ในวันแห่งการโกหก หรือ ‘April fool’s day’ นอกจากการโกหกคนอื่นแล้ว มีใครที่ชอบโกหกตัวเองด้วยไหม? แม้ว่าการโกหกตัวเองดูจะไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่แท้จริงแล้วมันอาจมีผลกับเราในระยะยาวได้นะ
เบื้องหลังของการโกหกตัวเองคือการที่เราควบคุมจิตใจของตัวเองแบบไม่รู้ตัว เรามักจะเชื่อคำโกหกของเราแบบจริงๆ และหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองในการกระทำต่างๆ ของเรา
งานวิจัยใน Behavioral and Brain Sciences อธิบายการโกหกตัวเองไว้ว่า การโกหกตัวเองเป็นลักษณะเชิงวิวัฒนาการที่ช่วยให้ผู้คนโกหกคนอื่นได้ดีขึ้น เพราะสามารถซ่อนสัญญาณของการโกหกได้ง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงในการถูกจับได้ คนที่โกหกตัวเองมักจะเก่งในการโกหกคนอื่น นอกจากนี้ยังเพิ่มความมั่นใจด้วยการทำให้คนอื่นเชื่อตัวเองมากขึ้นด้วย
แม้ว่าการโกหกตัวเองอาจให้ประโยชน์ในระยะสั้น แต่การโกหกก็สามารถกระทบความสามารถในการรับความจริงได้ เพราะมันไปบิดเบือนให้สอดคล้องกับความต้องการของเราที่ต้องการปิดบังความจริง พฤติกรรมนี้เชื่อมโยงกับการบิดเบือนภาพลักษณ์ของตัวเอง และอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงได้
การโกหกตัวเองจะสร้างช่องว่างระหว่างความเป็นจริงและเรื่องที่เราคิดว่าจะเป็นให้ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งมันทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายและทำให้เรามีแนวโน้มที่จะโกหกตัวเองมากขึ้นเพื่อบรรเทาความขัดแย้งที่เกิด และกลายเป็นวงจรต่อไป
ดร.เบลลา เดอเปาโล นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ยืนยันว่า “การโกหกเป็นเพียงเงื่อนไขของชีวิต” ในงานวิจัยของเธอ เธอพบว่าเรา (ทั้งชายและหญิง) จะโกหกผู้คนประมาณ 30% ตลอดทั้งสัปดาห์และโกหกตอบโต้ด้วย ขณะที่ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายความรู้สึกของคนอื่น แต่ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะโกหกเกี่ยวกับตัวเองมากกว่า โดยผู้ชายมักจะโกหกเพื่อสร้างความประทับใจ
“บทสนทนาทั่วไประหว่างผู้ชาย 2 คนประกอบด้วยการโกหกเพื่อตนเองมากกว่าการโกหกเกี่ยวกับคนอื่นประมาณ 8 เท่า” เดอเปาโลเล่า
งานวิจัยของ Zety ในปี 2020 ที่สำรวจชาวอเมริกันมากกว่า 1,000 คน พบว่ากว่า 96% โกหกเพื่อลาออกจากงาน ส่วนคำโกหกที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ รู้สึกไม่สบาย (84%) เหตุฉุกเฉินในครอบครัว (65%) นัดแพทย์ (60%) และการโกหกเกี่ยวกับการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว (31%)
นอกจากนี้ 91% ของคนที่หาข้ออ้างเพื่อลาออกไม่เคยถูกจับได้ และถ้าจะถูกจับได้ก็มักจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ขณะที่ผู้ที่ถูกจับได้ 70% เสียใจกับการโกหก แม้ว่าจะไม่รู้สึกแย่กับตัวเองที่โกหก แต่ 59% บอกว่าพวกเขาจะไม่ทำแบบนั้นอีก ขณะที่คนที่โกหกเพื่อลาออกจากงาน 27% เท่านั้นที่รู้สึกสียใจกับการโกหกของตัวเอง แต่กับ 41% บอกว่าไม่แคร์ และจะโกหกอีกครั้งแน่ถ้ามีโอกาส
อย่างไรก็ดี Forbes อธิบายวิธีแก้ไขนิสัยเหล่านี้ไว้ด้วยว่า การพูดคุยกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ด้วยความจริงใจ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งหน้ากระจก หรือจดบันทึกอย่างเปิดเผยและให้อิสระซึ่งมันจะช่วยให้เราได้ดื่มด่ำกับชีวิตอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้น และซื่อสัตย์กับตัวเองได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการฝึกสติเพื่อให้ตระหนักรู้ในตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เรายอมรับตัวเองมากขึ้นด้วย
อ้างอิงจาก