เทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้เราสามารถสร้างสรรค์งานเพลงที่บ้านได้เอง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนโปรดักชันต่างๆ รวมถึงการเผยแพร่เพลงในช่องทางออนไลน์แบบครบจบด้วยตัวเองอย่างที่เรียกว่า Home Studio
ทำให้เวทีประกวดดนตรีที่เคยจัดขึ้นหลายรายการต่อปี ค่อยๆ ลดน้อยลงไปตามกาลเวลา แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘เวทีประกวดดนตรี’ ยังมีความสำคัญ
เพราะการก้าวสู่การเป็นศิลปินต้องฟังให้มาก เล่นให้เยอะ ฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้สม่ำเสมอ หรือก็คือการได้ออกมาลงสนามจริงบนพื้นที่การประกวดนั่นเอง คิง เพาเวอร์ จึงจับมือกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดเวทีประกวดดนตรีสุดยิ่งใหญ่อย่าง ‘THE POWER BAND’ เวทีประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยม ผสมเครื่องเป่า ประจำปี 2564 ในยุค New Normal ผ่านรูปแบบการ Live Streaming
สามารถรับชมและร่วมเชียร์ว่าที่สุดยอดคนดนตรีคนต่อไป ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ THE POWER BAND พร้อมกันวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 นี้ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป
พร้อมมินิคอนเสิร์ตสุดพิเศษ จาก อิ้งค์-วรันธร เปานิล และ Season Five ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ King Power Thai Power พลังคนไทย
เวทีนี้ได้เหล่ามิวสิคกูรูชั้นแนวหน้าของไทยทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมาร่วมเป็นกรรมการตัดสิน
ไม่ว่าจะเป็น นิค-วิเชียร ฤกษ์ไพศาล นักปั้นศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย ผู้ก่อตั้งค่ายเพลง Genie Records, พล-คชภัค ผลธนโชติ โปรดิวเซอร์มือทองผู้บริหารค่ายเพลง Boxx Music, เช่-อัคราวิชญ์ พิริโยดม หัวหน้าสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม มหาวิทยาลัยมหิดล และสมาชิกวง The Richman Toy, โอ-ทฤษฎี ศรีม่วง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และมิวสิกไดเรกเตอร์ วง Jetset’er รวมถึงโปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงมือทอง ฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าศิลปินชื่อดังในไทยหลายคนล้วนผ่านเวทีประกวดมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น BodySlam, Labanoon, Clash หรือ KALA เพราะการจะสร้างสรรค์ผลงานดนตรีต้องอาศัยการเรียนรู้จากต้นแบบ การหมั่นฝึกฝนที่อาจจะต้องใช้เวลานานเป็นหลักสิบปี และที่สำคัญก็คือการลงสนามจริง เช่นเวทีประกวดแข่งขัน ซึ่งเป็นพื้นที่แสดงความสามารถของเด็กไทยที่รักในดนตรี
เช่นเดียวกับที่ นิค-วิเชียร ฤกษ์ไพศาล กล่าวว่า THE POWER BAND ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ในแวดวงคนดนตรี ที่จะสร้างพลัง สานความฝัน และปลุกความคึกคักในวงการดนตรีอีกครั้งด้วยการประกวดที่มีการส่งเสริมอย่างจริงจัง เน้นวงดนตรีที่มีการสร้างสรรค์ และความสามารถเชิงทฤษฎีที่ถูกต้อง
ในฐานะตัวแทนผู้ร่วมจัดเวทีการแข่งขัน THE POWER BAND ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนักประพันธ์ระดับโลกเจ้าของรางวัล The Charles Ives Awards สาขาการประพันธ์เพลง ได้เปิดเผยว่า ความพิเศษของการแข่งขันครั้งนี้คือโจทย์หินอย่างการให้ผู้เข้าแข่งขันได้ท้าทายความสามารถด้วยแต่งเพลงเอง รวมถึงเสน่ห์และความยากในการแข่งขันที่ต้องเล่นเครื่องเป่าผสมผสานกับวงดนตรีสมัยนิยม
“เครื่องเป่าเกิดมาจากวงโยธวาทิต เน้นการอ่านโน้ตเป็นหลัก แต่วงดนตรีใช้หูแกะเพลง ซึ่งต้องใช้สกิลที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องอาศัยการวางตัวโน้ต การเรียบเรียง และความพร้อมเพรียงในการเล่นร่วมกัน ทั้งนี้จุดมุ่งหมายสำคัญของเวทีนี้ คือเน้นการสร้างสังคม รูปแบบการสร้าง Collaboration ระหว่างเด็กวงโยธวาทิต กับเด็กดนตรีสากล และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้เกิดการทำงานและเล่นดนตรีร่วมกัน มากกว่าเป็นเพียงแค่การจัดงานอีเวนต์”
อีกหนึ่งจุดแข็งของเวทีประกวดครั้งนี้คือการที่ผู้จัดงานมีเป้าหมายชัดเจน ทั้ง กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่สนับสนุนแวดวงดนตรีไทยอย่างต่อเนื่อง ผนวกกำลังกับมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยแนวหน้าที่ผลิตคนดนตรีคุณภาพออกสู่อุตสาหกรรมเพลงไทยตลอดมา เกิดเป็นเวทีการแข็งขันที่พร้อมช่วยผลักดันและสร้างประสบการณ์ชั้นดีให้เหล่าว่าที่ศิลปินในอนาคต
หนึ่งในคณะกรรมการอย่าง พล-คชภัค ผลธนโชติ ยังฝากข้อคิดดีๆ ถึงเหล่านักล่าฝันทั้งหลายที่มาแข่งขันในเวทีนี้ว่า “เวทีประกวดให้สิ่งดีๆ กลับไปเสมอ ไม่ว่าจะแพ้ หรือชนะ อย่างน้อยก็ได้ชนะตัวเอง เพราะเล่นตามโจทย์ที่ได้ฝึกซ้อมมา ทั้งนี้ ที่สุดของการเป็นศิลปิน ไม่อยากให้มองแค่ความสวยหรู ว่าจะเป็นศิลปินที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเดียว แต่ดนตรีอยู่ในทุกบทบาทที่สามารถทำได้หลายอาชีพ รวมไปถึงการทำงานเบื้องหลัง”
ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการทำเพลงที่เรียกว่า Home Studio ทำให้นักดนตรีสามารถสร้างสรรค์และเผยแพร่เพลงผ่านโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย ในแง่ของการฝึกฝน ไม่ว่าจะเทรนด์เพลงระดับโลก ไอเดีย หรือเทคนิคใหม่ๆ ก็สามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็วผ่านอินเทอร์เน็ต เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ และแน่นอนว่าหลังจากซุ่มฝึกฝนจากที่บ้าน ก็ถึงคราวลงสนามจริงด้วยเวทีการแข่งขันที่จะช่วยลับคมให้คนดนตรีอย่าง THE POWER BAND
“การประกวด THE POWER BAND เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุน เพื่อเป็นบันไดให้เยาวชนและประชาชนคนไทยพร้อมสำหรับการก้าวสู่ระดับนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ” เช่-อัคราวิชญ์ พิริโยดม กล่าวทิ้งท้าย