ใครว่า ‘การเรียนรู้’ เป็นเรื่องของวัยเรียน จริงๆ แล้ว การเรียนรู้นั้นเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต
ยิ่งในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว องค์ความรู้ที่ไหลลื่นอยู่ตลอดเวลา เราเข้าใกล้ความรู้ได้เพียงปลายนิ้ว เพราะแค่เข้าอินเทอร์เน็ต ท่องโลกออนไลน์ หรือเข้าไปในแพลตฟอร์มต่างๆ เราก็สามารถรับรู้และส่งต่อข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกได้แล้ว
เหตุผลนี้เองจึงทำให้เส้นขีดจำกัดของมนุษย์กว้างขึ้น เราสามารถเรียนรู้ทักษะที่หลากหลาย ได้ง่ายขึ้น ผ่านเรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตของผู้อื่น เหมือนที่ #TikTokUni แฮชแท็กกำลังทำอยู่ ล่าสุด TikTokUni ก็มียอดรับชมวิดีโอมากกว่าแสนล้านวิวแล้ว
The MATTER จึงมาคุยกับ กานจิ – สิริประภา วีระไชยสิงห์ Campaign and Content Operation Lead, TikTok และอีกสองครีเอเตอร์ทั้ง เติร์ก – อมรศักดิ์ เดชห้วยไผ @turk_tk ครีเอเตอร์คอนเทนต์ภาษาอังกฤษที่มีผู้ติดตามถึง 1.8 ล้านคน และ แพร – นวรัตน์ ภู่ทอง @pupurae ครีเอเตอร์เกี่ยวกับเรื่องราวความรู้รอบตัว ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1.3 ล้านคนมาพูดถึงทุกแง่มุมเกี่ยวกับการเรียนรู้ในแคมเปญ #TikTokUni เราจะเรียนรู้ในโลกออนไลน์ได้อย่างไรให้มีสาระและสนุกมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญในวันที่โลกออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกคน TikTok จะเป็นฟันเฟืองในวงการศึกษาและคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร?
จงปลดปล่อยความรู้ออกไปอย่างไร้ขอบเขต
TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้จะเข้าไปหาความรู้ได้อย่างไร
TikTok เป็นช้อยส์หนึ่งในใจ เป็น Top of Mind ที่ทุกคนว่างเมื่อไรก็หยิบขึ้นมาดูอยู่แล้ว ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว TikTok บูมมากไม่ว่าจะในไทยหรือทั่วโลก ความตั้งใจคือเมื่อเราอยู่ในช่วงโควิด เราจะมองหาสิ่งที่เป็น Entertainment แล้วทำอย่างไรที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาตัวเองได้ด้วย นี่คือจุดเริ่มต้นที่เราเชื่อว่าแพลตฟอร์ม TikTok น่าจะเป็นพื้นที่หนึ่งที่ทุกคนเข้ามาใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดและเป็นพื้นที่ที่สนับสนุนให้มีการแบ่งปันข้อมูลหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ เข้าถึงง่าย รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ใช้ได้โชว์สกิลด้านต่างๆ อย่างสร้างสรรค์
สำหรับประเทศไทย เราขับเคลื่อนแคมเปญดังกล่าว ด้วยพลังคอมมูนิตี้ของเราภายใต้ชื่อว่า #TikTokUni คำว่า Uni คือ University ที่ใครอยากเรียนรู้อะไรก็เข้ามาได้ โดยที่คอนเซปต์คือเรียนรู้คู่ความสนุก เราไม่จำเป็นต้องคิดว่ากำลังเรียนอยู่ หลายคนมักจะบอกว่าเข้า TikTok เพื่อที่จะเสพความบันเทิง แต่กลายเป็นว่ากลับออกไปพร้อมกับความรู้หรือทักษะบางอย่างโดยที่ไม่ได้คาดหวัง
#TikTokUni จึงเสมือนเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้ทุกคนสามารถเป็นครูได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามสามารถที่จะแบ่งปันประสบการณ์ความรู้ที่ตัวเองเชี่ยวชาญ แพลตฟอร์มเรามีทั้งคุณหมอ ทนายความ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขาที่มาแบ่งปันและบอกต่อเรื่องราวสิ่งดีๆ หรือความรู้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ ให้กับคนอื่นๆ
TikTok ใช้จุดแข็งของแพลตฟอร์มกับแคมเปญ #TikTokUni อย่างไรบ้าง
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือTikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องเป็น Friend กับคนที่กำลังติดตามอยู่ หรือว่ามี Follower เยอะๆ คอนเทนต์ต่างๆ จะถูกค้นพบได้อย่างง่าย เราจึงเป็นแพลตฟอร์ม ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย
ในขณะเดียวกันแพลตฟอร์ม TikTok เรามี Tools หรือว่า Features ต่างๆ ที่ซัพพอร์ตทุกคนให้สร้างสรรค์วิดีโอสั้นของตัวเองให้น่าสนใจ ซึ่งมันตอกย้ำให้เห็นว่าทุกคนก็สามารถที่จะเป็น Creator ได้เช่นกัน เขาสามารถมาร่วมแชร์ความรู้ได้ และนี่คือจุดแข็งที่ทำให้ทุกคนติดหนึบกับแพลตฟอร์มของเรา และทำให้ผู้ใช้ค้นเจอคอนเทนต์ที่ไม่ได้คาดคิดว่าเป็นการเรียนรู้ เพราะเราจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน
ยกตัวอย่างคอนเทนต์ในแคมเปญ #TikTokUni
อย่างที่กล่าวไปว่าคอนเซปต์ของแคมเปญนี้คือเรียนรู้คู่ความสนุก เพราะฉะนั้นทุกๆ เนื้อหาจะมีความเป็น Education + Entertainment ซึ่งเราเรียกว่า Edutainment
สิ่งหนึ่งที่เราจะเจอแน่นอน คือ #เก่งภาษากับTikTok ซึ่งเป็นแฮชแท็กหนึ่งที่ทุกคนเข้ามาเรียนภาษาด้วยกัน คอนเทนต์ในนั้นไม่ใช้การเรียนรู้แบบท่องตำรา แต่คือการเรียนภาษาที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยที่ไม่มีข้อจำกัด คุณไม่จำเป็นต้องไปเริ่มเรียนรู้ทีละสเต็ป แต่คอนเทนต์สอนภาษาเหล่านั้นจะดึงเอาประสบการณ์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ผ่านทริคต่างๆ หรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่สอดแทรกอยู่กับเทรนด์กระแส หรือ Pop-Culture
รวมถึงเรายังมีกลุ่มคอนเทนต์เชิงความรู้รอบตัว คือ #รู้หรือไม่ เสมือนเป็น Fun Fact ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน นำมาเล่าในวิธีสร้างสรรค์ เล่าง่ายๆ เหมือนเรานั่งฟังเพื่อนเล่า นอกเหนือไปกว่านั้นภายใต้แคมเปญ #TikTokUni ยังมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจในหลายๆ แง่มุม ยกตัวอย่าง คอนเทนต์ที่มาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาต่างๆ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเช่น คุณหมอที่มาแชร์เรื่องการดูแลตัวเอง ทนายความที่มาแชร์ข้อมูลกฎหมาย รวมถึงนักบัญชีที่มาแชร์สูตรลัด Excel หรือการยื่นภาษี หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี มาแชร์การเขียนโค้ด การประมวลผลข้อมูลแบบง่ายๆ ฯลฯ ซึ่งความรู้เหล่านี้ถูกแทรกไปกับคอนเทนต์ที่สนุกสนาน ผู้ใช้จึงไม่ทันคิดว่าเรากำลังเรียนรู้อยู่ แบบไม่รู้ตัว
#TikTokUni จะไปช่วยเสริมการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ได้ยังไงบ้าง
เราเชื่อเหลือเกินว่า #TikTokUni จะปลดล็อกมุมมองการเรียนรู้ในโลกออนไลน์ หรือ Online Learning ของประเทศไทย คงไม่มีอีกแล้วเป็นข้อจำกัดว่าความรู้ต้องอยู่ในห้องเรียนหรืออยู่ในหนังสือ เราเชื่อว่าครีเอเตอร์ทุกท่านหรือแม้กระทั่งผู้ใช้ที่เข้ามาอยู่ใน TikTok เป็นส่วนหนึ่งที่จะยกระดับการเรียนรู้ของคนไทย มุมมองการเรียนรู้จะกว้างมากขึ้น อยู่รอบตัวมากขึ้น ฉะนั้นในมุมของ TikTok เอง เราจึงพยายามจะเป็น Entertainment Platform ที่จะส่งต่อเนื้อหาไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่สำคัญเราอยากยกระดับมุมของคนที่เป็นครู-อาจารย์ที่อยู่ในโรงเรียน เราเชื่อว่าแพลตฟอร์ม TikTok ที่เต็มไปด้วย Tools และ Features ต่างๆ ไม่ว่าจะในมิติของการถ่ายทำหรือว่าวิธีการที่สร้าง Interactive สิ่งนี้จะช่วยให้ครูนำไปส่งต่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และสนุกเพลิดเพลินอย่างแน่นอน ไม่ว่าครูจะนำไปเปิดนอกเวลาให้นักเรียน หรือแนะนำให้นักเรียนเข้ามาเสพคอนเทนต์ในโลกของ TikTok ก็ทำได้เช่นกัน
อย่างที่กล่าวไปว่า TikTok ต้องการส่งเสริมการศึกษาไทยให้ไปได้ไกล ที่ทุกคนสามารถสร้างอิมแพ็คให้วงการศึกษานอกจากลุยเรื่องออนไลน์ เรายังไปจับมือพาร์ทเนอร์ที่สำคัญต่างๆ เช่น ท้องฟ้าจำลอง มิวเซียมสยาม และ TK Park เพื่อนำร่องในการสร้างการเรียนรู้ โดยร่วมกับ Top Creator หลายท่าน ในการสร้างคอนเทนต์เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้รูปแบบใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในโอกาสการเฉลิมฉลองความสำเร็จ TikTokUni ในปีนี้ โดยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ไปอยู่ในมิวเซียมหรือแหล่งเรียนรู้ในไทย ทั้งหมดทั้งมวลที่เราพยายามทำก็เพื่อมุ่งเน้นไปที่วงการการศึกษาไทย เราอยากทำให้ทุกคนได้เจอแง่มุมใหม่ๆ ในการเรียนรู้มากขึ้นอย่างแท้จริง
TikTok จะมีการตรวจสอบคอนเทนต์อย่างไร เพื่อพัฒนาให้กลายเป็นแพลตฟอร์มทางความรู้อย่างยั่งยืน
เราให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง โดยเราพัฒนานโยบายด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ใช้งานของเราให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย ในทุกๆ 1 นาทีมีคอนเทนต์ถูกโพสต์ขึ้นเยอะมาก เราจึงมีนโยบายการตรวจสอบคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะและดูแลพื้นที่ในชุมชนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับความรู้หรือไม่ก็ตาม เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าคอนเทนต์ของเราจะให้ความสนุก บันเทิง ไปพร้อมกับสาระการเรียนรู้อย่างแน่นอน
ในอนาคตเราเชื่อว่าชุมชนแห่งการเรียนรู้ #TikTokUni จะไปได้อีกไกลชุมชนแห่งนี้จะถูกห้อมล้อมไปด้วยความรู้และความสนุก
เช่นเดียวกันเราจะมี Features ใหม่ๆ ที่พร้อมจะซัพพอร์ตครีเอเตอร์รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ให้กระโดดเข้ามาลงสนามกับเรา นี่คือจุดหนึ่งที่จะทำให้ Ecosystem ของการเรียนรู้ในประเทศไทยแข็งแรงมากขึ้น ช่วยต่อยอดวงการการศึกษาไทย ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย เพื่อให้ทุกคนได้เจอแง่มุมที่เข้ากับจริตเด็กรุ่นใหม่มากขึ้น
ถ้ามองว่าแคมเปญ #TikTokUni คืออาหาร คิดว่าเป็นเมนูอะไร เพราะอะไร
เราเป็นเหมือน Street Food หรืออาหารจานเดียวในร้านอาหารตามสั่ง ที่มีให้เลือกสรรมากมาย ได้สารอาหารครบถ้วน มีหลายระดับราคา เสิร์ฟอย่างรวดเร็วและสามารถหยิบแล้วก็ทานได้เลย
หัวใจของครีเอเตอร์ ต้องเสริฟ์ความรู้คู่ความสนุก!
เติร์ก: เราเคยเป็นผู้รับสารหรือ Audience มาก่อน เป็นอีกคนที่ใช้เวลาใน TikTok นานมาก จึงพบว่าในตอนนั้นนอกจากคอนเทนต์บันเทิงยังไม่มีคนทำคอนเทนต์ในด้านความรู้มากเท่าไร ซึ่งตามปกติเราเป็นคนที่ชอบใช้คำภาษาอังกฤษแบบสนุกๆ อยู่แล้ว เราก็เลยเลือกทำคอนเทนต์สอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ จำได้ว่าตอนนั้นสอนคำแสลงภายใน 15 วินาที แล้วก็โพสต์ไปแบบง่ายๆ พอวันรุ่งขึ้นพบว่าคนมาสนใจเยอะมาก ก็เลยสนุกและภูมิใจจึงทำต่อมาเรื่อยๆ
แพร: จุดเริ่มต้นของแพร เริ่มจากที่เราเป็นคนที่มีความเนิร์ด เราชอบอ่านบทความ ข่าว หรือคดีแปลกๆ เราเคยสร้างคอนเทนต์ผ่านการเขียนในแพลตฟอร์มอื่นมาก่อน พอถึงช่วงโควิด-19 ทุกคนหันมาเล่น TikTok ฮิตมาก ซึ่งแพรก็เข้ามาเล่นเหมือนกับคนอื่นด้วย วันหนึ่งเรานึกสนุกลองเอาเกร็ดความรู้รอบตัวมาเล่า ปรากฏว่ายอดวิวไปถึงหลักแสน และทำให้เราสนุกและเติบโตไปกับ TikTok
เปรียบเทียบการทำคอนเทนต์ในเรื่องเดียวกัน ระหว่างแพลตฟอร์มอื่นกับ TikTok สิ่งไหนยากง่ายกว่ากัน
แพร: ที่ TikTok เราสามารถแสดงออกทางสีหน้าหรือพูดคุยผู้ชมได้ แพรรู้สึกว่าจุดนี้มันสามารถสร้าง Engage กับผู้ชมได้มากกว่า และไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติมาสนใจคอนเทนต์ของเราได้ง่ายมาก แพรรู้สึกว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการข้อมูลย่อยง่าย เสพได้เร็วทันใจ และนี่คือความแตกต่าง
อะไรเป็นสิ่งที่จุดประกายให้คุณเข้ามาสร้างคอนเทนต์ในเชิงการเรียนรู้
แพร: เราสนใจเรื่องราวของความรู้รอบตัวอยู่แล้ว เราแค่อยากจะแชร์สิ่งนี้ไปให้กับคนอื่นๆ ตอนแรกไม่ได้นึกถึงว่าจะต้องเป็นคอนเทนต์เชิงการศึกษา แต่ด้วยความเนิร์ดของเรา ผสมกับตัวตนเราที่เป็นคนสนุกสนาน คอนเทนต์ที่ทำจึงกลายเป็นส่วนที่สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้กับโลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ใช่เป็นเรื่องของ Entertainment อย่างเดียว
เติร์ก: TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มีความบันเทิง มีความ Creativity ซึ่งถูกจริตเรามากๆ เราจึงเอาคาแรกเตอร์ตัวเองผสมกับเนื้อหาความรู้ เราไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นครูที่มาสอนหนังสือ แต่เราเน้นแชร์หรือบอกต่อความรู้ด้านภาษาที่เรามีให้เพื่อนฟัง ซึ่งด้วยความเป็น TikTok เรานึกอยากจะถ่ายทอดคอนเทนต์ออกมาในรูปแบบของ Role Play บ้าง ตลกบ้าง แซ่บซ่าบ้าง เราก็ครีเอทได้ตามความคิดสร้างสรรค์ที่มีเลย
Features ใน TikTok ช่วยให้เราเล่าเรื่องหรือสร้างคอนเทนต์ที่เป็นตัวเองได้อย่างไร
เติร์ก: ทาง TikTok จะ ปล่อย Features เจ๋งๆ มาตลอด มีทั้งการ Duet ที่คนอื่นสามารถมาร่วมสนุกหรือพูดตามกับคอนเทนต์ของเราได้ หรือเทรนด์อะไรที่กำลังมา ก็จะมีอัปเดตใหม่ตลอด
ด้วยความที่เราก็อยู่ในวงการภาษาอังกฤษอยู่แล้ว การพูดตามเป็นวิธีเรียนรู้การออกเสียงอีกอย่างหนึ่ง มันโอเคมาก รวมถึง Features ที่เป็น Green Screen ซึ่งตอบโจทย์ครีเอเตอร์สุดๆ เพราะเราสามารถตัดต่อตัวเองให้ Role Play เล่าเรื่องราวสอนภาษาได้ง่ายขึ้น เรียกว่าเราใช้ Features ใน TikTok ค่อนข้างคุ้มในการสร้างผลงานออกมาให้เป็นทั้ง Education และ Entertainment ค่อนข้างครบถ้วน
แพร: แพรเลือกใช้เป็นเอฟเฟกต์ใน TikTok อย่างที่บอกว่าคอนเทนต์ของแพรจะเน้นการเล่าเรื่อง Features Green Screen ใช้สะดวกและก็ง่ายมากๆ ยิ่งเป็นครีเอเตอร์มือใหม่ใช้งานได้ง่ายสุดๆ กดปุ๊บได้ปั๊บสะดวกรวดเร็วมาก Features ใหม่ๆ ช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับวิดีโอของเรา ทำให้คอนเทนต์ออกมาครีเอทีฟมากขึ้นด้วย
อะไรเป็นเหตุผลที่คุณเลือกจะสร้างคอนเทนต์อยู่ใน TikTok
เติร์ก: ส่วนตัวเราให้น้ำหนักกับ Creativity หรือการใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่อง การเล่นมุกตลก ซึ่งมันตรงกับจริตเราเหมาะกับคาแรกเตอร์ตัวเองมากที่สุด เราเคยลองไปทำคลิปหรือคอนเทนต์ยาวๆ เหมือนกันแต่ไม่ถูกจริตเรา
ที่สำคัญเราคิดว่าพื้นที่ใน TikTok ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์มาก เป็นข้อแตกต่างที่ไม่เคยเห็นในแพลตฟอร์มอื่น
แพร: TikTok แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ถ้าพูดถึงการเล่าเรื่องหรือคอนเทนต์เชิงการศึกษา มันดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อ มันท้าทายมากที่จะทำให้คนหยุดฟังข้อมูลยาวหลายนาที แต่พอมาเป็น TikTok ด้วยความที่วิดีโอไม่ยาวและมีความสนุกสนานสอดแทรกลงไป ทำให้คอนเทนต์เข้าถึงคนหมู่มากได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ใหญ่ ก็สามารถเข้าใจเรื่องที่เราเล่าได้ง่ายขึ้น
เวลาทำคอนเทนต์แล้วมีคนมาคอมเมนต์ขอบคุณเรารู้สึกยังไงกันบ้าง
เติร์ก: เราดีใจมาก เคยมีพี่คนหนึ่งเขาตั้งใจมาคอมเมนต์ว่า ‘ขอบคุณมากเลยค่ะ วันนี้เพิ่งจะได้รับข่าวดีจากการสัมภาษณ์งานที่เมืองนอก เพราะดูวิดีโอน้องเติร์กที่สอนสัมภาษณ์งาน’ เราแบบ เฮ้ย.. มันตอกย้ำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้ววิดีโอมันไม่จำเป็นต้องไวรัลก็สร้างประโยชน์ให้ใครสักคนได้เหมือนกัน และยิ่งรู้สึกดีที่เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาได้งานในฝัน ขอบคุณมากจริงๆ
แพร: สำหรับแพร เมื่อไรก็ตามที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นหรือดีเบตกันในวิดีโอ เราจะประทับใจมากๆ เหมือนเราเปิดพื้นที่ให้คนได้มาถกเถียงกัน หรือให้เขาได้ต่อยอดไปหาข้อมูลมาคุยกัน มันเป็นอีกหนึ่งแรงที่เราอยากสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ ได้มีการแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาอย่างสร้างสรรค์อยู่แล้ว รู้สึกดีมากๆ เลย
คอนเทนต์เชิงการศึกษาจะไปเชื่อมโยงกับการเรียนแบบเด็กรุ่นใหม่ยังไงได้บ้าง
เติร์ก: เมื่อก่อนเราอยู่ในยุคที่ความรู้เข้าถึงยาก สื่อน้อย เรามีแค่หนังสือและโรงเรียนเท่านั้นที่จะสอนความรู้ได้ จนมาถึงปัจจุบันกลายเป็นว่าความรู้ถูกเปลี่ยนรูปแบบไป สั้นลง กระชับขึ้น เรียนรู้ได้ง่าย แล้วก็มีสีสันมากขึ้น
สมมติเล่าเรื่องพระอภัยมณี ซึ่งเราเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าจะมีใครสักคนหนึ่งนำมาเล่าด้วยวิธีการใหม่ที่มันตื่นเต้น ย่อยง่าย เราว่าสิ่งนี้คือมันจะสอดคล้องกับคนรุ่นใหม่
แพร: ย้อนไปตามปกติ เวลาไปโรงเรียน เวลาไปสอนพิเศษ หรือเวลาคุยกับเพื่อน การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจะไม่เหมือนกัน เวลาไปโรงเรียนคุยกับคุณครู เราก็จดตามไปเรื่อยๆ แต่สมองเราเหมือนไม่ได้มีการสื่อสาร 2 ทาง
แต่พอเราคุยกับเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซุบซิบ เรื่องข่าวมันจะกลายเป็นว่าเราจะจดจำได้ทุกดีเทล แพรพยายามเล่าให้เราเห็นภาพว่าการเรียนรู้ที่มีการโต้ตอบกัน สื่อสารกันสองทางสามารถสร้างความเข้าใจได้มากที่สุด
ในฐานะครีเอเตอร์ผู้สร้างการเรียนรู้ คุณเรียนรู้อะไรได้จาก TikTok บ้าง
เติร์ก: หลายเรื่องเลย เรื่องอาหาร ความรู้รอบตัว ล่าสุดเราเรียนรู้เรื่องการยื่นภาษี เจ๋งมาก
แพร: สิ่งที่เราเรียนรู้คือเราชื่นชอบการดูสรุปข่าว มันง่าย ไม่เสียเวลา อีกอย่างหนึ่งแพรอาจไม่ได้ภาษาขนาดนั้น บางทีเราก็ไปต่อยอด มันไปกระตุ้นความอยากศึกษาของเรา แพรคิดว่ามันเป็นวงจรที่เราจะมาแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างแท้จริง
อยากแนะนำคนที่จะมาเป็น Creator โดยเฉพาะคอนเทนต์เรื่องการศึกษา อย่างไรบ้าง
เติร์ก: ในฐานะที่เราไม่ใช่ครูและไม่เคยเป็นครูด้วยซ้ำ เรารู้สึกว่าคนใน TikTok ให้เกียรติเรามาก
ถ้าใครอยากจะเข้ามาเป็นครีเอเตอร์ ไม่ว่าคุณจะอินกับอะไรก็ตาม กาแฟ เทคโนโลยี เพลง หรืออะไรก็ได้ที่เป็นความสุขของคุณ มาลองดู ลองครีเอทคอนเทนต์ แบ่งปันสิ่งเหล่านั้นออกมา เพราะ TikTok ให้ความสำคัญกับคำว่า ‘แชร์ความรู้’ และ ‘Creativity’ มากๆ ที่สำคัญค่อนข้างที่จะให้โอกาสกับครีเอเตอร์ใหม่ๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอยากชวนทุกคนกระโดดมาสนุกด้วยกัน
แพร: การจะเป็นครีเอเตอร์ แพรมองว่าคุณเป็นใครก็ได้ ขอแค่มี Passion ที่อยากจะแชร์ความรู้หรือว่าประสบการณ์ของตัวเองให้กับคนอื่นผ่านคอนเทนต์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นอยากจะเชิญชวนให้มาทำคอนเทนต์บน TikTok กัน เพราะที่นี่เป็นโอกาสสำหรับครีเอเตอร์หน้าใหม่ๆ อยู่แล้ว
แคมเปญ #TikTokUni #สอนให้รู้ว่า สอนให้ทั้ง 2 คนรู้อะไรบ้าง
เติร์ก: สอนให้รู้ว่าเราก็สวยในแบบของเรา! (หัวเราะ) จริงๆ สิ่งที่เราได้รับมันกว้างมากเลยนะ เรารู้สึกว่า TikTok สอนให้รู้ว่าเราสามารถจะเรียนรู้อะไรก็ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และTikTok สอนให้รู้ว่าความสนุกอยู่คู่ความรู้ได้นะ
แพร: สำหรับแพร TikTok สอนให้รู้ว่า ‘Education has no boundaries’
หลังจากที่มีแคมเปญ TikTokUni เราก็จะเห็นว่า TikTok ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มที่มีแต่ความสนุกสนาน ความบันเทิง Entertainment อย่างเดียว แต่ว่ามีทั้งความรู้ควบคู่ไปด้วย เข้าไปติดตามได้ใน #TikTokUni ที่นี่ https://bit.ly/3Mr2AKV