วันเดอร์ฟรุ๊ตเป็นเฟสติวัลงานหนึ่งของไทยที่คนทั่วโลกมากัน ผมที่มีโอกาสได้มา 3 ปีติด ขออนุญาตบอกว่าเดินหลงทางอีกแล้วเพราะไม่ว่าจะเดินไปเวทีไหนเราต้องแวะดูเวทีอื่นก่อน เพราะอะไรก็ดูน่าสนใจไปหมด
งานเฟสติวัลที่หลายคนตั้งตารอมาตลอดทั้งปีงานหนึ่ง หลายคนพยายามเลือกที่จะงดปาร์ตี้หนักๆ เพื่อมาที่ Wonderfruit งานเทศกาลดนตรีและศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ท่ามกลางพื้นที่กว้างใหญ่ในพัทยา ผมเป็นอีกคนที่ตั้งตารอมางานนี้พร้อมกับชาวแก๊งที่ชอบเสียงดนตรี
ความพิเศษของงานนี้ที่ต่างจากงานอื่น ผมคงบอกว่าเป็นไลน์อัพศิลปินที่แตกต่างจากงานอื่นในไทย ซึ่งเราไม่มีทางได้พบเจอดีเจ ศิลปินเหล่านี้ได้เลยในประเทศไทยถ้าไม่ใช่วันเดอร์ฟรุ๊ต อย่าง Four Tet, Alfa Mist, Daddy G นอกจากศิลปินระดับโลกแล้วยังมี เฉลิมพล มาลาคํา และแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ตำนานมีชีวิตของประเทศไทยในงานนี้เท่านั้น
ผมวางแผนว่างานนี้จะเตรียมกล้องฟิล์มไปถ่ายในงานโดยเฉพาะ เนื่องจากกลัวทำกล้องดิจิทัลหาย จึงพกกล้องไป 2 ตัว ฟิล์ม 3 ม้วน หนึ่งในนั้นเป็นฟิล์มโลโม่สีม่วงที่คิดว่าน่าจะได้ภาพประหลาดดี ซึ่งก็ประหลาดจริงแต่แสงไม่พออยู่เหมือนกันจึงแอบเอารูปจากโทรศัพท์มือถือมาใช้นิดหน่อย
บทบันทึกนี้ผมจะขอเล่าตามรูปโดยไม่เรียงลำดับเวลาแต่เป็นความประทับใจในงานแทน
Solar Stage ยันหว่างไปเลยไอ้สอง เพื่อนพี่บอกต้องซอดแจ้งเท่านั้น
สำหรับเวที Solar Stage นั้น เป็นเวทีใหญ่เวทีหนึ่งซึ่งเป็นเวทีที่คุณจะได้เต้นกันตั้งแต่เช้ามืด เพราะดีเจชื่อดังอย่าง Acid Pauli และ Four Tet จะมาเปิดเพลงให้คุณเต้นกันตอน ตี 5 ถึง แปดโมงเช้าเพื่อส่งคุณเข้านอนในตอนสาย แล้วเจอกันอีกทีตอนพระอาทิตย์ย้ายไปอยู่ทางทิศตะวันตก
ความสนุกของเวทีนี้คือจะได้เต้นไปเรื่อย เต้นชิลๆ เพราะพี่ๆ ดีเจระดับโลกสามารถเลี้ยงบีทหัวใจคุณให้เดินทางไปกับเสียงดนตรีได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ใส่สุดจนคุณไร้สติ แต่เป็นไกด์ทางจิตวิญญาณให้คุณสนุกกับช่วงเวลาพิเศษนี้ได้อย่างสวยงาม Four Tet เปิดบีทได้เหมือนกับเขาพาคุณเดินหลงเข้าไปในป่าของท่วงทำนอง คุณอาจจะหลงไหลเสียงเหล่านั้นจนหาทางออกไม่เจอ แต่ไม่ต้องกลัวไปเพราะแสงแดดที่สาดส่องมายังทุ่งแห่งดนตรีนี้จะนำทางคุณกลับมาเอง
“God Save The Queer” ที่เวทีผลไม้ต้องห้าม
อีกหนึ่งเวทีที่ผมไปทุกปีหลังพระอาทิตย์ตกดินที่มีดีเจเปิดเพลงให้เราขยับตัวอยู่ตลอดเวลา เวทีนี้อาจไม่เดือดจนเต้นเป็นเจ้าเข้า แต่เป็นเวทีเต้นได้ไม่มีหยุดหลายเพลงก็สามารถร้องตามได้ โดยไฮท์ไลท์ของปีนี้ผมยกให้ Breakbot & Irfane ที่เปิดเพลงเต้นรำแบบ non stop เต้นไปดื่มไปได้อย่างเพลิดเพลิน จนไม่ได้ถ่ายภาพตอนพวกเขาเปิดเพลงมาเลย แม้เวทีนี้จะเล็กลงมาหน่อย แต่ความมันยังเต็มเหมือนเดิม
ปล่อยตัวตน เต้นหน้าฮ่าน เป็นนางฟ้าหน้ารถแห่ที่ Molam Bus
หมอลำบัสเป็นอีกหนึ่งเวที ที่วัยรุ่นไทยและเทศมารวมตัวกันมากและสนุกมาก ซึ่งแต่ละปีก็เอาตำนานมีชีวิตมาเล่นในเวทีหมอลำนี้เสมอ สำหรับผมปีนี้ได้ดูแค่วงหน้าใหม่อย่าง จุลโหฬาร วงอีสานที่โชว์ฝีไม้ลายมือมาหลายเวทีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเพิ่งไปเล่นที่งานอีสานเขียว แต่วันนี้เขาได้มาเล่นงานใหญ่อีกงานอย่างวันเดอร์ฟรุ๊ต
จุลโหฬารพกเพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิตแมสๆ ที่เราทุกคนร้องตามกันได้หมด จนทำให้วัยรุ่นสาวๆ แต่งตัวสวยๆ แบบที่เราเห็นในไอจีตามงาน EDM มาเต้น ไม่ต่างกับวัยรุ่นหน้ารถแห่ที่เต้นกัน เวทีนี้สำหรับผมเหมือนได้ปลดปล่อยความเป็นบ้านนอกของตัวเองออกมาในอีเวนท์ระดับโลก เพราะหลายครั้งเราจะแซะวัยรุ่นรถแห่อย่างไรก็ตาม แต่ DNA คนไทยเพลงพวกนี้ไม่หายไปไหน ที่ทุกคนได้ปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่
ส่วนจุลโหฬารกระโดดลงมาร้องเต้นข้างล่างเวทีในเพลงก่อนสุดท้ายเพิ่มความเดือดให้เวทีนี้กลายร่างเป็นรถแห่งานบวชเพื่อนสมัยมัธยมฯ ของเราที่ทุกคนสนุกได้ไม่ต้องกลัวเสียลุค
Polygon แสงและเสียงที่ทำให้เรามีความสุข
ก่อนหน้านี้ผมไม่สนใจเวทีนี้สักเท่าไหร่เพราะแสงมันเยอะจัด เยอะจนหลายครั้งปวดตาแต่ปีนี้ผมบังเอิญเดินไปฟังศิลปินคนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจเพราะเห็นว่าคนไม่เยอะเท่าไหร่และแสงยังไม่เยอะจนชวนปวดตา ผมพบกับ Billy Caso ศิลปินอนาล็อกซินธิไซเซอร์ ที่ทำเพลงได้งดงามเหมือนบทกวีของ Pablo Neruda ที่สงบและสั่นไหวหัวใจผม จนอดไม่ได้ที่ต้องนั่งดูเขาจนเกือบจบ และสิ่งที่ประทับใจคือเห็นคนนั่งสมาธิหลับตาฟังเพลง เห็นคุณป้านั่งฟังอย่างสบายใจ เป็นภาพประทับใจที่ได้เห็นดนตรีที่ทุกคนฟังได้อย่างมีความสุข และแสงประกอบโชว์ก็งดงามมากเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีเด็กน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่ในดวงไฟที่สลับไปมาอย่างสนุกสนานทำให้คิดถึงเด็กน้อยที่บ้านอยากพาเขามาเที่ยวเหมือนกัน แต่ฝุ่นเยอะไปหน่อยกลัวเขาจะไม่สบาย จึงได้แต่คิดว่ามีโอกาสคงพาเขามาเที่ยววันเดอร์ฟรุ๊ตบ้าง
Golden Triangle Ambient Area ที่พักจิตวิญญาณของคนอ่อนล้า
อีกหนึ่งสปอตใหม่ที่เพิ่งมีปีแรก ที่ประทับใจสุดๆ ผู้คนไปจับจองนอนกันตั้งแต่เริ่มเปิด กลิ่นหอมจากกำยาน แสงเทียนและสีของดอกไม้สีเหลืองละลานตา ทำให้จิตใจสงบ สปอตนี้เริ่มต้นจากความเงียบให้เรานอนฟังเสียงบรรยากาศงานและเสียงลม ตามด้วยเสียงดนตรีแบบแอมเบี้ยนนิ่งสงบเหมือนฟังบทสวด ที่ช่วยผ่อนคลายเราให้สงบลง กว่าดีเจจะขึ้นก็หลังเที่ยงคืนขึ้นไปแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่ฟังจนจบ แต่ตื่นมาอีกรอบก็เห็นดีเจเปิดเพลงเบาๆ ปลุกผู้คนให้ตื่นพร้อมกับแสงแดดยามเช้า ถ้าปีหน้าได้ไปอีก ผมจะนอนอยู่จนเช้าให้ได้
ความสุขของเด็กๆ
งานนี้ไม่ได้เหมาะสำหรับสายปาร์ตี้หนักๆ เท่านั้น ใครที่มีลูกก็พามาเที่ยวได้เพราะมีกิจกรรมให้เด็กๆเช่นกัน ไม่ว่าจะปลูกผัก ระบายสีทำงานศิลปะ ทำนา หรือว่าเล่นกับสัตว์ทั้งหมูและไก่ และยังมีว่าวให้เด็กในเมืองได้เล่นด้วย สำหรับคนรุ่นผมที่ยังทันยุคสนามหลวงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงเทพฯ เห็นคนเล่นว่าวเต็มไปหมด งานนี้ก็เหมือนหวนรำลึกความหลังสมัยที่พ่อสอนเล่นว่าว ว่าความสนุกของการได้วิ่งแล้วเห็นว่าวลอยอยู่บนฟ้าเป็นอย่างไร
พื้นที่ของเด็กในกรุงเทพฯ ที่เหลือน้อยลง งานนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กได้ค้นพบความสนุกรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือจากอุปกรณ์ดิจิทัลที่เขาเติบโตขึ้น
อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน ผู้คนเต้นรำให้กับแสงอาทิตย์
สำหรับผู้ตื่นเช้านั้นการได้ออกกำลังกายกับแสงแดดอันอบอุ่นคือสิ่งวิเศษที่โลกได้มอบให้กับเรา ผมเดินมาในโซน Camp Wonder ที่มีกิจกรรมอย่างโยคะ เสวนา นั่งสมาธิ นวด และภาพนี้คือการเต้นรำให้กับแสงอาทิตย์
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถเข้าไปร่วมแจมได้ ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าจะมีแต่ชาวต่างชาติที่มาร่วมทำกิจกรรมอะไรแบบนี้เท่านั้น วันนี้เห็นคนไทยเข้าไปแจมด้วยยิ่งรู้สึกสนุก ส่วนตัวผมนั้นขี้เกียจเกินกว่าจะทำอะไรแบบนี้ (ฮ่า)
สิ่งที่ดีที่สุดในงานนี้เสมอมา
สำหรับงานเฟสติวัลแล้วส่วนใหญ่เราจะพบกับขยะหลังอีเวนท์กระจัดกระจายกันเต็มไปหมดทั้งพื้นที่ แต่สำหรับวันเดอร์ฟรุ๊ตมีขยะตกตามพื้นน้อยมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องเสมอมาของงานนี้ ที่กระชับว่าทุกคนต้องพกแก้วพกขวดน้ำมาเอง ไม่อนุญาตให้ single use plastic เข้ามาในงานเลยสักใบหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เติมน้ำกระจายอยู่โดยรอบให้คนได้เติมน้ำเปล่าได้ดื่มอยู่ทุกจุด ไม่ต้องกลัวขาดน้ำแต่อย่างใด
แม้หลายคนจะบอกว่างานนี้บัตรราคาสูง แต่สำหรับผมถ้าคุณอยากไปเทศกาลดีสักงานในประเทศไทย วันเดอร์ฟรุ๊ตเป็นอีกหนึ่งงานที่ไม่ควรพลาด ซื้อบัตรตั้งแต่ที่เขาเริ่มขายเลย ไม่ต้องกลัวว่าไลน์อัพจะไม่ดี เพราะถึงไลน์อัพประกาศออกมาบางทีก็ไม่รู้จักว่าวงอะไรมาเล่น แต่พอได้ฟังแล้วเหมือนได้เปิดหู เปิดประสบการณ์ได้ทำความรู้จักศิลปินใหม่ๆ อีกทั้งยังได้เรียนรู้ว่าจะจัดเทศกาลดนตรีอย่างไรให้ดูดี งานนี้ถือว่าเอามาเป็นมาตรฐานได้เลย
สำหรับใครที่พลาดไป หรืออยากจะไปย้ำความประทับใจอีกครั้ง บัตร Pre-early bird สำหรับ Wonderfruit 2020 จะเริ่มเปิดจำหน่ายแบบ Flash sale ในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. เวลา 12.00 น. – วันอังคารที่ 24 ธ.ค. 2562 เวลา 12.00 น. ในราคา 4,900 บาท
สามารถซื้อบัตรและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.wonderfruit.co