ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 หรือ ข้อหายุยงปลุกปั่น มีใจความว่าผู้ใดแสดงความคิดเห็นไม่ว่าทางวาจา หนังสือ หรือวิธีใดๆ ก็ตาม อันมีผลให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง หรือเกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี
.
หลายครั้ง ที่กฎหมายข้างต้นถูกตั้งคำถามว่าคลุมเครือ และเชื้อเชิญให้ตีความกว้างเกินไป จนอาจกลายไปเป็น ‘เครื่องมือทางการเมือง’ ที่ภาครัฐใช้ปิดปากผู้ที่เห็นต่าง โดยจากการเก็บข้อมูลของ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw พบว่า ตั้งแต่ คสช. เข้ามาทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนถึง 20 สิงหาคม 2563 มีการนำข้อหายุยงปลุกปั่นมาใช้กับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างน้อย 89 ราย หรือหารเฉลี่ยตกปีละมากกว่า 14 ราย
.
ในเว็บไซต์ iLaw ตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นแก่นักเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือใครก็ตาม อาจไม่ได้ตั้งใจเพื่อให้เกิดการลงโทษตามกฎหมาย แต่เป็นไปเพื่อให้เกิด ความกลัวในการแสดงความคิดเห็นต่อต้านรัฐบาล, เพิ่มภาระในการประกันตัว โดย iLaw รายงานว่าผู้ที่ถูกตั้งข้อหา 116 ส่วนใหญ่ต้องใช้หลักประกันเฉลี่ย 70,000 – 75,000 บาท ตลอดจน เพื่อความชอบธรรมให้กับการดำเนินคดี เพราะกฎหมายดังกล่าวมีมานานแล้ว (ก่อน คสช.ยึดอำนาจ) และมีโทษค่อนข้างรุนแรง
.
ขณะนี้ วรภพ วิริยะโรจน์ และคณะ ได้เข้าชื่อเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ. เพื่อแก้ไขรายละเอียดในมาตรา 116 โดยมีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนข้อความให้ชัดเจนขึ้น โดยในวงเล็บสองเปลี่ยนจาก “เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน” มาเป็น “ให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร จนถึงขั้นมาการทำร้ายร่างกายหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้อื่น หรือทำลายทรัพย์สินของทางราชการ หรือที่ใช้เพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์” และลดโทษจำคุกจาก 7 ปี ลงมาเหลือ 3 ปี
.
ทั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่เมืองไทยเท่านั้นที่มีกฎหมาย ‘ยุยงปลุกปั่น’ ในหลา่ยประเทศไม่ว่าสหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ ต่างก็ล้วนมีหรือเคยมีกฎหมายที่มีใจความเนื้อหาคล้ายมาตรา 116 ของไทย อย่างไรก็ตาม มาถึงในขณะนี้ นิวซีแลนด์ (2550) และสหราชอาณาจักร (2552) ก็ได้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าวแล้ว ส่วน ออสเตรเลีย ก็ได้มีการปรับแก้เนื้อหากฎหมายให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อไม่ให้กระทบสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนแล้ว
.
เข้าไปอ่านและเสนอความคิดเห็นถึงร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวได้ที่
.
.
อ้างอิง: