ที่ผ่านมาการใช้วัสดุทดแทน ‘ไม้แท้’ ถือเป็นเทรนด์ที่ทำให้วงการการก่อสร้างเปลี่ยนไปมาก ด้วยอิทธิพลจากภาวะโลกแปรปรวน และการรณรงค์ดูแลสิ่งแวดล้อมทั่วโลก
แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ องค์ความรู้เกี่ยวกับไม้ ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ กระบวนการแปรรูป จนถึงการปลูกป่าทดแทน ทำให้ ‘ไม้แท้’ กลับมายืนหนึ่ง เป็นวัสดุก่อสร้างที่แข็งแรง เหมาะแก่งานก่อสร้าง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
เดี๋ยวเราจะเล่าข้อดีและเหตุผลว่าทำไมการใช้ไม้แท้อย่างเข้าใจธรรมชาติ ถึงเป็นวิธีที่มนุษย์กับป่าไม้จะอยู่ร่วมโลกกันอย่างยั่งยืนให้ฟัง
ถ้าไม่นับว่าเทรนด์การออกแบบ และก่อสร้างที่เน้นการใช้ไม้เป็นวัสดุหลักอย่างสไตล์ Nordic ซึ่งมีอิทธิพลมาจากฟากสแกนดิเนเวีย พื้นที่ซึ่งมีอากาศหนาว ผู้คนจึงออกแบบบ้านให้อบอุ่นและอยู่สบายมากที่สุด และสไตล์ Japandi ซึ่งเป็นการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับสแกนดิเนเวีย เทรนด์การใช้ไม้แท้ก็ถือว่ากลับมาได้รับความนิยมในปัจจุบันอีกครั้ง
เหตุผลก็เพราะการใช้ไม้แท้ในการก่อสร้างอาคาร หรือทำเฟอร์นิเจอร์นั้น มีข้อดีมากกว่าใช้วัสดุอื่นๆ หลายประการ
หนึ่ง—ไม้ต้านทานไฟได้ดีกว่าที่คิด
ไม้ กับ ไฟ ดูจะเป็นของคู่กัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม้แปรรูปสำหรับงานโครงสร้าง หรือ Glulam (Glued-Laminated Beam – ไม้ลามิเนตติดกาว) มีความสามารถในการทนไฟไหม้ได้ดีกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กด้วยซ้ำ
ไม้มีคุณสมบัติที่ทำให้เราเดาเส้นทางการเผาไหม้ได้ง่าย เพราะการเผาไหม้นั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะพื้นผิวไม้ที่สัมผัสไฟเท่านั้น จึงไม่ค่อยมีผลต่อโครงสร้างภายใน ในขณะที่คอนกรีตเสริมเหล็กนั้น ความร้อนจากไฟจะเหนี่ยวนำเข้าไปถึงไส้เหล็กด้านใน เมื่อเหล็กขยายตัวมากก็อาจทำให้โครงสร้างพังลงมาได้
สอง—ลดการปล่อยคาร์บอน
เช่นกันกับเรื่องความสามารถต้านไฟ การใช้ไม้แท้กับอัตราลดการปล่อยคาร์บอนดูจะสวนทางกับภาพที่เราคิด แต่จากงานวิจัยพบว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 1 ใน 3 นั้นมาจากงานก่อสร้างที่พักอาศัย และกระบวนการได้มาของวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะการใช้ซีเมนต์ เหล็ก และสารเคมีในงานก่อสร้าง ยังไม่นับว่าสูญเสียน้ำระหว่างการก่อสร้างอีกเป็นจำนวนมาก
ในขณะที่คนมองว่าการใช้ไม้จริงจะเป็นการทำลายระบบนิเวศป่าไม้ แต่ปัจจุบันในอุตสาหกรรมไม้จะเน้นการใช้ไม้จากต้นที่มีอายุมาก ซึ่งในแต่ละช่วงอายุของต้นไม้นั้นประสิทธิภาพในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จะค่อยๆ น้อยลง ทำให้การเก็บเกี่ยวไม้มาทำประโยชน์อื่นแล้วปลูกต้นกล้าใหม่ทดแทน จะนำมาซึ่งความสมดุลแก่ป่าตามธรรมชาติ และยังเพิ่มอัตราการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่ชั้นบรรยากาศของโลกอีกด้วย
ยังไม่นับว่าน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูกก็ยังคงหมุนเวียนอยู่ในธรรมชาติ ไม้ที่ใช้ก่อสร้างไปแล้วก็ยังนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก จึงไม่แปลกเลยที่แวดวงการก่อสร้างจะยกให้เป็น ‘Ultimate Green Product’ หรือสุดยอดวัสดุรักษ์โลก
สาม—ลดเวลา ลดต้นทุน ลดขยะ
อาคารยุคใหม่ที่ทำจากไม้จริงมักจะมีการใช้เครื่องจักรคำนวณในขั้นตอนการออกแบบมาอย่างแม่นยำ
ยิ่งถ้ามีสถาปนิกคอยกำกับดูแลและออกแบบเป็นอย่างดี โอกาสที่วัสดุจะเหลือใช้ก็แทบจะน้อยมากๆ ลดปัญหาการใช้ไม้อย่างฟุ่มเฟือยก็จะลดน้อยลง อีกทั้งยังสามารถประกอบสำเร็จรูปจากโรงงาน มีน้ำหนักเบากว่าคอนกรีต จึงเคลื่อนย้ายและนำมาประกอบเพื่อทำโครงสร้างอาคารได้เร็วกว่า ตึกสูงก็สามารถสร้างเสร็จได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ลดทั้งเวลาและต้นทุนได้มาก
สี่—โครงสร้างไม้แข็งแรงสำหรับแผ่นดินไหว
ไม้มีคุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งคือความยืดหยุ่น โดยมีการทดสอบแล้วว่าในสถานการณ์แผ่นดินไหวนั้น อาคารที่มีโครงสร้างไม้ รับมือกับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าอาคารที่ทำจากคอนกรีต เพราะแรงสั่นสะเทือนอาจสร้างรอยแตกร้าวภายในชั้นคอนกรีต จนโครงสร้างอ่อนแอ และพังถล่มลงมาได้
ห้า—ความสวยงาม และสุนทรียภาพ
ข้อนี้คงแทบไม่ต้องอธิบาย เพราะไม้คือวัสดุที่มีความสวยงามภายในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทาสีหรือใช้วัสดุอื่นๆ มาปกปิดพื้นผิว
โดยเฉพาะไม้สัก วัสดุสร้างบ้านที่ได้รับความนิยมจากคุณสมบัติเรื่องความทนทานสูง มีอายุใช้งานเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 ปี มีอัตราการหดขยายต่ำที่สุด มีสารเคมีในเนื้อไม้ที่แมลงไม่ชอบ อีกทั้งยังมีลวดลายตามธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย
ยิ่งถ้าผ่านการอบไม้เป็นอย่างดีด้วยระบบ Klin-Dried ที่จะทำให้ไม้มีความชื้นหลงเหลือเพียง 12% ผ่านการดูแลให้ไม้ปราศจากเชื้อรา ได้รับการติดตั้งโดยทีมงานมืออาชีพ เว้นระยะเผื่อการหด-ขยายของเนื้อไม้
รับรองได้เลยว่าบ้านหลังนั้นจะสวยงามและคงทนไปอีกนาน
อย่างที่เห็นจากคุณสมบัติเด่นทั้ง 5 ข้อของการใช้ไม้แท้ งานก่อสร้างและอาคารจะสมบูรณ์แบบได้ต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจไม้อย่างรอบด้านด้วย
หนึ่งในนั้นก็คือ WoodDen แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านไม้มากว่า 60 ปี ทั้งผลิต แปรรูป ไม้สักป่าธรรมชาติ และไม้สักปลูก ส่งออกไม้สักเต็มแผ่นสำหรับงานไม้พื้นภายในบ้าน ระเบียงไม้ภายนอก และไม้เอ็นจีเนียร์หลากหลายสี สู่ตลาดยุโรปและอเมริกา รวมถึงงานไม้พื้นระบบ Pre-Finished ที่ย่นเวลาการติดตั้งหน้างาน พร้อมบริการวาง Dry-Lay ให้ดูก่อนปูพื้นจริง
นอกจากนั้นยังออกแบบและทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยมี ‘DHAMMACHART’ โต๊ะไม้สักที่เป็นสินค้าเด่นของแบรนด์
มีทั้งแบบไม้สัก 1 แผ่นใหญ่ และ 2 แผ่นประกบกันแบบ Book Match (พลิกด้านไม้เพื่อให้ลายสมมาตรกัน)
แน่นอนว่า WoodDen ยังเป็นแบรนด์ที่ใช้ไม้ด้วยความเข้าอกเข้าใจ ทั้งเข้าใจธรรมชาติป่าไม้ ทั้งเข้าใจคนออกแบบ
ตั้งแต่การช่วยออกแบบวิธีแก้ปัญหาหน้างานร่วมกับช่างและผู้รับเหมา สนับสนุนวงการออกแบบในรูปแบบงานเสวนา เพื่อเพิ่มประสบการณ์ และถ่ายทอดความรู้ในสายงานการออกแบบ ผ่านนิตยสาร art4d ที่ทำงานร่วมกับสภาสถาปนิกอย่างใกล้ชิด
คุณไมเคิล กรีน สถาปนิกที่ได้มีโอกาสให้ความรู้ไว้ในรายการ TED Talk เกี่ยวกับการสร้างอาคารสูงด้วยผลิตภัณฑ์จากไม้ ได้หยอดไอเดียที่น่าสนใจเอาไว้ตอนหนึ่งว่า
“หากคุณตัดต้นไม้เพื่อทำให้มันเป็นอะไรบางอย่าง จงให้เกียรติชีวิตของต้นไม้ต้นนั้น และทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้” (“If you cut down a tree to turn it into something, honor that tree’s life and make it as beautiful as you possibly can.”)
ซึ่งตรงกับไอเดียที่ทางบริษัท ทีพีเอส การ์เด้นเฟอร์นิเจอร์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ WoodDen เชื่อมั่นอยู่เสมอในการทำอุตสาหกรรมไม้มาตลอดระยะเวลา 60 ปี เพราะความเชื่อที่ว่า การเติบโตของธุรกิจไม้ จะต้องพัฒนาไปพร้อมกับรากฐานของความยั่งยืนทางทรัพยากรป่าไม้เช่นกัน