Collaboration (n.) การร่วมแรง, การร่วมมือ, การสมรู้ร่วมคิด
การจับมือกันทางธุรกิจ หรือ Collaboration Marketing เป็นหนึ่งในกลวิธีการดำเนินกิจการที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี ทั้งยังได้รับความนิยมมาในทุกยุคทุกสมัย เพราะการที่แบรนด์หรือบุคคลในวงการต่างๆ นำจุดแข็งที่ต่างฝ่ายมีมาผสมผสานเข้าด้วยกันเป็นโปรเจกต์ใหม่ ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้ทดลองสัมผัสกับประสบการณ์หรือมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม ทั้งยังเป็นการเปิดพรมแดนขยายฐานลูกค้าของทั้งสองฝ่ายให้กว้างยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ศาสตร์แห่ง Collaboration Marketing ที่ดี ยังอาจทรงอิทธิพลขนาดที่สามารถพาแบรนด์ก้าวข้ามความเชื่อเก่าๆ ไปถึงจุดที่สามารถสร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ หรือทลายเส้นความเป็นไปไม่ได้ที่แบ่งวงการอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ การเมือง แฟชั่น การศึกษา หรือศิลปะออกจากกัน เช่นนั้นแล้วจึงไม่น่าแปลกใจถ้าในแต่ละปีจะมีความร่วมมือใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นอยู่เสมอ ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราตั้งตารอคอยว่าในช่วงเวลาอันใกล้นี้จะมีการจับคู่กันของแบรนด์ไหนที่น่าสนุกรออยู่บ้าง
Watch your back! It’s Swatch
ไม่ใช่ว่าทุกการ Collaboration จะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์ที่ทำมาตรฐานการดึงศิลปินในแวดวงศิลปะ และแฟชั่นเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์แบรนด์ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจแล้วล่ะก็ แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อย่าง Swatch ก็นับเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
อาจเพราะด้วยจุดยืนของ Swatch ที่มองว่านาฬิกาไม่ใช่สินค้าที่มีประโยชน์ในแง่ฟังก์ชันเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่ใช้แสดงเอกลักษณ์ตลอดจนรสนิยมของผู้ใส่ Swatch จึงเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ให้ความสำคัญกับการดึงศิลปิน ดีไซเนอร์ หรือผู้มีชื่อเสียงในแวดวงศิลปะมาร่วมรังสรรค์ผลงานที่มีทั้งความครีเอทีฟ และความพิเศษเฉพาะตัวสูงในรูปแบบ Limited Edition
เรียกว่านับตั้งแต่ช่วงกลางยุค 80s เป็นต้นมา Swatch ก็มักจะหาโอกาสสร้างคอลเลคชั่นที่สั่นไหวหัวใจแฟนๆ นักสะสมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับศิลปินกราฟิตี้ป๊อปอาร์ท คีธ แฮริ่ง (Keith Haring) ในปี 1986 ร่วมรังสรรค์งานแนวคัลเลอร์ฟูล, ออกคอลเลคชั่นสุดพังก์กับดีไซน์เนอร์ตัวแม่ วิเวียน เวสต์วูด (Vivienne Westwood) ในปี 1992-1993, ผลักดันกระแส LGBTQ ผ่านงานของ เดวิด ลคาเปลล์ (David LaChapelle) x อแมนด้า เลอปอร์ (Amanda Lepore) ปี 2000, ปี 2018 ฉลองวันเกิดมิกกี้เมาส์ด้วยงานสุดจี๊ดของ เดเมียน เฮิร์สต์ (Damien Hirst) กระทั่งปี 2019 ที่ผ่านมาก็ยังร่วมฉลอง 100 ปี ให้กับ Bauhausโรงเรียนสอนศิลปะชื่อดังของเยอรมันด้วยงานแพทเทิร์นที่สนุกจนต้องยกนิ้วให้
Joanne Tatham & Tom O’Sullivan
มาถึงในปี 2020 นี้ ที่ทาง Swatch ก็ยังไม่วายสร้างความตื่นเต้นให้กับเราได้อีกครั้ง เมื่อทางแบรนด์ได้จับมือกับสองศิลปินคู่หูชาวอังกฤษ โจแอนน์ ทาแธม (Joanne Tatham) และ ทอม โอซัลลิแวน (Tom O’Sullivan) ออกคอลเลคชั่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานชิ้นดังของทั้งคู่ในอดีต
โจแอนน์ และทอมเป็นศิษย์เก่ารุ่นไล่เลี่ยกันของ Glasgow School of Art ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มต้นทำงานศิลปะด้วยกันตั้งแต่ปี 1995 ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองคนได้พาผู้ชมร่วมเดินทางสำรวจความคิดในแง่มุมต่างๆ ของสังคมผ่านงาน Contemporary Art ที่ทั้งเร้าใจ ตลอดจนตั้งคำถามถึงประเด็นที่กระตุกให้เกิดการถกเถียงในวงกว้างอยู่เสมอ ศิลปะของโจแอนน์ และทอมเป็นเหมือนอาวุธที่ไร้รูป พวกเขาไม่ได้จำกัดมันเพียงแค่ในรูปแบบของงานจิตรกรรม หรือประติมากรรมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงงานสถาปัตยกรรม การแสดง ภาพถ่าย หรือกระทั่งข้อความเพื่อใช้ส่งสารที่ต้องการ ความขบถ ความสดใหม่ ตลอดจนฝีมือที่ผ่านการขัดเกลาของกาลเวลาทำให้งานของคู่หูคู่นี้ได้มีโอกาสเผยแพร่สู่สายตาของคนทั่วโลกผ่านนิทรรศการชั้นนำต่างๆ อาทิ Coachella Valley Music and Arts Festival,Venice Biennale ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ดังใน Glasgow
Swatch X Joanne Tatham & Tom O’Sullivan
สำหรับงานที่โจแอนน์ และทอมออกแบบให้กับ Swatch ในคอลเลคชั่นนี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 ชิ้น ภายใต้ดีไซน์ที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแบบสกอตติช โดยได้แรงบันดาลใจมาจากคาแรคเตอร์ดังที่พวกเขาเคยจัดแสดงในนิทรรศการต่างๆ ได้แก่
NECESSARY FOCUS: นาฬิกาลายสัตว์ป่าที่ผสานลายเส้นเข้ากับสีสันสดใสชวนให้ใจเต้น
SERIOUS ACTION: นาฬิกาหน้าปัดสีเหลืองที่ได้คาแรคเตอร์ของ เนสซี สัตว์ประหลาดในตำนานแห่งทะเลสาบเนสส์ในสกอตแลนด์มาเป็นต้นแบบ
INDIRECT EXCHANGE: เจ้าแมวหน้าสี่เหลี่ยมความสูง 7.2 เมตร จากนิทรรศการ The Indirect Exchange of Uncertain Value สุดโด่งดังในปี 2011
DOES THE IT TICK: และสุดท้ายกับงานชิ้นพิเศษจากคาแรคเตอร์ใบหน้าสีรุ้งที่ปรากฏในหลายงานนิทรรศการ อาทิ DOES THE IT FIT (2013), DOES THE IT STICK (2014) โดยผลิตในแบบ Limited Edition ยั่วใจนักสะสมที่คงต้องมือไวกันหน่อยเพราะมีเพียงแค่2,020 เรือนเท่านั้น
คงต้องบอกว่าการ Collaboration ของ Swatch ในครั้งนี้ ยังคงสร้างความสนุกให้กับแวดวงคนรักนาฬิกา และแฟชั่นได้เช่นเคย
ซึ่งสำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของเจ้านาฬิกาคาแรคเตอร์สุดจี๊ดเหล่านี้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ สามารถไปชมสินค้าจริงได้ที่ช้อปของ Swatch สาขา Central World, Siam Paragon, ICONSIAM, Mega Bangna และ Central Ladprao
หรือสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Swatch Online Store
สั่งวันนี้ส่งฟรีทั่วประเทศ พร้อมรับประกันตัวเครื่องนานถึง 2 ปี ทั้งยังเปลี่ยนถ่านฟรีตลอดอายุการใช้งาน