หลายคนคงเคยจินตนาการเวลามองหน้ารถยนต์แล้วคิดว่า ไฟหน้าเหมือนดวงตา
สเกิร์ตหน้าเหมือนปาก
บางคนนึกตลกไปอีกเบอร์ว่า ถ้ารถยนต์พูดได้หรือมีปฏิสัมพันธ์อย่างมนุษย์มันจะเป็นอย่างไร พฤติกรรมดังกล่าวเรียกว่า Pareidolia หรือการจินตนาการเห็นสิ่งของเป็นหน้าคน นับเป็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความฉลาดทางสมองอย่างหนึ่ง
Pareidolia เห็นสิ่งของเป็นหน้าคน อาการนี้มีความฉลาดซ่อนอยู่
การมองเห็นก้อนเมฆ หน้าต่าง รถยนต์ หรือแม้กระทั่งฝาท่อเป็นหน้าคนมิใช่อาการผิดปกติอะไร แต่คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของจิตใจที่เรียกว่า Pareidolia
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากทักษะการจดจำใบหน้าของมนุษย์ที่มีติดตัวตั้งแต่กำเนิด ทำให้สามารถระบุใบหน้าได้จากรายละเอียดเพียงเล็กน้อย บวกกับความสามารถทางการเชื่อมโยงของสมองที่จะทบทวนความทรงจำใบหน้าคนมาซ้อนทับสิ่งนั้นๆ ให้ใกล้เคียงที่สุด นับว่าเป็นความฉลาดที่ซ่อนอยู่ในสมองของคุณ
ฉะนั้นเวลามองรถยนต์แล้วเห็นไฟหน้าคล้ายดวงตาของมนุษย์ ให้นึกชมตัวเองไว้ว่าเราช่างฉลาดเสียเหลือเกิน
ต่อยอดจินตนาการเป็นแอนิเมชั่น Cars
ใครที่เคยดูภาพยนตร์แอนิเมชั่น Cars (2006) คงต้องหลงรัก ไลท์นิ่ง แมคควีน รสซิ่งคันสีแดง เจ้าของหมายเลข 95 อย่างแน่นอน ความสำเร็จของหนังทำให้มีภาคต่อออกมาถึง 3 ภาคด้วยกัน ซึ่ง Cars ไม่เพียงเป็นแอนิเมชั่นขวัญใจเด็กรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นความทรงจำอันล้ำค่าสำหรับคนที่เคยดูมาตั้งแต่ภาคแรก เพราะบางคนแม้เติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่มีครอบครัวกันหมดแล้วยังอดคิดถึงภาพยนต์เรื่องนี้ไม่ได้
ไอเดียเริ่มต้นของภาพยนตร์เกิดจากการพัฒนาจินตนาการที่ว่า ถ้ารถยนต์มีชีวิตมันจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ไบรอัน ฟี (Brian Fee) แอนิเมเตอร์ที่ปลุกปั้น Cars มาตั้งแต่ภาคแรกจนได้เป็นผู้กำกับใน Cars 3 (2017) เคยให้สัมภาษณ์ว่า “Cars เป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ปฏิสัมพันธ์กัน ตัวแทนของพวกเราทุกคน เปรียบเสมือนกระจกที่สะท้อนความเป็นมนุษย์”
ถึงแม้การดีไซน์จะใช้กระจกเป็นตำแหน่งดวงตาแทนที่ไฟหน้าอย่างที่เรานึกคิด แต่นั่นก็สร้างภาพจำให้คนทั่วไปนึกออกว่า รถยนต์มีดวงตามีหน้าตาอย่างไรในเวลารวดเร็ว
ต่อยอดในโลกความเป็นจริงด้วย The All-New Subaru Forester 2.0i-S Eyesight
อย่างไรก็ตาม “ดวงตารถยนต์” ไม่ได้มีอยู่แค่ในจินตนาการหรือภาพยนตร์เท่านั้น เพราะโลกแห่งความจริง The All-New Forester จากค่าย Subaru เปิดตัวพร้อมกับระบบ EyeSight เทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยใหม่ ที่เป็นเสมือนดวงตาสำหรับช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะสามารถประมวลผล ทั้งในระยะใกล้-ไกล เรียกได้ว่า มีหลักการทำงานใกล้เคียงกับสายตามนุษย์เลยทีเดียว
The All-New Forester 2.0i-S Eyesight รถรุ่นใหม่จากค่าย Subaru ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์ Great just got Greater! ด้วยเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ Boxer Engine ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่าเครื่องยนต์ประเภทอื่น ได้เพิ่มระบบ Direct Injection สร้างความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพในการทำงานและการใช้พลังงาน อีกหนึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Subaru คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive ที่กระจายการทำงานไปยังล้อทั้ง 4 อย่างเหมาะสมให้การยึดเกาะในทุกสถานการณ์
อีกทั้งการพัฒนาโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่า Subaru Global Platform เพิ่มความแข็งแกร่งให้รถมากขึ้น ลดการสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยไฮไลท์ล่าสุด อย่างระบบ EyeSight เทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ให้ลดลงน้อยที่สุด
เรียกได้ว่า The All-New Subaru Forester เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร และมีความสามารถที่ใช้งานได้จริง มีฟังก์ชั่นครบครัน มีความพร้อมทุกการเดินทาง ทุกสภาพพื้นผิวถนน ทางชันบนภูเขา ถนนที่มีโคลน หรือ ทางขรุขระ ก็มั่นใจได้ในทุกการขับขี่ เพราะ Subaru เชื่อว่า การขับรถยนต์อย่างปลอดภัยคือเป้าหมายสำคัญที่สุด
EyeSight นวัตกรรมดวงตารถยนต์แห่งอนาคต
EyeSight เป็นนวัตกรรมเสริมความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจาก Subaru เปรียบเสมือนดวงตาของรถยนต์ที่สามารถมองภาพการจราจรบนท้องถนน ด้วยการทำงานของกล้องสเตอริโอสองตัว ระบบและหลักการทำงานเปรียบได้กับการทำงานของสายตามนุษย์ เปรียบเสมือนมีดวงตาติดอยู่ที่รถจริงๆ อย่างในแอนิเมชั่น
เมื่อรถมีดวงตาก็จะเพิ่มความสามารถในการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ระบบ EyeSight จึงเป็นระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะให้กับผู้ขับขี่ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ยกตัวอย่างสถิติในประเทศญี่ปุ่น รถยนต์ Subaru ที่มีระบบ Eyesight มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลงถึง 61% ตัวอย่างการทำงานที่เป็นไฮไลท์ เช่น ระบบการตรวจจับด้านหน้าที่เริ่มทำงานที่ความเร็วเพียง 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยลดความเสี่ยงตั้งแต่เราเริ่มเดินทาง โดยระบบจะตอบสนองด้วยการส่งเสียงเตือน จากนั้นค่อยๆ เบรก และหยุดรถโดยอัตโนมัติ หรือ หากคนขับพลั้งเผลอใส่เกียร์เดินหน้าและกดคันเร่ง ทั้งๆ ที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ ระบบ EyeSight จะเตือนคนขับโดยส่งสัญญาณเสียงและไฟกระพริบบริเวณหน้าจอ และหยุดไม่ให้เครื่องยนต์ออกตัวชั่วขณะ เพื่อช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ
ไม่เท่านั้น ขณะที่เดินทางไกล เมื่อเราตั้งความเร็วอัตโนมัติ ระบบ Eyesight จะแปรผันความเร็วของรถเราตามรถคันหน้า แม้ว่ารถคันหน้าอาจชะลอความเร็วจนรถหยุดนิ่ง แต่เมื่อออกตัวไป รถของเราก็จะออกตัวตามพร้อมมีการเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยให้เสร็จสรรพ ทั้งยังส่งสัญญาณเสียงและไฟเตือนหน้าจอ เมื่อรถของเรากำลังจะออกนอกเลนด้วยความไม่ตั้งใจ
ระบบ EyeSight จึงไม่ใช่แค่ดวงตาเก๋ๆ แต่เป็นเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยสุดฉลาด ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ให้การขับขี่ของทุกคน มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งนี้ผู้ขับยังต้องตระหนักรู้และพร้อมที่จะควบคุมรถให้ปลอดภัยด้วยตนเองเสมอ
อ้างอิงข้อมูลจาก
- In-company investigation on the data from the Institute for Traffic Accident Research and Data Analysis in Japan *Source: (Japan) Institute for Traffic Accident Research and Data Analysis (ITARDA) Independent calculations by SUBARU CORPORATION, based on data collected between 1/4/2010 and 31/3/2014.
- https://www.subaru.eu/safety-sk/
- https://www.subaru.co.jp/press/news-en/2019_05_30_7310/