เคยสงสัยกันไหมว่ามนุษย์ยุคหินหน้าตาเป็นยังไง? แต่เรื่องน่าสงสัยนี้จะถูกคลี่คลายแล้ว เมื่อล่าสุดทีมนักโบราณคดีในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยใบหน้าจำลองของผู้หญิงยุคหินอายุกว่า 75,000 ปี
การค้นพบครั้งนี้ถูกเรียกชื่อตามชื่อถ้ำในเคอร์ดิสถานของอิรัก ซึ่งนักวิจัยได้พบกะโหลกศีรษะของหญิงยุคหินในปี 2018 และนำไปตรวจสอบ เชื่อกันว่าส่วนล่างของโครงกระดูกหญิงคนนี้ถูกขุดขึ้นมาในปี 1960 ซึ่งในเวลานั้นขุดโดยนักโบราณคดีชาวอเมริกัน ราล์ฟ โซเลคกี (Ralph Solecki) ซึ่งตอนนั้นเขาได้พบกับซากมนุษย์ยุคหินอย่างน้อย 10 ยุค นอกจากการค้นพบกลุ่มศพเขาได้พบอีกด้วยว่ามีการล้อมรอบศพด้วยละอองเกสรโบราณ ทำให้เป็นที่ถกเถียงกันว่านี่เป็นหลักฐานของพิธีกรรมงานศพที่ผู้ตายจะถูกวางบนเตียงดอกไม้
แต่ด้วยความยากลำบากและปัญหาทางการเมืองส่งผลให้ทีมวิจัยทีมล่าสุดใช้เวลานานกว่า 5 ทศวรรษจนได้รับอนุญาตให้กลับไปยังสถานที่ดังกล่าวในอิรัก และพวกเขาก็พบว่า มนุษย์ยุคหินกลุ่มสุดท้ายตายอย่างลึกลับเมื่อ 40,000 ปีก่อน ซึ่งนับเป็นไม่กี่พันปีที่เริ่มมี ‘มนุษย์’
Shanidar Z (หญิงยุคหิน) เป็นศพลำดับที่ 5 ที่ถูกระบุในกลุ่มกระจุกศพที่ถูกฝังไว้ด้านหลังหินใจกลางถ้ำเป็นเวลาอย่างน้อยหลายร้อยปี ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าหินนี้ถูกใช้เป็นตัวระบุเพื่อให้มนุษย์ยุคหินเดินทางกลับไปยังจุดเดิมเพื่อฝังศพของพวกเขา
การวิจัยล่าสุดโดยสมาชิกในทีมศาสตราจารย์คริส ฮันต์ (Chris Hunt) ชี้ให้เห็นว่า ละอองเกสรดอกไม้ที่ก่อให้เกิดทฤษฎี ‘การฝังดอกไม้’ ที่เป็นที่ถกเถียงของโซเลคกี แท้จริงแล้วอาจมาจากผึ้งที่ขุดลงไปในพื้นถ้ำ แต่ฮันต์ก็บอกว่า ยังพอมีหลักฐานอยู่บ้าง เช่น ซากมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลทีโซเลคกีค้นพบว่าสายพันธ์ุนี้มีความเห็นอกเห็นใจมากกว่าที่คิดไว้
ฮันต์บอกว่า การวางตำแหน่งวัตถุไว้ในจุดเดียวกันในตำแหน่งเดียวกัน และหันหน้าไปในทิศเดียวกัน บ่งบอกถึงประเพณีและการถ่ายทอดความรู้ระหว่างรุ่น มันดูเหมือนพฤติกรรมที่ไม่เชื่อมโยงกับเรื่องราวในหนังสือเกี่ยวกับมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลที่บอกว่าพวกเขาน่ารังเกียจ โหดเหี้ยม และตัวเตี้ย
เอ็มมา โพเมรอย (Emma Pomeroy) นักมานุษยวิทยาหนึ่งในผู้ค้นพบบอกว่า การค้นพบกะโหลกและร่างกายส่วนบนของเธอนั้นทั้งน่าตื่นเต้นและน่ากลัว
หลังจากที่ประกอบเศษกะโหลกแล้วมันถูกนำไปพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสร้างภาพจำลองโดยใช้ชั้นของกล้ามเนื้อและผิวหนังที่ประดิษฐ์ขึ้นมา โพเมรอยบอกว่า กะโหลกศีรษะของมนุษย์ยุคหินนั้นดูแตกต่างไปจากมนุษย์อย่างมาก เพราะพวกเขามีสันคิ้วที่ใหญ่มากและไม่มีคาง
เธอเล่าว่า “ความแตกต่างนั้นไม่ได้รุนแรง แต่สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือการผสมข้ามสายพันธ์ุระหว่างมนุษย์ยุคหินและมนุษย์ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเกือบทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ยังคงมี DNA ของมนุษย์ยุคหิน”
ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคสมัยนี้ กำลังช่วยให้พวกเราศึกษาถึงอดีตได้อย่างละเอียดและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
อ้างอิงจาก