Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
จนหลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ประโยชน์ของสังคมไร้เงินสดคืออะไร ความปลอดภัยในระบบจะเชื่อถือได้ขนาดไหน และเราต้องเรียนรู้และปรับตัวอย่างไรก่อนถึงเวลานั้น
พบกับ สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย ที่จะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ของวีซ่า บริษัทผู้ชั้นนำการให้บริการการชำระเงินดิจิตอลระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 60 ปี ในกว่า 200 ประเทศ และทิศทางของการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดในประเทศไทย รวมถึงคำตอบที่จะทำให้คุณเข้าใจและคลายความกังวลเมื่อเงินในกระเป๋ากลายเป็นรูปแบบใหม่ๆ นอกจากเงินสด
จากประสบการณ์ในวงการธุรกิจสายการเงินมา 15 ปี พฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทยเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปพอสมควรครับ ส่วนหนึ่งเพราะเทคโนโลยีใหม่ทำให้เกิดทางเลือกและรูปแบบการชำระเงินใหม่ ๆ มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มช่องทางในการจับจ่ายซื้อของมากยิ่งขึ้น เช่น เมื่อก่อนเราอาจจะต้องรอวันหยุดเพื่อจะไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า แต่ตอนนี้เราสามารถซื้อทุกอย่างได้ด้วยการกดเข้าแอปพลิเคชั่นหรือบนเว็บไซต์ รวมถึงวิธีการชำระเงินที่คนส่วนใหญ่ตอนนี้เลือกใช้วิธีจ่ายผ่านบัตรหรือช่องทางดิจิตอลแทนการใช้เงินสดมากขึ้นครับ
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย คุณมองการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นไว้อย่างไร
2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่านวัตกรรมใหม่ ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา ทำให้ วีซ่า เองต้องปรับตัวให้เข้ากับการเติบโตเหล่านี้ให้ได้เช่นกัน อย่างในสมัยก่อนเวลาเกิดนวัตกรรมขึ้นมาใหม่สักอย่างนึง เราก็จะนำไปเล่าให้กับลูกค้าฟังและสอบถามว่าเขาสนใจนำไปใช้กับบริษัทของตัวเองไหม แต่ปัจจุบันนี้เราจะทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดในทุกกระบวนการ และคอยเสาะหาเทคโนโลยีและบริการที่เหมาะสมกับโจทย์ของความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เพราะนอกจากบริการแล้ว วีซ่า ยังสามารถช่วยให้คำปรึกษาในเรื่องของเทคโนโลยี และวางแผนกลยุทธ์ได้ด้วย เหตุผลนึงก็มาจากการที่เราเป็นผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิตอลระดับโลก และมีเครือข่ายอยู่ในมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก (Global Network) ทำให้เราได้เห็นเทรนด์ด้านการชำระเงินดิจิตอล หรือ กรณีศึกษาของประเทศอื่นก่อนทำให้สามารถคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีด้านการชำระเงินรูปแบบไหนกำลังมา หรืออะไรที่น่าจะเหมาะสมกับสังคมและพฤติกรรมลูกค้าชาวไทย ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลและเกิดเป็นกลยุทธ์ให้กับทางลูกค้า ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นมากกว่าการบริการ และหาจากที่ไหนอื่นไม่ได้นอกจากที่ วีซ่าครับ
อะไรคือความเชื่อที่ทำให้วีซ่า ยืนหยัดในธุรกิจนี้ได้กว่า 60 ปี
ที่วีซ่า เราเชื่อในการชำระเงินรูปแบบดิจิตอล หรือ Digital Payment และมีศัตรูหลักคือ เงินสดครับ ต้องบอกว่าเงินสดมาพร้อมกับความไม่ปลอดภัยและความเสี่ยงในหลายๆด้าน เช่น ความเสี่ยงในการถูกขโมย คือถ้าหายก็หายเลย ความเสี่ยงในการทุจริต หรือปัญหาจากการใช้งานที่ยุ่งยาก
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น สมมุติว่ามีร้านค้าสักหนึ่งร้าน ทุกวันเขาต้องมานั่งทำเอกสารการเงิน ไล่นับแบงค์ทุกใบว่ายอดเงินครบหรือเปล่า ต้องใส่ตู้เซฟให้ดีหรือไม่ก็ต้องเอาเงินไปฝากที่ธนาคารให้ทันเวลา ขั้นตอนเหล่านี้แย่งเวลาในชีวิตเขาไปเยอะมากนะครับ ทั้งที่เขาสามารถนำเวลาเหล่านั้นไปนั่งคิดหาแผนต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ได้อีกมากมาย
ประเด็นพวกนี้ วีซ่า เล็งเห็นมาตั้งแต่ต้น นั่นเลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราต้องผลักดันให้เกิดสังคมไร้เงินสด เพราะเรารู้ว่าถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้จะทำให้สังคมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยทำให้ร้านค้าดำเนินธุรกิจไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ผู้ซื้อเองก็ได้รับความสะดวกรวดเร็ว และความปลอดภัยในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นด้วย เรียกว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการเกิดสังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริงและจับต้องได้ครับ
สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเพื่อให้เกิดสังคมไร้เงินสดคืออะไร
ความสำคัญที่สุดคือการที่ทำให้ประชาชน หรือผู้บริโภคทั้งหมดเห็นประโยชน์ของสิ่งนี้ก่อน และที่สำคัญกว่าคือต้องทำให้เขาเชื่อมั่นให้ได้ด้วย หลังจากนั้นจึงค่อยเป็นการให้ข้อมูลเพื่อให้เขาไปศึกษาเงื่อนไขต่างๆ และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ของตัวเองครับ
พอจะยกตัวอย่างสังคมไร้เงินสดในต่างประเทศมาเล่าให้เราฟังบ้างได้ไหม
อย่างที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถ้าคุณจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน คุณไม่ต้องไปซื้อตั๋วที่หน้าตู้จำหน่ายบัตรอีกแล้ว คุณแค่หยิบบัตรวีซ่าในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง ที่ออกโดยประเทศไทยของเรานี่แหละ แล้วเดินไปแตะเข้ากับเครื่องตรวจแล้วเดินผ่านเข้าสถานีได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวแลกตั๋ว ดูว่าต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ หรือหาเงินหรือเศษเหรียญให้พอดี รวมไปถึงการชำระเงินที่เคาน์เตอร์ Self-checkoutตามซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศต่างๆ แถบยุโรป รวมถึงการเติมน้ำมันบางแห่งที่คุณสามารถทำได้เองตั้งแต่ไปที่หัวจ่าย เติมน้ำมัน และชำระเงินผ่านระบบดิจิตอล โดยไม่ต้องยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานแม้แต่คนเดียว บัตรจะอยู่ติดตัวเราตลอดเวลาซึ่งทำให้เรามั่นใจได้ว่าการชำระเงินนั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน
สังคมไร้เงินสดถูกออกแบบมาเพื่อทุกคนหรือเปล่า
ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงและได้ใช้เหมือนกันหมดครับ ในอนาคต โซลูชั่นหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่วีซ่าและธนาคารร่วมกันพัฒนานั้นมีอย่างหลากหลาย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราขึ้นระบบขนส่งสาธารณะตามจุดต่างๆ ก็แค่เปลี่ยนจากการพกเงินมาเป็นการเปิดแอพฯบนสมาร์ทโฟน แล้วเอาไปแตะ หรือบางคนอาจสะดวกที่จะสแกน QR Code ชำระเงินแทน ไม่ต้องมาห่วงเรื่องเงินทอนด้วย หรือเดินเข้าร้านสะดวกซื้อก็ไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวรอแคชเชียร์รับเงินสด ทอนเงิน นับเงินทอนอีกแล้ว เราสามารถหยิบของแล้วสแกนจ่ายตรงนั้นได้เลย ดังนั้นสังคมไร้เงินสดจึงเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนวิธีการในการชำระเงิน ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติหากคุณมีเงินในบัญชีเท่านี้แล้วถึงจะใช้สิทธินี้ได้แบบนั้น เราต่างก็ได้รับประโยชน์นี้ด้วยกันทุกคน
ถ้าวันนี้ยังมีคนกลัวที่จะเข้าสู่สังคมไร้เงินสด คุณอยากบอกอะไรกับเขาบ้าง
ต้องบอกว่าไม่ต้องกลัวหรอกครับ คนที่กลัวที่สุดในตอนนี้คือพวกผม เพราะว่า วีซ่า ลูกค้าสถาบันการเงินที่เป็นผู้ออกบัตร และร้านค้าทั้งหลาย ทุกคนต่างลงทุนในแง่ทรัพยากร และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และสะดวกสบายดังนั้นแล้วอย่ากังวลเลยครับ ลองหันมาใช้สักครั้งแล้วคุณจะรู้ว่ามันปลอดภัย สะดวก และรวดเร็วกว่าเงินสดยังไง และหลังจากนั้นเรื่องบริการและการดูแลต่างๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเองครับ