เวลาเปลี่ยน ไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนเราก็เปลี่ยนตาม และนับวันเทรนด์จะยิ่งเปลี่ยนไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาจเพราะพลังของโซเชียลมีเดียที่ทำให้คนเห็นโลกได้กว้างขึ้น เห็นชีวิตผู้คนได้หลากหลายขึ้น
ในขณะเดียวกันโลกอินเทอร์เน็ตก็ยังเป็นพื้นที่ให้คนได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นแบบไม่จำกัด เมื่อโลกเปิดกว้าง คนยุคใหม่จึงต้องการเก็บเกี่ยวข้อมูลให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจซื้อของ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่จะซื้อนั้นตอบโจทย์และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา ต่อให้เป็นอาหาร ของใช้ประจำวัน หรือสินค้าสำคัญที่บ่งบอกตัวตนได้ดีอย่างรถยนต์ ก็ต้องผ่านขั้นตอนนี้ทั้งนั้น
ทีนี้เมื่อเราลองไปดูผลสรุปการค้นหาข้อมูลโดยผู้ใช้รถแล้ว เราจะพบว่าปัจจัยที่คนให้ความสำคัญเมื่อจะซื้อรถยนต์ก็คือ ‘รูปลักษณ์ภายนอกที่เหมาะสมกับการใช้งาน’ ‘รถยนต์พลังงานสะอาด’ และ ‘สมรรถนะของเครื่องยนต์ด้านการประหยัดน้ำมัน’ เป็นต้น
ซึ่งเมื่อนึกดูดีๆ แล้วคีย์เวิร์ดเหล่านี้ก็สะท้อนถึงตัวตนของผู้ใช้รถยุคใหม่ได้มากพอควร ถ้าอย่างนั้นเราลองดูกันหน่อยดีกว่าว่า เทรนด์ร่วมกันของคนยุคนี้มีอะไรบ้าง แล้วรถยนต์แบบไหนที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
เลือกที่จะเป็นตัวเอง
เมื่อเราเห็นโลกกว้างขึ้น ก็ยิ่งเห็นวัฒนธรรม เทรนด์ หรือแม้แต่ไลฟ์สไตล์ในรูปแบบที่หลากหลาย ทุกคนจึงกล้าที่จะปล่อยความเป็นตัวเองให้มากที่สุด ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบ และพร้อมที่จะหาสิ่งของเพื่อขับเน้นตัวตนให้เด่นชัด หากจะบอกว่าอัตลักษณ์ที่แตกต่างคือเรื่องสำคัญสำหรับคนยุคนี้ก็คงได้
และถ้าจะพูดถึงรถยนต์ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งภายในและภายนอก เหมาะกับคนที่โดดเด่นทั้งตัวตนภายในและรูปลักษณ์ สำหรับปีนี้ก็คงเป็น THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ซึ่งปรับโฉมใหม่จากรถ MINI Electric ที่เปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อปี 2020
ความสะดุดตาแรกคือกระจังหน้าดีไซน์เฉพาะสำหรับ MINI Electric ที่เป็นแบบปิด เพราะไม่จำเป็นต้องมีช่องระบายอากาศเพื่อลดอุณหภูมิเหมือนรถยนต์ทั่วไป โดยในรุ่นนี้มีการปรับให้ขนาดใหญ่ขึ้น ถัดมาก็เป็นโลโก้ Cooper S สีเหลืองซึ่งใช้วัสดุชนิดเดียวกับตัวรถเพื่อให้กลมกลืนไปกับดีไซน์ แถมยังยกระดับความหรูหราด้วยออปชั่นสีดำ Black Metallic ที่ถือเป็นไฮไลต์ในรุ่นนี้เลย
เมื่อเข้ามาดูดีไซน์ภายในตัวรถ ก็จะพบว่าพื้นที่ใช้สอยยังกว้างขวาง เพราะแม้จะต้องแบ่งพื้นที่สำหรับวางแบตเตอรี่ แต่ด้วยการดีไซน์ที่คำนึงถึงความสบายของผู้ใช้รถจึงทำให้พื้นที่ห้องโดยสารยังเท่าเดิม ความจุที่เก็บสัมภาระก็ไม่ต่างจาก MINI 3 Door-Hatch ซึ่งเป็น MINI หนึ่งในสี่รุ่นที่ปรับดีไซน์ใหม่พร้อมๆ กับ MINI Convertible และ MINI JCW
รักษ์โลก ยึดมั่นในความยั่งยืน
ถึงนาทีนี้คงไม่มีใครกล้ามองข้ามปัญหาโลกร้อนอีก จากกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวเมื่อหลายสิบปีก่อน เขยิบขึ้นมาเป็นเทรนด์ และกลายเป็นอุดมการณ์สำหรับหลายๆ คน เราจึงเห็นแบรนด์สินค้ามากมายที่ปรับตัว ทั้งในแง่การเลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้อย่างยั่งยืน
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จึงเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับคนที่ใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมั่นใจได้อีกว่าเราลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เช่นเดียวกับที่ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ตั้งใจพัฒนาเพื่ออนาคตที่ดีของโลก
แน่นอนว่าถึงจะเป็นรถยนต์ที่รักษ์โลก แต่ MINI ก็ยังรักษาสมรรถนะการขับขี่ที่ดีไว้เหมือนเดิม ทั้งแรงม้าและอัตราเร่งยังพุ่งทะยานเหมือนเดิม โดย อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 7.3 วินาที เทียบชั้นได้กับรถสปอร์ต ทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กม./ชม. และมีระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 217 กิโลเมตร ด้วยพลังของแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยใช้เซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้ท้องรถ
มั่นใจได้เลยว่าการขับขี่ของคุณจะยังสนุก เร้าใจ และรักษ์โลกไปในตัว
ชอบความสะดวกสบายแบบ Multifuction
เมื่อโลกพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัด สิ่งอำนวยความสะดวกถูกคิดค้นขึ้นมารองรับแทบจะทุกกิจกรรมของมนุษย์ ดังนั้นการยกระดับความสะดวกสบายให้มากขึ้นคือสิ่งที่ผู้คนมองหา และใฝ่ฝันจะครอบครอง และเมื่อรวมกับเทรนด์รักษ์โลก การสรรหาเลือกใช้สิ่งของที่มีอายุการใช้งานคงทน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็คงเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับใครหลายคน
ส่วนเรื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่อาจเป็นคำถามในใจก็ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง เพราะ MINI Electric ทุกคันจะได้รับ Cable Charge ซึ่งสามารถชาร์จกับปลั๊กไฟบ้านได้เลย ชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนราว 12 ชั่วโมงก็พร้อมโลดแล่น หรือถ้าบ้านมีพื้นที่จอดรถและสะดวกติดตั้ง Wall Charge ก็ยิ่งหมดห่วงเลย เพราะจะร่นเวลาชาร์จเหลือแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น
แล้วถ้าอยากชาร์จระหว่างทางล่ะ? ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะปัจจุบันนี้แท่น DC Charger ที่ใช้เวลาชาร์จจนเต็มราว 36 นาทีก็มีให้บริการอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งในห้างสรรพสินค้า โรงแรม รวมถึงคอนโดหลายๆ แห่ง
ถึงตรงนี้คุณสามารถสนุกไปกับการขับขี่ซอกแซกไปตามซอย ด้วยความคล่องตัวตามแบบฉบับ MINI Electric ที่นอกจากตัวรถจะกะทะรัดแล้ว ยังได้รับการออกแบบให้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา เมื่อบวกกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ คุณจึงสามารถควบคุมรถได้อย่างใจคิด เหมาะสมกับการใช้ในเมืองเป็นที่สุด
ถึงตรงนี้ก็คงเห็นแล้วว่า THE NEW ALL-ELECTRIC MINI คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เป็นคำตอบของคนยุคใหม่ เพราะสามารถตอบโจทย์ และกลมกลืนไปกับไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งรายละเอียดที่เล่าไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ MINI ตั้งใจมอบให้ หากเล่าให้ฟังอีกสักเล็กน้อยเผื่อคุณจะตื่นเต้นมากขึ้นก็คือ ระบบนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Brake) โดยรถจะชะลอความเร็วทันทีที่เรายกเท้าออกจากคันเร่ง หากขับขี่ในความเร็วต่ำ ก็แทบไม่ต้องแตะเบรกเลย
ส่วนความจุแบตเตอรี่ของ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ก็ยังสูงถึง 32.6 kWh แถมรับประกันนานถึง 8 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ส่วนตัวรถและการบำรุงสภาพจาก MINI ก็มี MSI (MINI Service Inclusive) หรือ โปรแกรมฟรีค่าบำรุงรักษา พร้อมดูแลยาวๆ ถึง 4 ปี/ไม่จำกัดระยะทาง และยังสามารถอัปเกรดเป็น 6 ปี/ไม่จำกัดระยะทาง ได้ด้วย
และเมื่อลองจินตนาการว่าได้ขับ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI สีดำ Black Metallic ที่เป็นไฮไลต์ในรุ่นนี้ ก็เหมือนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เล่ามาข้างต้นได้ครบทุกข้อ ทั้งการรักษ์โลกด้วยพลังงานสะอาด สมรรถนะและการบริการที่ดีขับขี่ได้สะดวกสบาย และยังมีดีไซน์ที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบัน THE NEW ALL-ELECTRIC MINI พร้อมเป็นคำตอบสุดท้ายของคุณ ด้วยข้อเสนอดีๆ 3 ออปชั่น ดาวน์ 0%*/เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 9,900 บาท* หรือเลือกรับฟรี! Wall Charge พร้อมประกันภัยชั้น 1 นานสูงสุด 1 ปี*
ทั้งหมดนี้คุณมีสิทธิเลือก เพื่อไลฟ์สไตล์ เพื่อตัวตน เพื่อรถยนต์ที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ
ทำความรู้จักกับ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ได้ที่ https://bit.ly/2T0MnpS
*ข้อเสนอดังกล่าวสามารถเลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด