ใครก็บอกว่าปีใหม่คือเวลาของสิ่งใหม่ อยากเป็นคนใหม่ แต่ทำไมชีวิตยังวนเวียนอยู่ที่เก่า?
บางคนบอกจริงๆ มันก็แค่เปลี่ยนวันเอง ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนเลยนี่! แต่ลองสำรวจรอบตัวสิว่า เพราะสิ่งแวดล้อมที่เหมือนเดิมต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างยังคงเดินทางไปในแบบเดิม
โดยเฉพาะเริ่มต้นวันทำงานหลังจากได้หยุดยาว กลับมาเจอโต๊ะทำงานเดิมๆ ของบนโต๊ะชิ้นเดิม หน้าต่างบานเดิม วิวเดิมๆ แล้วแบบนี้ใครที่ไหนจะมูฟออนไปได้ เอาล่ะ! ถึงเวลาเพิ่มภารกิจใหม่อีกอย่าง อยากรีเฟรชตัวเอง ก็ต้องเริ่มจากรีเฟรชสิ่งรอบตัวใหม่ๆ ภารกิจเริ่มแรกจากเรื่องง่ายอย่างโต๊ะทำงาน แล้วค่อยไปจบที่ตัวบอสอย่างการบอกลาออฟฟิศซินโดรมภายในปีนี้ให้ได้
ความทรงจำกับของชิ้นเก่า
จากผลการวิจัยของ Cornerstone onDemand และ Harvard Business School บอกว่า การจัดโต๊ะทำงานใหม่ หรือการนั่งทำงานข้างๆ คนที่สไตล์ทำงานเหมือนๆ กัน จะส่งผลทางบวกในการเพิ่มพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ตลอดทั้งวัน ในเมื่อเราเลือกคนนั่งข้างๆ ไม่ได้ แต่เราก็เลือกที่จะจัดของบนโต๊ะได้
เริ่มจากของที่นำไปสู่ความรู้สึกเก่าๆ ของขวัญของฝากของกระจุกกระจิกต่างๆ พอได้มา คิดไม่ออก ก็จบที่วางบนโต๊ะทำงาน เหมือนกล่องน้ำผลไม้ที่ดื่มหมดแล้วก็ลืมทิ้งทุกที ของขวัญจากรุ่นพี่ที่เคยจิ้นอยู่ในวันนั้น กลายเป็นรุ่นพี่ที่มีครอบครัวไปแล้วในวันนี้ ตอนได้มาใหม่ๆ มองดูก็ยังรู้สึกดี แต่ถ้าตอนนี้มันคือความรู้สึกแค่ข้างเดียว ก็คงต้องเลือกทางใหม่ให้กับของชิ้นนั้น ให้เหมือนกับที่เลือกทางใหม่ให้หัวใจ
เลิกกันไปแล้ว ยังเก็บรูปเธอไว้ที่โต๊ะทำงาน
เฮิร์ทที่สุดคือรูปคู่เก่าๆ เพราะงานล้นจนไม่มีเวลามาจัดการโต๊ะทำงานตัวเองทั้งที่จัดการความสัมพันธ์ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ดีแน่ถ้าละสายตาจากจอคอมฯ แล้วต้องมาเจอกับความทรงจำครั้งเก่าที่ยิ่งทำให้จิตใจหม่นเศร้าลงไปอีก ถึงเวลาจัดการโต๊ะทำงานของเราบ้าง เพื่อสิ่งแวดล้อมทางการทำงานที่ดีทั้งทางกายภาพที่ความสะอาดเรียบร้อยทำให้หัวใจสงบ และทางจิตใจที่จะได้พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต
ตัดใจทิ้งไปเลย คือบทสรุปที่ดีที่สุดสำหรับเคสนี้ ใจแข็งทิ้งของให้ได้เหมือนกับที่ต้องทิ้งความรู้สึกนั้นไป เริ่มต้นเป็นเราคนใหม่ที่สดใสในทุกเรื่อง จากจุดเล็กๆ บนโต๊ะทำงาน สร้างอารมณ์ดีๆ ทำงานได้ดีตามคาด ก็ส่งผลดีต่อชีวิตตลอดทั้งวัน เพราะที่จริงแล้ว ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตเราสัมพันธ์กันทั้งหมดโดยเฉพาะผลในทางจิตใจ ใช้ชีวิตในวันที่ดี ก็ยืดอายุสุขภาพจิตที่ดี และมีความสุขกับรสชาติความรักครั้งใหม่ที่พร้อมจะพาเราเดินทางต่อ
แฟ้มงานของหลายปีก่อน ทำให้เราไม่มูฟออนหรือเปล่า?
พอเป็นกองกระดาษกองแฟ้ม มีแต่จะทับถมของใหม่ให้กองสูงขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นโต๊ะกระดาษที่ต้องหาจุดแทรกตัวเพื่อจะเข้าไปนั่งทำงาน พอหันไปมองก็คิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ งานเก่าๆ ที่เคยทำ ไอเดียนี้เคยคิดได้แบบนี้นี่นา กลายเป็นว่าความคิดถูกจำกัดอยู่ที่วงเดิมๆ ไม่ได้ขยายขอบเขตของความคิดออกไปหาเรื่องใหม่เสียที
แม้ยุคนี้จะทำงานผ่านหน้าจอ แต่ก็มีงานบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้กระดาษอยู่ มีทริคง่ายๆ ในการจัดโต๊ะทำงานที่จะเติมความคิดสร้างสรรค์และพลังในการทำงาน ด้วยเทคนิค Left-To-Right Workflow จำกัดเฉพาะข้าวของเอกสารจัดวางบนโต๊ะเตรียมไว้ทางซ้าย เคลียร์โต๊ะฝั่งด้านขวาให้โล่ง เวลาทำงานพอต้องใช้เอกสารนั้น ให้เอาออกมาวางไว้ตรงกลาง และเมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็เอาวางไว้ทางขวา ทีนี้ก็จะรู้ว่าของทางขวาคือใช้งานเสร็จแล้วนะ จะได้เห็นด้วยว่าเหลืองานที่ต้องทำอีกเท่าไหร่ เสียเวลาตอนเช้าเพื่อจัดระเบียบสักนิด เพื่อให้การทำงานทุกวันเกิดประสิทธิภาพขึ้น
โรคเก่าถามหาทุกครั้งที่นั่งเก้าอี้ตัวเดิม
นั่นทำให้ Ergonomics หรือการยศาสตร์ กลายมาเป็นเรื่องที่ผู้คนทุกคน อย่างน้อยก็หนุ่มสาวที่ต้องทำงานติดโต๊ะนานๆ ต้องเริ่มรู้จักและให้ความสำคัญ เริ่มจากการจัดความสูงของโต๊ะทำงานและความสูงของเก้าอี้ ให้เวลานั่งแล้ว มือที่พิมพ์บนแป้นพิมพ์วางแขนได้ขนานไปกับระนาบพื้น หรือวางพอดีบนพนักเก้าอี้ รวมทั้งเท้าก็วางราบสบายๆ ไปกับพื้น
อีกเรื่องที่สำคัญของการนั่งทำงานคือเก้าอี้ทำงานที่ดี ส่วนพนักต้องรองรับกับสรีระของส่วนกระดูกสันหลังได้ตามธรรมชาติ ความลึกของเก้าอี้ปรับได้สบายเพื่อซัพพอร์ตแนวหลังและสะโพก สังเกตง่ายๆ ขณะนั่งอยู่ ลองสอดนิ้วมือเข้าไป ระยะระหว่างขอบเก้าอี้กับขาจะห่างกันประมาณสามถึงสี่นิ้วมือ รวมทั้งเก้าอี้ทำงานที่ดีต้องสามารถเอนได้ถึง 135 องศา เพื่อองศาที่ดีในการนั่งทำงาน นั่งก็ง่าย ลุกไปหยิบน้ำผลไม้มาดื่มก็ง่าย และควรมีที่พักแขนสำหรับวางระนาบมือบนแป้นพิมพ์ได้อย่างสบาย ถ้าเก้าอี้เก่าไม่ได้สเปคตามนี้ ก็เปลี่ยนดีกว่า เพื่อสุขภาพดีในระยะยาว
เรื่องอื่นอาจมูฟออนยาก แต่เรื่องสุขภาพ น้ำผลไม้ช่วยได้
เมื่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทำงานดีแล้ว ก็ถึงเวลามาจัดการร่างกายให้ดีเพื่อสร้างชีวิตที่ดีสมบูรณ์แบบ 100% กลับมาสำรวจตัวเองสิว่าเรื่องไหนบ้างที่ยังอ่อนแอ ฝุ่นเล็กน้อยก็น้ำตาไหลเพราะภูมิแพ้เพื่อนรัก ดื่มน้ำส้มที่มีฟลาโวนอยด์ สารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน หยุดปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระ พร้อมกับเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย หัวใจ และหลอดเลือด แต่ถ้าหัวใจยังหวั่นไหวทุกครั้งที่เหมือนจะเห็นภาพเก่าๆ บนโต๊ะ ลองดื่มน้ำทับทิมและน้ำองุ่นแดง ที่มาพร้อมกับสารแอนโทไซยานิน สารต้านอนุมูลอิสระสีม่วงแดง ที่ช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน รวมทั้งโรคเกี่ยวกับหัวใจ และเสริมระบบประสาทอีกขั้นด้วยน้ำสับปะรดหอมสุวรรณและน้ำแอปเปิ้ล ที่มีโพลิฟีนอล ช่วยส่งเสริมการทำงานรวมทั้งชะลอความเสื่อมระบบประสาทและหลอดเลือด
ดูแลสุขภาพดีได้ทุกวันแบบง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้ ด้วยการดื่มน้ำผลไม้ 100% Tipco ที่แต่ละน้ำผลไม้แต่ละชนิดมีไฟโตนิวเทรียนท์ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย พร้อมพาคุณมูฟออนไปสู่แพ็คเกจใหม่ แต่คงประโยชน์และคุณสมบัติเต็มที่ครบครันเช่นเคย เชื่อเถอะว่า คุณจะมูฟออนได้แน่นอน ต้องเริ่มต้นจากเชื่อในตัวเองก่อน เหมือนที่ทิปโก้เชื่อในคุณค่าน้ำผลไม้
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.tipco.net/phytonutrient/ และ https://www.facebook.com/watch/?v=463066421016879