‘น้ำสะอาด’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทรัพยากรธรรมชาติ แต่คือรากฐานของคุณภาพชีวิต เป็น ‘สิทธิขั้นพื้นฐาน’ ที่ทุกคนควรเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหลายชุมชนในชนบทที่ต้องเผชิญกับน้ำที่ไม่สะอาดและมีต้นทุนชีวิตสูงกว่าคนเมือง
ความเหลื่อมล้ำนี้สะท้อนชัดในวิถีชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เด็กนักเรียนที่ต้องซักชุดขาวด้วยน้ำดื่มราคาสูง ไปจนถึงร้านอาหารเล็กๆ ที่ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่ม เพียงเพราะน้ำจากก๊อกไม่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย เรื่องน้ำจึงไม่ใช่เพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่คือภาพสะท้อนความเป็นธรรมในสังคม
The MATTER ชวนพูดคุยกับ เพชร – กฤตวัฒน์ เลื่อนราม Water POG บริษัทผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่ายระบบผลิตน้ำประปา และการปรับปรุงคุณภาพน้ำ ที่ตั้งใจย่อระบบประปาขนาดใหญ่ให้กลายเป็นนวัตกรรมขนาดเล็ก เพื่อให้ชุมชนต่างจังหวัดเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างเท่าเทียม

อยากให้ช่วยเล่าภาพรวมของระบบประปาในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ว่าปัจจุบันมีสถานการณ์เป็นอย่างไร
เพื่อให้เห็นภาพ ขอเล่าถึงโครงสร้างระบบน้ำประปาในประเทศก่อน คนที่อาศัยในกรุงเทพฯ จะคุ้นเคยกับการประปานครหลวง ส่วนในอำเภอเมืองหรือจังหวัดอื่นๆ จะเป็นการประปาส่วนภูมิภาค แต่ทั้งสองหน่วยงานนี้สามารถให้บริการน้ำประปาได้เพียงประมาณ 30% ของทั้งประเทศเท่านั้น ส่วนอีก 70% ที่เหลือคือประปาหมู่บ้าน ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่ท่อส่งน้ำของหน่วยงานหลักเข้าไปไม่ถึง เนื่องจากการลงทุนขยายท่อส่งน้ำไปยังทุกหมู่บ้านต้องใช้งบประมาณระดับพันล้านบาท ภาครัฐจึงมีนโยบายให้แต่ละหมู่บ้านรับผิดชอบในการจัดหาแหล่งน้ำดิบ กรอง และแจกจ่ายน้ำกันเองภายใต้การดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อบต.
การที่ประปาภูมิภาคและนครหลวงครอบคลุมเพียง 30% ถือเป็นช่องว่างที่รัฐดูแลไม่ทั่วถึงหรือเปล่า
เราจะไม่เรียกว่าเป็นช่องว่าง แต่มันเป็นไปตามนโยบายการกระจายอำนาจของภาครัฐ ที่ต้องการให้แต่ละท้องถิ่นมีสิทธิในการเลือกระบบจัดการน้ำและวิธีการกรองที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง ส่วนปัญหาหลักของพื้นที่ 70% ที่ต้องจัดการระบบประปาเอง คือเกิดจากสองปัจจัยประกอบกัน อย่างแรกคือคุณภาพน้ำดิบในปัจจุบันแย่ลงกว่าเมื่อ 40-50 ปีก่อนมาก เพราะอาจมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงหรืออื่นๆ ปนเปื้อน อย่างที่สองคือระบบกรองน้ำที่ใช้กันอยู่ส่วนใหญ่เป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นมานานแล้ว จึงไม่สามารถรับมือกับคุณภาพน้ำที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันได้ นี่จึงเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ชาวบ้านในหลายพื้นที่ต้องเผชิญ

จากการลงพื้นที่ ปัญหาหลักที่พบเจอจริงๆ คืออะไร
ปัญหาสำคัญที่สุดคือ คุณภาพน้ำดิบ เพราะชาวบ้านไม่สามารถเลือกแหล่งน้ำได้เหมือนการประปาฯ ที่จะเลือกแหล่งน้ำที่สะอาดที่สุดเพื่อลดต้นทุนการกรอง แต่ชาวบ้านถูกจำกัดให้ต้องใช้น้ำบาดาลที่ขุดเจาะได้เฉพาะในพื้นที่ของตนเองเท่านั้น ไม่สามารถไปขุดในพื้นที่ของหมู่บ้านอื่นได้ ทำให้คุณภาพน้ำแต่ละแห่งแตกต่างกันไป บางที่เราเจอน้ำดิบขุ่นข้นเหมือนสีชานมไข่มุก ซึ่งระบบกรองแบบเก่าไม่สามารถจัดการได้เลย
ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น Water POG มองเห็นโอกาสในการเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร
พอเราได้ลงพื้นที่จริง สิ่งที่เห็นชัดคือ การมีน้ำสะอาดใช้ในชีวิตประจำวัน คือความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ตื่นมาต้องใช้น้ำอาบน้ำ แปรงฟัน ทำอาหาร ทำธุรกิจต่างๆ ที่ต้องใช้น้ำ หรือดูแลครอบครัว แต่ปัญหาคือชาวบ้านในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีน้ำสะอาดและต้องจ่ายแพงกว่าคนเมือง เช่น บางคนต้องซื้อน้ำดื่มมาซักผ้า เพราะถ้าใช้กับชุดนักเรียนสีขาวก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล ทั้งที่รายได้ชาวบ้านต่ำกว่าคนเมืองอยู่แล้ว แต่กลับต้องมีต้นทุนชีวิตสูงกว่า เราจึงเริ่มต้นจากการไปดูว่าทำไมระบบประปาหมู่บ้านเดิมถึงใช้งานไม่ได้ ก็พบว่ามันเป็นระบบเก่าที่คิดค้นมานาน ไม่สอดคล้องกับคุณภาพน้ำปัจจุบัน ที่สำคัญคือเราพบว่าหมู่บ้านหรือ อบต. ส่วนใหญ่มีช่างดูแลเพียงคนเดียว ต้องดูทั้งน้ำ ไฟ ถนน และทุกหมู่บ้านในตำบล ทำให้ไม่ทันดูแลระบบ เราเลยไปศึกษาอีกว่าการประปานครหลวงและประปาภูมิภาคทำอย่างไรในการกรองน้ำสะอาด แล้วนำกระบวนการเหล่านั้นมาย่อขนาดเป็น microsite (ระบบกรองน้ำที่ขนาดกระทัดลง) ให้เหมาะกับขนาดของแต่ละหมู่บ้าน โดยการย่อระบบกรองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้ระบบ IoT เข้ามาช่วย ให้ช่างเช็กระบบได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องไปหน้างานตลอด รวมถึงลดขนาดพื้นที่ติดตั้ง เพราะเรารู้ว่า อบต. หรือแต่ละหมู่บ้านมักมีพื้นที่สาธารณะจำกัด อีกอย่างที่สำคัญคือเรายกทุกอย่างจากใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ และลดความเสี่ยง เพราะเมื่อก่อนช่างที่ลงไปทำความสะอาดถังใต้ดินอาจเจอปัญหาโคลน ก๊าซ และอันตรายถึงชีวิต นั่นคือที่มาของชื่อ POG ซึ่งย่อมาจาก Put on the Ground

อยากให้อธิบายถึงวิธีการย่อขนาดการกรองในรูปแบบเดียวกับการประปา มีกระบวนการอย่างไร
ทุกขั้นตอนนี้เรานำแนวคิดและกระบวนการโดยอ้างอิงมาจากระบบใหญ่ของการประปานครหลวงและภูมิภาค มี 3 ขั้นตอนหลักคือ หนึ่ง เติมสารเคมีเพื่อปรับคุณภาพน้ำ สอง เติมอากาศเพื่อให้สนิมที่มองไม่เห็นแสดงตัวขึ้นมา และสาม ทำให้ตะกอนเหล่านี้จับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนแล้วเข้าสู่กระบวนการกรอง แต่เราออกแบบเทคโนโลยีใหม่ให้เหมาะกับพื้นที่ เช่น การเติมอากาศ เดิมใช้ถาดวาง 4–5 ชั้นแล้วโปรยน้ำลงมาให้เกิดการเติมอากาศ แต่ของเราเปลี่ยนใหม่ ใช้เทคโนโลยีคล้ายก๊อกน้ำโรงแรม เวลาเปิดออกมาเป็นฟองขาวๆ ซึ่งคือน้ำที่มีอากาศผสมอยู่จำนวนมาก นำหลักการนี้มาแทนการโปรยน้ำแบบเก่า หรือขั้นตอนการกรอง เดิมกรองจากบนลงล่าง แต่เราปรับเป็นการกรองจากล่างขึ้นบน ใช้แรงดันน้ำพาดันขึ้น ทำให้ตะกอนด้านล่างถูก backwash ออกไปอัตโนมัติ ยืดอายุการใช้งานของระบบได้ยาวนานกว่า พูดง่ายๆ คือเราเอากระบวนการจากระบบใหญ่ทุกขั้นตอนมา แต่ปรับวิธีการทำงานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้หมู่บ้านขนาดเล็กเข้าถึงน้ำสะอาดได้
Water POG นิยามนวัตกรรมของตัวเองว่าเป็น ‘นวัตกรรมเรียบง่ายและยั่งยืน’ อยากให้ขยายความหน่อย
คำว่า เรียบง่าย มาจากโจทย์ของพื้นที่จริง เรารู้ว่าเทคโนโลยีต้องใช้งานได้ง่าย และต้องไม่แพงเกินไป ต้นทุนการดำเนินงานรายวันต้องอยู่ได้ และไม่สูงกว่าเดิมที่ชาวบ้านเคยทำ ถ้าใช้งานยาก เขาก็ไม่อยากใช้ ถ้าซ่อมยาก มันก็จะพังง่าย ของเราออกแบบให้ซ่อมง่ายด้วย ช่างในพื้นที่สามารถซ่อมเองได้ หรือถ้าไม่ได้ ทาง Water POG ก็มีทีมบริการเข้าไปช่วย ส่วนความยั่งยืนไม่ได้เกิดจากเราคนเดียว แต่มันต้องมาพร้อมกับความร่วมมือ ผมแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ หนึ่ง เรา Water POG เป็นเจ้าของเทคโนโลยี สอง ภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ โดย อบต. เขียนคำขอขึ้นไป และรัฐจัดงบลงมา สาม คือการใช้งานและดูแลของ อบต. เอง ไม่ว่าจะเป็นนายก อบต. หรือช่างในพื้นที่ ถ้าทั้งสามส่วนนี้ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เรามีระบบที่ดี ภาครัฐมีงบช่วยบำรุงรักษา และ อบต. ดูแลอย่างสม่ำเสมอ ระบบก็จะยั่งยืนได้จริง
ขณะเดียวกัน เราเองก็ไม่อยากให้ภาครัฐมอง Water POG เป็นแค่ vendor แต่เป็น partner ที่ช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลง เราอยากเข้าไปให้ความรู้เรื่องการดูแลน้ำและความสำคัญของน้ำสะอาดกับชาวบ้าน เพราะหลายคนยังไม่รู้ว่าน้ำที่ดูใส อาจยังมีแบคทีเรียที่ส่งผลต่อสุขภาพ การมีน้ำสะอาดไม่เพียงทำให้ชาวบ้านมีความเท่านั้น แต่ยังช่วยลดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคนิ่ว ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และช่วยรัฐลดภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขด้วย เรามองว่าความยั่งยืนเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกส่วนทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

มีโครงการไหนที่ทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนว่า การมีระบบน้ำสะอาดช่วยเปลี่ยนชีวิตชุมชนได้จริง
มีหลายเคสมาก แต่ที่จำได้ชัดคือที่อำเภอหนึ่งในกาญจนบุรี ตอนนั้นเรานำระบบประปาหมู่บ้าน POG Tank ไปติดตั้ง ก่อนหน้านั้นชาวบ้านต้องลำบากมาก มีคุณป้าคนหนึ่งต้องซื้อน้ำสะอาดมาตลอดเพื่อซักผ้าให้หลานไปโรงเรียน หรือบางวันถ้ารถน้ำไม่มาส่ง ก็ต้องรอสองสามวัน ไม่มีน้ำสะอาดใช้ ต้องทนนำน้ำไม่สะอาดมาใช้แทน พอเราติดตั้งระบบเสร็จ ทั้งหมู่บ้านดีใจมาก ถึงขั้นนิมนต์พระมาเจิมระบบ เพราะพวกเขารอประปามากว่า 10 ปีแล้ว บรรยากาศตอนนั้นเหมือนงานฉลองเลย ถึงขั้นล้มวัวเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน ที่สำคัญกว่านั้นคือน้ำสะอาดทำให้ชีวิตเปลี่ยน คุณป้าที่เคยเสียเงินเดือนละประมาณ 2,000 บาทซื้อน้ำสะอาดมาใช้อุปโภค ตอนนี้ไม่ต้องเสียแล้ว เงินก้อนนั้นเอาไปจ่ายค่าเรียนให้หลาน หรือทำธุรกิจต่อได้ อีกตัวอย่างคือธุรกิจซักรีดที่เคยหายไปจากชุมชน เพราะน้ำไม่สะอาด ต่อให้ซักดีแค่ไหนลูกค้าก็บ่นว่าผ้าไม่สะอาด แต่พอมีระบบเรา ธุรกิจก็กลับมาได้ ลูกค้าก็กลับมาแฮปปี้เหมือนเดิม หรือร้านก๋วยเตี๋ยว ก็ลดต้นทุนได้ เพราะไม่ต้องซื้อน้ำเพิ่ม สามารถใช้น้ำดื่มฟรีจาก อบต. ได้โดยตรง สิ่งเหล่านี้สะท้อนชัดเจนว่า ตั้งแต่น้ำที่ขุ่นเหมือนชานมไข่มุก ถ้าได้ผ่านระบบของเรา ก็สามารถกลายเป็นน้ำดื่มสะอาดที่ชาวบ้านใช้ได้จริง

โปรดักต์ของ Water POG อย่าง POG Tanks, POG Solve, POG Drink และ POG RO Mobile มีนวัตกรรมหรือจุดเด่นอะไรที่ทำให้ต่างจากระบบน้ำทั่วไป
เริ่มจาก POG Tanks ถือเป็นพระเอกของเรา เป็นระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้านสำหรับพื้นที่ที่ไม่เคยมีระบบประปามาก่อนเลย โครงสร้างหลักมี 3 ส่วน คือ ตู้ PNP หรือ โรงควบคุมระบบปั๊มน้ำและเติมสารปรับปรุงคุณภาพน้ำ และ ตู้ปั๊ม ถังกรอง และหอถังสูง พอน้ำดิบเข้ามาที่ตู้ปั๊ม เราจะเติมสารปรับปรุงคุณภาพน้ำอย่างคลอรีน โซดาแอช และสารส้ม จากนั้นน้ำจะผ่านเข้าสู่กระบวนการกรอง เติมอากาศ ควบแน่น และกรองจากล่างขึ้นบน ก่อนจะออกมาเป็นน้ำที่สะอาด
ต่อมาเป็น POG Solve ตัวนี้เกิดจากโจทย์จริงที่เจอในพื้นที่ หลายหมู่บ้านมีระบบประปาอยู่แล้ว แต่ระบบกรองเก่าอายุ 40 กว่าปีตันหมด ใช้งานไม่ได้ แต่ยังมีหอถังสูงที่เก็บน้ำได้อยู่ เราเลยออกแบบ POG Solve ให้เป็นตัวกรองที่ต่อเข้ากับระบบเดิม โดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูง ใช้โครงสร้างที่มีอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ของเรา
ส่วน POG Drink หรือ POG RO เป็นเครื่องผลิตน้ำดื่มแบบ Reverse Osmosis ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือเหมือน ตู้กดน้ำชุมชน ที่คุ้นเคย แต่ของเราใหญ่กว่า ครบถ้วนกว่า และใช้เทคโนโลยีที่เราคิดค้นเอง membrane ที่เราทำการวิจัยขึ้นมาเองเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพน้ำในประเทศไทยของเรา ภายในเราออกแบบให้ล้างง่าย ใช้งานง่าย และอายุการใช้งานยาวขึ้น พร้อมด้วยระบบ UV และอุปกรณ์กรองครบชุด เพื่อให้น้ำดื่มมีคุณภาพสูงสุด
ล่าสุดคือ POG Mobile ออกมาเพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ภัยพิบัติอย่างน้ำท่วม เราเห็นภาพบ่อยๆ ว่าต้องขนรถน้ำจากกรุงเทพฯ ไปส่งพื้นที่ประสบภัย ซึ่งทั้งช้าและสิ้นเปลือง เลยคิดว่า ถ้าเรามีระบบ RO ผลิตน้ำสะอาดอยู่บนรถหรือบนเรือ เวลาน้ำท่วมก็สามารถเอาท่อจุ่มลงไป สูบน้ำที่ท่วมขึ้นมากรอง แล้วได้เป็นน้ำดื่มแบบเรียลไทม์ทันที ทำให้ชุมชนยังมีน้ำสะอาดใช้แม้ในภาวะวิกฤต
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรที่กำลังพัฒนาอยู่บ้าง
Water POG เองเราทำงานเหมือนบริษัท R&D ที่จะมีสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาตลอด เพราะเวลาเราไปเจอพื้นที่จริง เราพบว่าปัญหามันไม่ได้มีแค่น้ำขุ่นหรือน้ำตะกอน แต่บางที่เป็นน้ำเค็มหรือ น้ำกระด้าง ที่มีหินปูนเยอะ ซึ่งระบบกรองแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ เราเลยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น photoelectrocatalytic ที่ใช้ไฟฟ้าร่วมกับแสงเพื่อช่วยกรองน้ำ และเทคนิคการควบแน่นสารละลายให้กรองออกมาเป็นน้ำสะอาดได้ อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เราคิดว่าจะสร้าง impact ได้มากคือ เครื่องดึงน้ำจากอากาศ เพียงแค่ตั้งเครื่อง กดปุ่ม เครื่องก็สามารถผลิตน้ำดื่มได้เองโดยไม่ต้องมีแหล่งน้ำตั้งต้น ใช้ความชื้นจากอากาศมาเปลี่ยนเป็นน้ำที่ดื่มได้ทันที ตรงนี้สะท้อนว่า ทีม R&D ของเราไม่ใช่ทีมที่นั่งคิดอยู่ในแล็บเท่านั้น แต่เป็นทีมที่ลงพื้นที่จริง เห็นปัญหาชาวบ้านจริงๆ แล้วนำความเข้าใจนั้นมาพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริง เข้าถึงง่าย และมีต้นทุนที่ไม่สูง เพื่อให้ตอบโจทย์คนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ในฐานะเอกชน อะไรคือความท้าทายในการทำงานร่วมกับภาครัฐและชุมชน
ความยากที่สุดคือช่วงแรก เพราะเราไม่มีผลงานมาก่อน ขณะที่ภาครัฐต้องการผลงานพิสูจน์ได้ เขาจึงไม่เชื่อว่าเราเป็นเอกชนแล้วจะทำให้น้ำสะอาดได้จริง หลายคนบอกตรงๆ ว่า เขาทำมา 10–20 ปีก็ยังไม่สำเร็จ แล้วทำไมอยู่ๆ บริษัทเอกชนที่ไม่รู้จักถึงทำได้ ภาครัฐจึงมีความระแวงมาก สิ่งที่เราทำคือใช้ข้อมูลและงานวิจัยไปยืนยัน เราไม่ได้เข้าไปเพื่อขายของ แต่เข้าไปเพื่อให้ความรู้และเสนอทางออกที่ใช้งานได้จริง พอมีพื้นที่แรกยอมรับ และได้งบประมาณไปติดตั้งระบบประปาหมู่บ้านตัวแรกสำเร็จ ผลลัพธ์ก็ชัดเจน คนในตำบลข้างๆ เห็นว่าน้ำบ้านนั้นสะอาดกว่า ก็เริ่มถามว่าใช้ระบบอะไร ปีหน้าขอบ้าง กลายเป็นการขยายตัวแบบปากต่อปาก
ใช้เวลานานไหมกว่าที่ระบบของ Water POG จะเริ่มได้รับการยอมรับจริงๆ
ต้องใช้เวลาและการสะสมความเชื่อมั่นมาก ช่วงปีแรกเรามีงานเพียงแค่ 2 ไซต์เท่านั้น แต่พอทำสำเร็จแล้ว ชาวบ้านก็เริ่มบอกต่อกัน จากปากต่อปากทำให้ในปีที่ 3 เราได้งานเพิ่มเป็นราว 100 กว่าไซต์ จนกระทั่งปีที่ 4 หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงกระทรวงเริ่มสังเกตว่า ทำไมมีคนขอใช้ระบบนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จึงเข้ามาดูเอง และพบว่าระบบใช้งานได้จริง นั่นทำให้เกิดการส่งเสริมในเชิงนโยบาย และกลายเป็นว่าภาครัฐช่วยประชาสัมพันธ์แทนเราไปด้วยในที่สุด ดังนั้น ความท้าทายหลักคือการเข้าไปครั้งแรก แต่เมื่อเราพิสูจน์ให้เห็นจริงแล้ว ทั้งคุณภาพและเทคโนโลยี ภาครัฐก็เริ่มเชื่อมั่น และเราก็พร้อมทำงานแบบบูรณาการไปด้วยกัน ปัจจุบัน Water POG จึงกลายเป็นเหมือนหน่วยสนับสนุนข้อมูลด้านน้ำ ช่วยงานวิจัย และช่วยภาครัฐสื่อสารกับประชาชนด้วย เพราะบางครั้งภาครัฐมีข้อจำกัดเรื่องเวลาและทรัพยากร เราในฐานะเอกชนก็พร้อมจะลงพื้นที่นำร่อง ให้ความรู้ และสนับสนุนเต็มที่
ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ มองปัญหาการเข้าถึงน้ำสะอาดและการนำนวัตกรรมเข้าไปแก้ปัญหาอย่างไร
อย่างแรกที่ผมอยากพูดถึงคือคุณภาพชีวิต ผมอยากเห็นคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเกิดที่ไหน รวยหรือจน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรได้รับเหมือนกันคือน้ำสะอาด ผมอาจจะไม่ได้มองประเด็นนี้แค่ในเชิงคนรุ่นใหม่ แต่ในมุมว่าถ้าเราสามารถทำอะไรได้ เราควรสร้างความตระหนักให้ชาวบ้านรู้ และหาทางออกที่ใช้งานได้จริง ผมมองว่าการทำงานแบบนี้ไม่ใช่การแข่งขันทางธุรกิจที่ต้องทำยอดขายให้สูงที่สุด แต่คือการดูว่าเราสามารถส่งต่อน้ำสะอาดไปถึงกี่หมู่บ้าน กี่ครอบครัว และช่วยเปลี่ยนชีวิตพวกเขาจากการที่ไม่เคยมีน้ำสะอาด ให้กลับมามีชีวิตที่เท่าเทียมกับคนเมืองได้
แผนในอนาคตระยะสั้นและระยะยาวของ Water POG เป็นอย่างไร
แผนระยะสั้นในอีก 3 ปีข้างหน้า คือการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุน แต่คือการหาพาร์ทเนอร์และผู้มีความสามารถจากหลากหลายวงการเข้ามาร่วมงานกับเรา เพื่อเร่งภารกิจในการทำให้น้ำสะอาดเข้าถึงทุกพื้นที่ได้เร็วยิ่งขึ้น ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเราเข้าถึงได้ประมาณ 700-900 หมู่บ้าน แต่ยังมีอีกเกือบ 50,000 หมู่บ้านทั่วประเทศที่ยังต้องการความช่วยเหลือ กำลังของเราอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ส่วนแผนระยะยาว คือการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะทางมากขึ้น เช่น การกรองน้ำเค็มหรือน้ำกระด้าง หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีการดึงน้ำจากอากาศ รวมถึงการขยายการช่วยเหลือไปยังประเทศอื่นๆ ที่ประสบปัญหาคล้ายกัน นอกจากนี้ เรายังมองถึงการทำสัมปทานระบบประปาหมู่บ้าน โดยที่เราเป็นผู้ลงทุนติดตั้งระบบให้ก่อน แล้วขายน้ำในราคาที่เหมาะสมให้กับ อบต. เพื่อช่วยลดภาระด้านงบประมาณของภาครัฐ และทำให้เงินภาษีถูกนำไปใช้พัฒนาด้านอื่นๆ ที่จำเป็นต่อไปได้