) ที่รวบรวมศิลปิน นักออกแบบ นักสร้างสรรค์หลากหลายสาขา ร่วมกันนำศิลปะและวัฒนธรรมมาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้เข้ากับพื้นที่ศูนย์การค้า ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับการใช้ชีวิต
โดยในปีนี้ สยามพิวรรธน์ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568 หรือ Bangkok Design Week 2025 (BKKDW2025) ที่มาในธีม ‘Design Up+Rising : ออกแบบพร้อมบวก+’ กับผลงานศิลปะที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นที่ต่างๆ ในศูนย์การค้า ชวนไปคุยกับ คุณชนิสา แก้วเรือน ผู้บริหารกลุ่มงานสร้างสรรค์และนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ถึงการร่วมมือจัดแสดงผลงานครั้งสำคัญ ที่จะช่วยยกระดับยกระดับกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้สำเร็จ
‘Design Up+Rising: ออกแบบพร้อมบวก+’ กับเอกลักษณ์ของสยามพิวรรธน์
เป็นโจทย์ที่น่าสนใจมากว่าสยามพิวรรธน์ได้ใช้การออกแบบไปพร้อมบวกได้อย่างไรบ้าง เราจึงได้ตีโจทย์จากสิ่งที่เรามี นั่นคือความ unique และแตกต่างของศูนย์การค้าในเครือ เพราะศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน มีเรื่องราวการนำเสนอศิลปะ และการออกแบบของแต่ละศูนย์ฯ ก็แตกต่างกัน ร่วมกับบทบาทที่เราเป็น Global Destination ในการนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายในทุกมิติ เราตีความจากคำว่า ‘บวก’ ว่าเราจะสร้างคุณค่า ความหมาย และประสบการณ์ให้คนที่มาเยี่ยมชมในพื้นที่ของเราได้อะไรกลับไปมากกว่า และตรงกับความสนใจที่แตกต่างกันไป เรียกว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้ทุกคน ด้วยการนำผลงานศิลปะจากศิลปินและนักออกแบบไทย ผลักดันให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและสู่ระดับโลก เพราะว่านอกจากคนไทยจะมาเยี่ยมชมแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศมาเยี่ยมชมด้วย
ART in Mall เปิดพื้นที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในศูนย์การค้า
เราคือศูนย์การค้ารายแรก ที่เป็นผู้บุกเบิกสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่หลอมรวมงานศิลปะ สุนทรียศาสตร์ วัฒนธรรม และนวัตกรรมด้านต่างๆ เข้าไปกับพื้นที่ พูดได้เลยว่าเราคือคนแรกที่นำศิลปะและการออกแบบมาใช้กับพื้นที่ศูนย์การค้าอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างที่ไอคอนสยาม จะเห็นผลงานของศิลปินแห่งชาติของไทย งานครูช่าง และงานจากนักออกแบบระดับโลก อย่างเช่นผลงานของอาจารย์ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ และ Petra Junová ดีไซเนอร์แห่ง LASVIT จากเช็ก ที่ผสมผสานอยู่ในพื้นที่ในหลายๆ จุดอย่างสง่างาม หรือที่สยามเซ็นเตอร์ ถือได้ว่าเป็นแห่งรวมความอินเทรนด์ของทุกยุค ตั้งแต่อดีตเรามีผลงานที่ร่วมกับนักออกแบบศิลปินระดับโลกมาสร้างสรรค์ผลงานในศูนย์การค้า สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับวัยรุ่นทุกยุคสมัย หรือแม้ตอนที่เรารีโนเวทสยามดิสคัฟเวอรี่ เราก็ใช้ Nendo สถาปนิกนักออกแบบญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์มากๆ มาช่วยในการวางผังพื้นที่รูปแบบใหม่ที่เหนือความคาดหมาย สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ เราจึงมองว่าจริงๆ แล้วศูนย์การค้าไม่ใช่เพียงสถานที่ให้แค่คนมาซื้อของ แต่มันคือพื้นที่ของการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ เป็นคุณค่าและประสบการณ์ที่เงินซื้อไม่ได้ แต่สัมผัสได้ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นตั้งแต่แรก
Creative Powerhouse พร้อมบวกกับทุกพื้นที่
จากความสำเร็จของ ART in Mall ที่มีการ Co-Create และ Collaborate ร่วมกับศิลปินทั้งชาวไทยและระดับโลกหลายร้อยคนมาอย่างยาวนาน เราจึงได้ต่อยอดสร้าง Art community ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นั่นคือ Creative Powerhouse ในความหมายว่าพร้อมบวก ที่บวกทั้งคุณค่า ความรู้ และประสบการณ์เพิ่มให้กับผู้คนที่มาร่วมงาน เพื่อนำเสนอทุกมุมมองของประสบการณ์ที่สยามพิวรรธน์มอบให้ ยกตัวอย่างงาน Visual Merchandise ที่ร่วมกับงาน Bangkok Design Week ในปีนี้ ตั้งอยู่ที่ สยามพารากอนบนพื้นที่ Jewel Area เป็นรูปงูที่ใหญ่อลังการ ชื่อว่า ‘Origami Serpent of Light’ เป็นประติมากรรมรูปงูที่ทำด้วยเทคนิค origami ที่เกล็ดบนตัวงูเกิดจากการพับกระดาษที่คมชัดและมีเหลี่ยมมุม เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวของงู รวมเข้ากับการจัดไฟที่ทำให้ตัวประติมากรรมงูเล่นกับแสงได้ และไฟที่เปลี่ยนสีได้ก็ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับผู้มาชมได้เป็นอย่างดี เราพยายามเล่าถึงคุณค่าของชิ้นงานให้กับผู้ชมได้รับรู้ ทุกชิ้นงานที่นำมาตั้ง เรามีที่มา คอนเซปต์ และแรงบันดาลใจ ในการออกแบบชิ้นงานที่สามารถผนวกเข้ากับพื้นที่ศูนย์การค้า เพื่อสร้างความตื่นเต้นและส่งต่อจินตนาการให้ผู้คนได้
ความเป็นไทยที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว
ถ้าในมุมเฉพาะความเป็นไทย สยามพิวรรธน์มีซ่อนอยู่ในทุกดีเทลของธุรกิจที่ทำเลย แต่ถ้าเห็นได้ชัดเจนคือในพื้นที่ศูนย์การค้าของไอคอนสยาม และสยามเซ็นเตอร์ เราเชิดชูความยิ่งใหญ่ของศิลปะไทยและศิลปินไทยอยู่เสมอ เห็นได้จากเสาที่อยู่ในอาคารของไอคอนสยามที่จัดทำโดยศิลปินแห่งชาติ เหมือนเป็นจารึกศิลปะ มีความประณีต จากฝีมือของศิลปินไทยและครูช่างไทยให้โลกได้เห็น หรือถ้าเป็นเรื่องความร่วมสมัยงานออกแบบต่างๆ หรือผลงานของนักเรียนนักศึกษาไทย ก็มีการจัดแสดงเป็นนิทรรศการหรือแฟชันโชว์ที่จัดประจำตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน รวมไปถึงธุรกิจ Retail เรามีพื้นที่ ICONCRAFT ที่เชิดชูประณีตศิลป์ ผลงานครูช่างไทย สืบสานและต่อยอดทางธุรกิจให้ชุมชนได้ยั่งยืนต่อไป ทั้งหมดนี้ได้รับการถ่ายทอดภายในศูนย์การค้าของเราที่มีทั้งคนไทยและต่างประเทศมากมายมาเยี่ยมชม ซึ่งสยามพิวรรธน์เรามองเป็นเรื่องที่ท้าทาย ให้พวกเราต้องพัฒนาและสร้างสรรค์หนทางเพื่อให้เกิดการรับรู้ในระดับสากล หัวใจคือการออกแบบ Journey ของผู้คน ผ่านพื้นที่ให้สามารถสะท้อนงานศิลปะไทยให้เกิดการรับรู้ มีส่วนร่วมในทุกประสาทสัมผัสแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้ศิลปะเหล่านี้สร้างประสบการณ์ให้กับผู้คนในหลากหลายมิติได้
ต่อยอดประสบการณ์ที่ไม่สิ้นสุด
สยามพิวรรธน์ มุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์เหนือความคาดหมายที่ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ (Be Amazed), ได้รับแรงบันดาลใจ (Be Inspired) และเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติวงการ (Be Revolutionary) มาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย ด้วยการออกแบบประสบการณ์ และ Customer’s Journey ที่สร้างความประทับใจ ซึ่งลูกค้าที่มาเยี่ยมชมทุกคนจะได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ และความพิเศษที่แตกต่างจากงานศิลปะที่อื่นๆ ซึ่งเราได้มีการทำ Story Telling ที่ผ่านความงดงามทางสถาปัตยกรรม งานศิลปะ หรือนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถสร้าง Emotional Connection กับผู้คนจนสร้างเป็น Personalized Content ได้ รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่จุดประกายทางความคิด ที่สามารถเข้าถึงงานศิลปะทุกแขนงได้จากทั่วโลก และองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ถ่ายทอดจากศิลปินไทยและต่างชาติ หมุนเวียนผลงานใหม่ๆ ตลอดทั้งปี เพื่อเป็นไอเดียและนำไปต่อยอดกับงานของตัวเองได้ ยกตัวอย่าง ‘Arena of Arts’ ที่ Siam Paragon ซึ่งเปิดเป็นพื้นที่ให้ศิลปินไทยและศิลปินทั่วโลกนำผลงานมาจัดแสดงได้
งานออกแบบที่ยกระดับกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์
สยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้นำในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกใจกลางกรุงเทพมหานคร เราได้ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ออกแบบในทุกโครงการ และทุกกระบวนการทำงานด้วยการผนึกกำลังคนไทยทุกระดับ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความภาคภูมิใจในผลงานที่ร่วมสร้างสรรค์กับศิลปิน สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าร่วมกันในทุกมิติให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตั้งแต่ พันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า ชุมชน สังคม เป็นการยกระดับสังคมเมือง ให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยมองว่าการออกแบบเป็นอีกศาสตร์หนึ่ง ที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองเป็นอย่างมาก เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสภาพแวดล้อมและความพึงพอใจให้กับคนในสังคม เป็นจุดศูนย์กลางที่จะเชื่อมโยงให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและสัมผัสได้ครอบคลุมในทุกมิติของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทุกเพศทุกวัย ทุกอายุ ทุกระดับ รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยในการขับเคลื่อนสังคมเมืองให้มีชีวิตชีวา จากกิจกรรมและผลงานที่เกิดขึ้น เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ให้ผู้คนมาเยี่ยมชมอย่างไม่รู้จบ
สามารถชมผลงานจากสยามพิวรรธน์ ใน Bangkok Design Week 2025 ได้ที่ศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม
รวมถึงร่วมชมผลงานชิ้นอื่นๆ ได้ระหว่างวันที่ 8 – 23 กุมภาพันธ์ 2568
ช่วงที่ 1: วันที่ 8 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 ย่านเจริญกรุง – ตลาดน้อย, เยาวราช – ทรงวาด, ปากคลองตลาด และพื้นที่อื่นๆ
ช่วงที่ 2: วันที่ 15 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 ย่านพระนคร, บางลำพู – ข้าวสาร และพื้นที่อื่นๆ