ชะตากรรมคุณจะเป็นอย่างไร หากน้องแมวสามารถนำโรคบางอย่างมาสู่เราได้! โรคท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) หรือโรคขี้แมวขึ้นสมอง เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวท็อกโซพลาสมากอนดี (Toxoplasma gondii) ซึ่งเป็นหนึ่งในปรสิตที่พบบ่อยที่สุดในโลก โดยเราสามารถพบเจ้าตัวนี้ได้ในเนื้อสัตว์ดิบๆ รวมถึงอุจจาระของน้องแมวที่ติดเชื้อด้วย!
ท็อกโซพลาสโมซิสจะขยายพันธ์ุในท้องของแมว จากนั้นเมื่อถูกขับออกมาทางอุจจาระ มันจะหาทางกลับเข้าไปในท้องอีกครั้ง และอีกหนึ่งวิธีสุดแปลกประหลาดในการพาตัวเองกลับไปในท้องแมวคือ ใช้ ‘หนู’ เป็นพาหะ ซึ่งวิธีนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อหนูมากินอุจจาระแมว จากนั้นเจ้าหนูที่น่าสงสารก็จะติดเชื้อ เจ้าท็อกโซพลาสโมซิสจะเข้าไปทำปฏิกิริยาในสมอง และสั่งให้หนูวิ่งเข้าหาแมว เพื่อให้ถูกกิน แทนที่จะหลีกเลี่ยงเหมือนปกติ
สำหรับวิธีสังเกตน้องแมวว่ามีเชื้อหรือไม่ ให้ดูจากพฤติกรรมของแมวเป็นหลัก โดยแมวที่ติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสขั้นรุนแรงจะมีอาการเกร็ง ชัก แต่ในกรณีที่ติดเชื้อน้อยแมวมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่อยู่นิ่ง และมีความก้าวร้าวมากขึ้น
แม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคใหม่ แต่มันไม่ได้อยู่ไกลตัวอย่างที่คิด เพราะเมื่อกลางปีที่ผ่านมาศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ออกมาเตือนคนไทยให้ระวังการติดเชื้อจากโรคดังกล่าว หลังพบชายอายุ 30 ปี มีร่องรอยของโรคท็อกโซพลาสโมซิสขนาด 5 มิลลิเมตร บริเวณตาข้างขวา และอีก 1 มิลลิเมตรบริเวณตาข้างซ้าย ซึ่งหลังจากมีการตรวจอย่างละเอียดพบว่า มีความเกี่ยวโยงกับโรคท็อกโซพลาสโมซิสจริง โดยมีอาการติดเชื้อจากโปรโตซัวท็อกโซพลาสมากอนดีประกอบกับตอนนี้ หลายๆ พื้นที่กำลังเข้าสู่หน้าหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ปรสิตชนิดนี้แพร่พันธ์ุได้เร็วขึ้น เราจึงต้องระวังกันเป็นพิเศษ
สำหรับอาการติดเชื้อในมนุษย์นั้นถือว่าไม่รุนแรงมาก โดยทั่วไปจะมีอาการเป็นไข้ ตัวร้อน เหมือนอาการป่วยทั่วไป แต่ถ้าเป็นบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ อาการก็จะรุนแรงมากขึ้นตามอันดับ
ที่น่าสนใจคือ การติดท็อกโซพลาสโมซิส สามารถส่งผลกระทบต่อบุคคลิกภาพและพฤติกรรมได้อย่างชัดเจน ผู้ที่ติดเชื้อจะมีความคิดแบบกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น ในขณะที่ความกลัวต่อความเสี่ยงลดลง โดยงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารของราชสมาคมกรุงลอนดอนฉบับบี (Proceedings of the Royal Society B ) เปิดเผยด้วยว่า นักธุรกิจมืออาชีพมีโอกาสจะตัดสินใจลงทุนหรือเริ่มก่อตั้งกิจการใหม่ได้มากกว่า หากเป็นผู้ที่มีเชื้อชนิดนี้ในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม โรคดังกล่าวไม่ได้ส่งผลเพียงเท่านั้น แต่งานวิจัยชิ้นยังชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ติดเชื้อบางคนมักมีอาการหุนหันพลันแล่นเป็นพิเศษ และมีแนวโน้มที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์มากกว่าคนที่ไม่ติดเชื้อ 3 ถึง 4 เท่า อีกทั้งยังอาจส่งผลให้เกิดโรคทางจิทเภทต่างๆ ทั้งบุคลิกภาพแบบหวั่นไหว (Neuroticism) รวมถึงโรคซึมเศร้า (Depression) ซึ่งอาจเป็นผลจากการที่แม่มีความใกล้ชิดกับแมวขณะกำลังตั้งครรภ์
อ้างอิงจาก
https://royalsocietypublishing.org/doi/full/10.1098/rspb.2018.0822
https://www.nature.com/articles/s41598-020-69078-9
https://news.thaipbs.or.th/content/292893
#Brief #TheMATTER