บรรดาผู้ที่ชื่นชอบการวิ่งหลายคน อาจเคยได้ยินถึงกิตติศัพท์ของงานวิ่งระดับโลก อย่างโตเกียวมาราธอน เบอร์ลินมาราธอน หรือบอสตันมาราธอน ที่มีเส้นทางวิ่งอันสวยงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ จนกลายเป็นหนึ่งใน Bucket list ของนักวิ่งทั่วโลกที่อยากลองไปสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต
แต่สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ อาจยังไม่ต้องมองไกลไปถึงสนามวิ่งระดับเมเจอร์ของโลกขนาดนั้น เพราะในบ้านเราเองก็มีสนามวิ่งดีๆ ที่มีเส้นทางวิ่งอันสวยงามและการจัดการอันเยี่ยมยอดอย่าง Singha Series Run 2019 ที่มีถึง 4 สนามแข่งขัน 4 ภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม โดยประเดิมสนามแรกที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย เป็นการวิ่งในรูปแบบครอสคันทรี ผ่านเส้นทางที่สวยงาม ซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ล่าสุดสนามที่ 2 กับ Singha Sattahip Navy Beach Run จัดไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 20 เมษายน กับเส้นทางวิ่งแบบบีชรันเลียบชายหาด จุดสตาร์ทและเส้นชัยที่มีเบื้องหลังเป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร ลองไปดูกันว่าความดีงามของงานวิ่งนี้ จะสร้างความประทับใจให้กับเหล่านักวิ่งทั้งหน้าใหม่และขาประจำได้อย่างไร
จุดสตาร์ทและเส้นชัยสุดอลังการ
ความประทับใจแรกที่เหล่าบรรดานักวิ่งได้เห็นเป็นอย่างแรก คือพื้นที่ริมฐานทัพเรือสัตหีบ ปรากฏภาพของ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ที่จอดตระหง่านอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นจุดสตาร์ทและเส้นชัย เช่นเดียวกับงานวิ่งระดับโลกที่เส้นทางวิ่งล้วนมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือรบที่มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถบรรทุกเครื่องบินควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศ เข้าประจำการยังฐานทัพเรือสัตหีบในปี 2540 ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในประจำการ ปฏิบัติภารกิจสำคัญในยามสงครามและภัยพิบัติสำเร็จมาแล้วหลายภารกิจ
ด้วยความสูงของเรือกว่า 11 ชั้น ความยาว 182 เมตร กว้างถึง 30.5 เมตร ทำให้ภาพของจุดสตาร์ทของงานวิ่งครั้งนี้เป็นภาพที่สวยงามและยิ่งใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคักของเหล่านักวิ่งนับพันที่มารวมตัวยังพื้นที่บริเวณฐานทัพเรือ จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นนักวิ่งพร้อมใจเซลฟี่คู่กับเรือกันแทบทุกคน ได้ภาพสวยๆ กันตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มวิ่งเลยทีเดียว
ระหว่างทางสุดสวยงาม
นอกจากจุดสตาร์ทที่ให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และประวัติศาสตร์ของพื้นที่จัดงานแล้ว ไฮไลท์สำคัญคือเส้นทางวิ่งในรูปแบบบีชรัน โดยมีทิวทัศน์ด้านหนึ่งเป็นชายหาดอันสวยงาม ผ่านชุมชนต่างๆ ที่มีกองเชียร์ชาวบ้านออกมาให้กำลังใจอย่างสนุกสนาน เชียร์อัพให้หายเหนื่อย ประกอบกับพื้นถนนที่เป็นพื้นลาดยางมะตอยที่มีความยืดหยุ่นเกือบตลอดเส้นทาง ช่วยเสริมแรงวิ่งและลดอาการบาดเจ็บจากการกระแทกของข้อเข่าได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นเส้นทางวิ่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบและปลอดภัยสำหรับนักวิ่งทุกคน
อีกสิ่งหนึ่งที่นักวิ่งหลายคนประทับใจ คือการอำนวยความสะดวกของพี่ๆ ทหารเรือและทีมงานอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง และที่สำคัญการที่เส้นทางวิ่งบางส่วนอยู่ภายในฐานทัพเรือสัตหีบ ทำให้ได้เห็นบรรยากาศชีวิตความเป็นอยู่ของทหารเรืออย่างใกล้ชิดอีกด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการวิ่งแบบ Military Run ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากสนามวิ่งแห่งไหนจริงๆ
การจัดการอันเยี่ยมยอด
ปกติแล้วงานวิ่งทั่วไปที่จัดในบ้านเรา จะจัดในช่วงเวลาเช้ามืด แต่สำหรับงานนี้กลับจัดขึ้นในช่วงเย็น โดยปล่อยตัวเวลาห้าโมงเย็น ทำให้นักวิ่งหน้าใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการตื่นเช้าสามารถปรับตัวได้อย่างสบายๆ ถึงแม้อากาศจะร้อนไปบ้างก็ตามที และที่สำคัญคือบรรยากาศของการวิ่งอันงดงาม จากแสงของดวงอาทิตย์ที่ยังสว่าง ค่อยๆ มืดลงไปเรื่อยๆ เกิดเป็นภาพเงาซิลลูเอทของนักวิ่ง ตัดกับท้องทะเลสีทองระยิบระยับ จนหลายคนอดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกภาพนี้เก็บไว้
ส่วนระยะทางวิ่งก็แตกต่างจากงานวิ่งอื่นๆ เพราะเป็นระยะ 8 และ 16 กิโลเมตร เรียกว่าเป็นการเอาชนะความท้าทายในระยะที่พอดี ปิดท้ายด้วยความยอดเยี่ยมด้านการจัดการทั้งการปิดถนนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ บริการน้ำดื่มและอาหารตลอดเส้นทาง และการรักษาความปลอดภัยโดยพี่ๆ ทหารเรืออีกด้วย ได้เห็นความดีงามขนาดนี้จึงไม่ต้องแปลกใจหากนักวิ่งหลายคนจะเก็บสนามวิ่งแห่งนี้เป็นหนึ่งใน Bucket list ที่ต้องมาสัมผัสได้ให้สักครั้ง
สำหรับใครที่พลาด Singha Series Run สนามนี้ไป แล้วอยากจะลองสัมผัสกับโมเมนต์ความประทับใจของรายการวิ่งนี้ เตรียมตัวพบกับสนามที่ 3 ในชื่อ Chiang Mai King of Mountain Up Hill Run ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้
ติดตามรายละเอียดการรับสมัครได้ที่นี่ www.singhaseriesrunthailand.com