ตึ๊ง ตึ่ง! ตึ๊ง ตึ่ง! ติ๊ง! ขับรถอยู่ อุ้ย.. ไลน์เด้ง เมสเซนเจอร์ดัง กี่ครั้งที่คุณหยิบมือถือขึ้นมาอ่านหรือตอบ?
หลายครั้งที่เรารู้สึกว่า เหลือบไปดูนิดเดียว กดตอบนิดเดียว แชทนิดเดียว.. ไม่เป็นไรหรอก แต่จริงๆ แชทนิดเดียว.. ก็เป็นเรื่องแล้ว เพราะระหว่างที่ตามองจอ อย่าลืมว่าเท้าของคุณก็ยังคงเหยียบคันเร่งต่อไป
ความจริงก็คือ.. แค่ไม่กี่วินาทีที่เหลือบตาดูข้อความ มันกินเวลาไปอีก ’27 วินาที’ ในการเรียกสมาธิกลับคืน ถ้าตีเป็นระยะทาง ก็สรุปได้ว่า.. อ่านแชทที สติหลุดจากการขับรถไปเป็นระยะทางร่วม 3 สนามฟุตบอล!
และนี่คือ 5 เหตุผลที่ดี ที่เราจะไม่ตอบไลน์ไม่ตอบแชทในระหว่างขับรถ (เดี๋ยวถึงที่หมายแล้วจะตอบไลน์นะ!)
รู้ไหมว่า อ่านแชท 6 วินาที = ขับรถไม่มองถนน 100 เมตร
ถ้าคุณขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั่นแปลว่าทุกๆ 1 วินาที รถจะขยับไปข้างหน้า 16.6 เมตร การที่คุณตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านหรือตอบข้อความ มันอาจจะใช้เวลาแค่ 6 วินาทีก็จริง แต่นั่นก็เท่ากับคุณปล่อยให้รถเคลื่อนที่โดยไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการขับขี่ เป็นระยะทางเกือบ 100 เมตร หรือเทียบเท่ากับด้านยาวของหนึ่งสนามฟุตบอล ซึ่งชั่วขณะที่เราละสายตาจากถนนนี้เองที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า เราจะขับผ่านหรืออาจพุ่งไปชนเด็ก เฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ข้างทาง หรือจะมีสุนัขวิ่งตัดหน้ารถหรือเปล่า
ไม่ใช่แค่นั้น ขณะที่คุณขับรถ ‘สายตา’ ของคุณจะส่งข้อมูลไปยังสมองเพื่อสั่งการและควบคุมแขนและมือให้ยึดพวงมาลัยไปตามทิศทางที่ต้องการ ดังนั้น หากละสายตาจากถนนและเสียสมาธิในการควบคุมพวงมาลัยไปกับการใช้โทรศัพท์ ก็อาจจะทำให้การควบคุมมือและแขนที่พวงมาลัยนั้นผิดทิศผิดทาง รถของคุณก็อาจจะขยับไปในเลนที่ไม่ถูกต้อง แถมมือของคุณก็อาจจะบิดไปตามแรงเอี้ยวตัวเพื่อหยิบหรือใช้โทรศัพท์อีกด้วย
นอกจากเรื่องของการละสายตาจากถนนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่ของฟอร์ดยังระบุว่า การขับขี่บนถนนปกติต้องใช้พลังงานสมองมากถึง 85% เนื่องจากสภาพการณ์ต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในชั่วระยะเวลาอันสั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำอย่างอื่นไปพร้อมกับการขับรถ
อย่าลืมว่าถนนเส้นนี้ไม่ได้มีรถของคุณอยู่คันเดียว องค์กรบริหารความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐอเมริกา (NHTSA) ระบุว่า การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ขาดสมาธิในการขับรถ และส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 23 เท่า
รู้ไหมว่า 27 วินาที = เวลาที่ใช้เรียกสมาธิจากโทรศัพท์กลับมาที่การขับรถอีกครั้ง
แต่ถึงจะบอกว่าใช้โทรศัพท์เฉพาะตอนรถติดไฟแดง หรือมีอุปกรณ์ Hand Free ที่ช่วยเราให้ไม่ต้องใช้มือถือโทรศัพท์ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปลอดภัย 100%
เพราะทุกครั้งที่ต้องเบนความสนใจจากการขับรถ ไปใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ คุณจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 27 วินาที ในการเรียกสมาธิกลับมาจดจ่อที่การขับขี่อีกครั้ง
งานวิจัยของ Sarah Simmons จาก University of Calgary ระบุว่า หากคุณเสียสมาธิระหว่างขับรถ จะเกิดความเสี่ยงจากการที่ความสามารถในการขับขี่เหล่านี้ลดลง
– ความสามารถในการตอบสนองสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นตรงหน้า รวมถึงการหักรถเพื่อหลบเลี่ยงการชนกับผู้ขับขี่ยานพาหนะต่างๆ รวมถึงคนเดินเท้าด้วย
– ความสามารถในการแปลความสัญญาณต่างๆ บนท้องถนน
– ความสามารถในการประคองรถให้อยู่ในเลนที่ปลอดภัย
– ความสามารถในการขับขี่ในความเร็วที่อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยและรักษาระยะห่างจากยานพาหนะคันอื่น
– ความสามารถในการเลี่ยงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุรถชน
ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้ จริงๆ แล้วเราควบคุมได้ เพียงแค่ไม่แชทหรือโทรขณะขับรถ แต่ดูจากสถิติของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุแล้ว พบว่าปี 2561 ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุรุนแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน (ช่วงวันสงกรานต์) สูงถึง 3,724 ครั้ง และส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดหรือประมาทของผู้ขับขี่
ประมาท x 2 = เหยียบมิดให้พ้นไฟแดง + ก้มมองมือถือ
ความประมาทแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่บริเวณแยกไฟแดง เพราะนอกจากการพยายามเหยียบให้มิด เพื่อให้พ้นแยกโดยเร็วที่สุดแล้ว หลายคนยังคูณความเสี่ยงอันตรายเข้าไปด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือด้วย
อย่างกรณีชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ตัดสินใจกดรับวิดีโอคอลจากแฟนที่อยู่ไกลกันในระหว่างขับรถผ่านแยก เขายังคงเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วแบบที่หวังจะพุ่งผ่านไฟแดงนี้ไปให้ไ้ด้ โดยไม่ทันมองสัญญาณไฟที่เปลี่ยนไป รถของเขาก็พุ่งชนกับรถที่วิ่งมาจากอีกฝั่ง
ตำรวจจราจร สน.บางซื่อ ที่ควบคุมสัญญาณไฟวันนั้นเล่าว่า “รถยับสิครับ ไฟแดงแล้วแต่ไม่เงยหน้ามอง รถอีกฝั่งมันก็วิ่งมาเบาๆ แต่ผู้ชายที่ขับมาจากฝั่งที่ไฟแดงแล้วเนี่ยเละ เพราะวิ่งมาเร็ว ลองคิดภาพคุณเหยียบมาเรื่อยๆ แบบตั้งใจจะผ่านไฟเขียวข้ามแยกไป แต่คุณลืมดูว่ามันไฟแดงแล้ว คือคุณไปชนเขานะ ยังไงก็ผิด แต่เห็นว่าผู้ชายคนนี้คอหัก เพราะกระแทกแรงตอนก้มหน้าอยู่ด้วย ก็คงไม่ได้ขับรถไปอีกนาน…”
ความประมาทในการขับขี่แม้เพียงไม่กี่วินาที มันไม่ได้หมายถึงชีวิตของเราคนเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ร่วมใช้ถนน และคนที่รักเราด้วย
รู้ไหมว่า 46% ของอุบัติเหตุบนถนนมาจากการใช้โทร.ขณะขับรถ
ผลสำรวจออนไลน์ของ Global Web Index โดย Ford Motor Company ที่มีคนไทยร่วมตอบแบบสอบถามนี้ด้วย 500 คน พบว่า 46% ของอุบัติเหตุบนถนนมาจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
นอกจากนั้นยังมีตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับการแชทแล้วขับ เช่น
– 73% ใช้โทรศัพท์ขณะที่การจราจรติดขัดหรือรถติดไฟแดง
– 69% บอกว่า ปัจจัยที่ทำให้วางโทรศัพท์ในเวลาขับขี่มากที่สุดคือเมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
– 52% เคยหรือเกือบจะประสบอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากการขับขี่ที่ขาดสมาธิ
– 42% ระบุว่าไม่ใช้โทรศัพท์เมื่อเดินทางกับลูกหรือเด็ก
– 38% พยายามไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถอยู่ แต่สุดท้ายก็ใช้!
– 36% บอกว่า พวกเขาเล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ ขณะขับรถ
และจริงๆ แล้วเราต่างก็รู้ถึงอันตรายของการแชทแล้วขับกันดี เพราะ 75% ของผู้ทำแบบสำรวจยังคิดว่า โทษของการขับขี่โดยประมาทควรมีความรุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่!
รู้ไหมว่า แชทแล้วขับโดนปรับ 400-1,000 บาท
เพื่อป้องกันอันตรายบนท้องถนน รวมถึงการสูญเสีย ไม่ว่าจะชีวิตหรือทรัพย์สิน จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายว่า “หากผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีอุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนาหรือสมอลทอล์ก โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์ จะมีโทษปรับไม่เกิน 400-1,000 บาท”
ประมาทเพียงนิด ชีวิตอาจดับ
ดังนั้น หากมีเหตุฉุกเฉินต้องติดต่อใครจริงๆ แวะหาพื้นที่เหมาะๆ ที่ไม่รบกวนการขับขี่ของใคร เพื่อจอดรถให้นิ่ง แล้วจึงโทรหรือตอบแชทดีกว่า