พูดถึงประเทศประชาธิปไตย หลายๆ คนคงพูดถึงสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจผ่านการเลือกตั้งจากประธานาธิบดีคนเก่าไปสู่ประธานาธิบดีคนใหม่ในทุก 4 ปีของแต่ละวาระ แต่การเปลี่ยนผ่านอำนาจผ่านการเลือกตั้งในครั้งนี้ดูเหมือนผิดแปลกไปจากครั้งก่อนๆ จากคำพูดของทรัมป์ที่พูดมาตลอดหลายเดือนว่า ‘หากเขาแพ้ เขาจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้’
แต่ถ้าหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นล่ะ? ไบเดนจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอย่างไร และทรัมป์จะเปลี่ยนผ่านอำนาจและเดินออกจากทำเนียบขาวไปอย่างสงบสันติได้หรือไม่ แต่ก่อนที่เรื่องเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้น ทรัมป์ได้เริ่มขยับความฝันของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีก 4 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหลายเดือนที่ผ่านมา ฝันของทรัมป์ที่จะอยู่ต่อในตำแหน่งประธานาธิบดียังคงไม่หมดไป หลังจากที่ไบเดนคะแนนนำเขา และมีโอกาสจะโค่นทรัมป์ลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เขาได้ตัดสินใจฟ้องร้องในมลรัฐเพนซิลเวลเนีย มิชิแกน และจอร์เจีย ว่ามีการโกงคะแนนกันเกิดขึ้นจากบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จุดประสงค์ของทรัมป์คือความพยายามขอให้ยุติการนับคะแนนในมลรัฐที่กำลังนับคะแนนอยู่ การฟ้องร้องดังกล่าวจะถูกพิจารณาในชั้นศาล โดยความเห็นของทนายส่วนตัวของไบเดนมองว่า “(หากทรัมป์ต้องขึ้นศาลสูงสุดจากการฟ้องร้องดังกล่าว) เขาจะเป็นประธานาธิบดีที่ได้รับความพ่ายแพ้อันน่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ของการขึ้นศาลสูงสุดในประเทศนี้”
โดยความเห็นจากนักวิชาการด้านกฎหมายเลือกตั้งหลายสำนักของสหรัฐฯ ได้ชี้ตรงกันว่า บัตรที่จะถูกนับคะแนนจะมีเพียงแค่บัตรที่มีความถูกต้องเท่านั้น หากมีบัตรลงคะแนนที่มีข้อสงสัย ย่อมถูกระงับและไม่นำไปนับรวมในคะแนนเสียงมหาชน (popular vote) และจะมีเพียงคะแนนเสียงมหาชนเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสินคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral college vote) ในแต่ละมลรัฐเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลว่าหากทรัมป์ไม่ยอมออกจากตำแหน่งจนกว่าจะมีคำตัดสินจากคดีที่เขาฟ้องร้องไปแล้วนั้น เหตุการณ์นี้อาจทำให้การรับรองคะแนนเสียงในรัฐสภาสหรัฐฯ ล่าช้าออกไป จนส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระลอกใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งในสหรัฐฯ ได้
ทั้งนี้ ทรัมป์จะสามารถอยู่ในทำเนียบขาวได้ไม่เกินวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.2021 อยู่ดี ยังมีความกังวลว่าหากเรื่องการฟ้องร้องขึ้นสู่ศาลสูงที่มีผู้พิพากษาอนุรักษ์นิยม 6 คน จาก 9 คน และพร้อมจะตัดสินเข้าข้างทรัมป์ในการรับรองความชอบธรรมดังกล่าวของเขา
สำนักข่าว BBC รายงานว่าศาลสูงสุดไม่มีอำนาจพิเศษใดๆ ในการแทรกแซงการหยุดนับคะแนนเลือกตั้ง อีกทั้งยังไม่มีมาตรฐานใดๆ ที่จะมีการนำความขัดแย้งจากการเลือกตั้งนำขึ้นสู่ศาลสุงสุด ซึ่งถ้าหากเกิดกรณีดังกล่าวก็จะเป็นสิ่งที่ ‘ผิดปรกติอย่างมาก’ ซึ่งอาจทำให้ทุกอย่างซับซ้อนขึ้นหากรัฐสภารับรองไบเดนเป็นประธานาธิบดี แต่ศาลสูงสุดรับรองให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี นี้อาจนำไปสู้วิกฤติการณ์ทางรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ครั้งใหม่
แต่ถ้าหากทรัมป์ยังจะยืนยันที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อ จะเป็นไปได้หรือไม่?
ในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “วาระของประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจำสิ้นสุดลงในยามเที่ยงวันของวันที่ 20 มกราคม และวาระของผู้สืบทอดตำแหน่งจำเริ่มขึ้นทันที” ซึ่งเป็นกฎในรัฐธรรมนูญที่กำหนดการเปลี่ยนผ่านวาระทุกๆ 4 ปี ตั้งแต่ ค.ศ.1792 จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งเท่ากับว่า จากวันที่ทรัมป์แพ้การเลือกตั้งจนกระทั่งวันที่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เขาจะได้อาศัยอยู่ในทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ
คงจินตนาการยากถึงสถานการณ์อันเลวร้ายที่อาจจะมาถึง ถ้าหาก โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเนื่องจากเขาขาดคะแนนคณะผู้เลือกตั้งอีกแค่ 6 คะแนน เขาก็จะได้คะแนนครบ 270 คณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งมลรัฐที่กำลังนับคะแนนและไบเดนมีคะแนนนำอยู่ คือ มลรัฐเนวาดา มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 6 คะแนนอยู่พอดิบพอดี ในขณะที่ทรัมป์ออกมาประกาศอย่างมั่นใจว่าตนได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ประกอบกับท่าทีของเขาที่จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากเขาแพ้ในศึกครั้งนี้
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ทางออกของไบเดนมีทางเดียว คือเมื่อถึงวันเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.2021 เวลาเที่ยงตรง เขาจำเป็นจะต้องไล่ทรัมป์ออกไปจากทำเนียบขาวด้วยตนเองผ่านการช่วยเหลือจากหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ที่จะเข้ามาเชิญตัวไปจนถึงขั้นลากทรัมป์ออกไปจากทำเนียบขาว โดยอดีตประธานาธิบดีที่ไม่ยอมออกจากทำเนียบขาวจะถูกปฏิบัติไม่ต่างจาก ‘ผู้บุกรุก’ เข้ามายังทำเนียบขาว
ทั้งนี้ ผู้มีอำนาจในการนำตัวอดีตประธานาธิบดีออกจากทำเนียบขาวมีเพียงหน่วยสืบราชการลับเท่านั้น กองทัพสหรัฐฯ จะไม่มีบทบาทเข้ามาแทรกแซงกิจการดังกล่าวเด็ดขาด เนื่องจากสถาบันกองทัพของสหรัฐฯ ถูกแยกออกจากการเมืองอย่างชัดเจน การเข้ามามีบทบาทของกองทัพต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นนี้ถือได้ว่าเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง
อ้างอิงจาก
https://www.vox.com/2020/11/4/21549577/2020-election-trump-biden-loss-concession
https://constitution.congress.gov/browse/essay/amdt20-2/ALDE_00001006/
https://apnews.com/article/donald-trump-seeks-voting-stop-25762f69b27dfbccc4fd8077fb5fdc91
https://www.bbc.com/news/election-us-2020-54274115
https://www.bbc.com/news/election-us-2020-54724960
#Explainer #USelection2020 #TheMATTER