ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถเป็นสื่อเองได้ สื่อมวลชนในปัจจุบันเต็มไปด้วยความท้าทายเป็นอย่างมาก
ทั้งการแข่งขันกันด้วยความเร็ว ท่ามกลางกระแสข่าวลวง ข่าวปลอม และข่าวเร้าอารมณ์ที่โน้มน้าวและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด จากเดิมที่สื่อมวลชนเคยมีมาตรฐานและได้รับการยกย่องว่าเป็น “ฐานันดรที่สี่” กลับต้องเผชิญหน้ากับคำถามสำคัญว่า “สื่อยังมีพลังอยู่หรือไม่ ?”
สำหรับ Thai PBS แล้ว การรายงานข่าวไม่ใช่เพียงการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่สร้างมาตรฐานข่าวที่แตกต่างด้วยแนวทาง Solution Journalism ที่มุ่งเน้นการทำข่าวเชิงลึกเพื่อเสนอทางออกของเรื่องต่างๆ ต่อสังคม
การปรับโฉมข่าวล่าสุดของ Thai PBS ผ่านฉาก กราฟิกและโลโก้เป็นความพยายามเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ๆให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เที่ยงตรง รอบด้าน ที่จะนำไปสู่ทางออกที่เหมาะสม เป็น “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม” ได้ต่อไป
ความเป็นมืออาชีพในยุคที่ใครๆ ก็เป็นสื่อได้
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสมาร์ตโฟน โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันต่างๆ ทำให้ใครๆ ก็สามารถสร้างเนื้อหาข่าวสาร และเผยแพร่ได้เองแบบทันที ความง่ายในการเข้าถึงแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของวงการสื่อไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ขณะเดียวกัน “ความเป็นมืออาชีพ” ในด้านการนำเสนอข่าวสารนั้น กลับยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น
เพราะไม่ว่าจะเป็นสื่อจากองค์กรขนาดเล็กหรือใหญ่ หรือแม้แต่สื่ออิสระ สิ่งสำคัญที่ควรยึดมั่นคือความถูกต้อง การเคารพในสิทธิมนุษยชน และการนำเสนอข้อมูลบนพื้นฐานของจริยธรรม โดยเฉพาะการรายงานข้อเท็จจริงที่ต้องปราศจากการครอบงำทางผลประโยชน์ใดๆ ความเป็นอิสระในการรายงานข่าว จึงเป็นหัวใจสำคัญที่สื่อมวลชนทุกระดับต้องรักษาไว้
เช่นเดียวกับ Thai PBS ที่เป็นสื่อสาธารณะของไทย ปลอดจากการครอบงำทางการเมืองและธุรกิจเนื่องจากจัดตั้งโดยพระราชบัญญัติให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระ โดยได้รับงบประมาณจากภาษีสรรพสามิต แทนการพึ่งงบประมาณจากรัฐบาล หรือเม็ดเงินโฆษณาจากกลุ่มทุน
Solution Journalism: ข่าวที่มากกว่าแค่การรายงานเหตุการณ์
แนวข่าวของ Thai PBS ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การบอกเล่าสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เน้นการเจาะลึกถึงต้นตอของปัญหา พร้อมทั้งวิเคราะห์ในหลายมิติอย่างครอบคลุมและลุ่มลึก เพื่อให้เห็นทางออกของปัญหานั้นๆ ซึ่งหากได้ติดตามข่าวของ Thai PBS จะเห็นความแตกต่างนี้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างกรณี “ปัญหาที่ดินทับลาน” ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อน เกี่ยวข้องทั้งข้อพิพาททางกฎหมาย ความขัดแย้งเชิงประวัติศาสตร์ในการใช้ที่ดิน โดย Thai PBS เจาะลึกในทุกแง่มุมของปัญหานี้ ตั้งแต่การประกาศเขตอุทยานแห่งชาติทับลานในปี 2524 ที่เกิดขึ้นโดยขาดสำรวจพื้นที่ชุมชนอย่างรอบคอบ ส่งผลให้เกิดการทับซ้อนของที่ดินชาวบ้านในหลายพื้นที่
ทั้งยังวิเคราะห์ไปถึงบทบาทของกลุ่มทุนและนักการเมือง ที่เข้ามาผลประโยชน์จากที่ดินที่มีความขัดแย้งนี้ พร้อมเปิดภาพการขยายตัวของรีสอร์ตและธุรกิจขนาดใหญ่ในพื้นที่ป่าทับลานให้เห็นอย่างชัดเจน และตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่า ผลประโยชน์จากการปรับเขตพื้นที่อุทยานนี้ เป็นการเอื้อให้กับกลุ่มทุนมากกว่าการจัดการปัญหาของชุมชนท้องถิ่นหรือไม่ ? และอาจเป็นใบเบิกทางสู่การปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าอื่นๆ ตามมาหรือไม่ ?
นอกจากนี้ยังมีการรายงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน ทั้งการอ้างอิงข้อมูลจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียรและนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง ให้เห็นถึงผลกระทบทางนิเวศ ทั้งเชิงกายภาพและชีวภาพ
นี่คือตัวอย่างการรายงานข่าวบนพื้นฐานความจริง ไร้ซึ่งการกระตุ้นอารมณ์ หรือขยี้ประเด็นเพื่อเรียกความสนใจ แต่คือการให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อมูลและความถูกต้องรอบด้าน เพื่อให้ผู้ชมรู้เท่าทันข้อเท็จจริงและวิเคราะห์ ถกเถียงถึงทางออกในการจัดการของรัฐ รวมถึงมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาได้อย่างเท่าทันสถานการณ์
หรือกรณีโกดังพลุระเบิดที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นอีกกรณีที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางการทำข่าวที่ให้ทางออกหรือ Solution Journalism อย่างชัดเจน คือไม่เพียงรายงานสถานการณ์ข่าวเท่านั้น แต่ยังมุ่งค้นหาสาเหตุของการระเบิด การขออนุญาต การควบคุมจนพบปัญหาของกลไกที่หละหลวมซึ่งประชาชนจะได้จับตาการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งมุ่งค้นหาสาเหตุของการเยียวยาที่ล่าช้าข้ามปี จนพบปมประเด็น และใช้การนำเสนอข่าวในการผลักดันขับเคลื่อนจนเกิดการทะลุทะลวงปัญหาเหล่านั้นนำมาสู่การเยียวยาชาวบ้านได้สำเร็จ
คุณค่าข่าวที่ยึดโยงกับประชาชน
แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การนำเสนอข่าวในอุตสาหกรรมสื่อจะมีทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปตามการตลาด โดยเน้นการรายงานสถานการณ์ขณะนั้นๆ และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้ชมในเชิงอารมณ์ แต่ความต้องการข่าวสารที่ถูกต้อง โปร่งใส และไม่ถูกชี้นำกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
Thai PBS เข้าใจความต้องการนี้ จึงใช้จุดแข็งที่ความถูกต้องรอบด้าน ยึดโยงกับประชาชน มิได้ยึดโยงกับการเมืองและกลุ่มทุน แม้จะมีความพยายามปรับวิธีการนำเสนอหรือการเล่าเรื่องข่าวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการรับชมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่โอนเอนอ่อนไหวไปตามภาวะการเปลี่ยนแปลงของการตลาด
เช่นกรณี “ปัญหาปลาหมอคางดำ” ที่เข้ามารุกล้ำระบบนิเวศน้ำในไทย ซึ่ง Thai PBS นำเสนอข้อมูลอย่างกล้าหาญ แม้ว่าต้องชนกับอิทธิพลของกลุ่มทุนใหญ่ในอุตสาหกรรมที่อาจเป็นต้นเหตุครั้งนี้ โดยรายงานอย่างครอบคลุมถึงจุดเริ่มต้นการนำเข้า เปิดภาพมุมสูงจากจุดที่พบการระบาด รวมไปถึงการสัมภาษณ์แหล่งข่าวลับจากบริษัทต้นเหตุอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานผลกระทบที่รุนแรงในด้านระบบนิเวศต่อสัตว์น้ำท้องถิ่น เช่น ลูกกุ้ง ลูกปู และปลาขนาดเล็ก สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศท้องถิ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไล่เรียงไปถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจชาวประมงที่รายได้ลดลงรุนแรงไม่แพ้กัน
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า Thai PBS ยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง ไม่หวั่นต่อแรงกดดันจากนายทุนหรือผลประโยชน์อื่นๆ และยึดมั่นในความเป็นกลางและการนำเสนอข้อมูลที่รอบด้านมาโดยตลอด
คุณค่าข่าวที่ยึดโยงกับประชาชน อาจจะเห็นได้ชัดเจนจากการรายงานข่าวกรณีภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าไฟไหม้ น้ำแล้ง หรือน้ำท่วม Thai PBS ไม่เพียงรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ในกรณีที่สามารถคาดการณ์หรือพยากรณ์สถานการณ์ได้ จะนำเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อคำนวณ คาดการณ์ให้เกิดความแม่นยำมากที่สุดเพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรับมือ และเมื่อสถานการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว Thai PBS ยังคงปักหลักรายงานข่าวและรับเรื่องราวร้องเรียนแจ้งจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อข้อมูลให้เกิดการช่วยเหลือ จนกว่าประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาและกลับเข้าสู่วิถีชีวิตปกติ
เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านการทำข่าว
จะว่าไปแล้วคนรุ่นใหม่มีจุดแข็งที่ไม่อาจมองข้ามได้ นั่นคือความสามารถในการค้นคว้า วิเคราะห์ และเจาะลึกข้อมูล ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ Thai PBS จึงเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น เสนอแนวคิดใหม่ๆ หรือร่วมวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง
หนึ่งในโครงการสำคัญของ Thai PBS อย่าง Policy Watch ก็เป็นโครงการที่สร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนและคนรุ่นใหม่ได้ติดตามข้อมูล ตรวจสอบการดำเนินการของรัฐบาล และมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์นโยบายที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นอย่าง Policy Forum เป็นประจำทุกเดือน โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขามาวิเคราะห์นโยบายสำคัญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเกษตร หรือสาธารณสุข โดยเน้นให้ประชาชนสามารถสื่อสารและแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระและเท่าเทียม
การมีส่วนร่วมเหล่านี้เปรียบเสมือนการแลกเปลี่ยนความคิด ไอเดีย และมุมมองระหว่างคนรุ่นใหม่กับกองบรรณาธิการข่าว Thai PBS ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ข่าวสารมีความสดใหม่เท่านั้น แต่ยังทำให้การทำข่าวเชิงลึกที่ได้รับการมีส่วนร่วมเช่นนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ข่าวที่คุณวางใจ : ข่าว Thai PBS”
ท่ามกลางสถานการณ์อุตสาหกรรมสื่อที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและสร้างเนื้อหาได้อย่างอิสระผ่านโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สื่อต้องรักษาธุรกิจเอาไว้ให้ได้ จนนำมาสู่หลากหลายปัญหา เช่น ปัญหาปริมาณข้อมูลที่ท่วมท้น ปัญหาความถูกต้อง ปัญหาเฟคนิวส์ ปัญหาความสมดุลเป็นกลาง ซึ่งนำมาสู่ปัญหาความน่าเชื่อถือและเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของวงการสื่อสารมวลชน
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ Thai PBS ในฐานะสื่อสาธารณะของประเทศยิ่งต้องยืนหยัดเป็น “ข่าวที่คุณวางใจ” ที่นอกจากปราศจากการครอบงำจากผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือการเมืองแล้ว ยังรายงานข่าวสารที่รอบด้าน ถูกต้อง โปร่งใส ไม่เร้าอารมณ์หรือโน้มน้าวให้เชื่อ โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหัวใจหลัก
เพราะ Thai PBS เชื่อว่า ข้อมูลข่าวสารที่เที่ยงตรง รอบด้าน จะนำไปสู่ทางออกที่เหมาะสม เป็น “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม” ได้ต่อไป