เป็นเวลาเกือบเดือนที่ไทยต้องรับมือกับการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ หนึ่งในความหวังที่ดีที่สุดในตอนนี้จึงหนีไม่พ้น ‘วัคซีน’ ซึ่งล่าสุด รัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีน COVID-19 จากบริษัทวัคซีนสัญชาติจีน Sinovac Biotech กว่า 2 ล้านโดส เพื่อเตรียมฉีดให้ประชาชนฟรีภายในเดือนเมษายน
หลังจากชื่อ ‘Sinovac Biotech’ ถูกพูดถึงในฐานะวัคซีนที่จะมาช่วยชีวิตคนไทย ประชาชนหลายๆ คนจึงอยากรู้ถึงรายละเอียดเก่ียวกับคุณสมบัติ และประสิทธิภาพในการต้านไวรัสว่าเพียงพอต่อการวางใจหรือไม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าชื่อเสียงของ Sinovac Biotech ไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในแวดวงเดียวกัน
วัคซีนที่ Sinovac Biotech พัฒนามีชื่อว่า ‘CoronaVac’ จัดเป็นวัคซีนประเภท Inactivated หรือวัคซีนที่ทำจากไวรัสหรือชิ้นส่วนของไวรัสที่ตายแล้ว ซึ่งมีการเริ่มต้นพัฒนาในช่วงเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นในช่วงเดือนมิถุนายน ได้มีการทดลองเฟสแรกกับอาสาสมัครจำนวน 743 คน และไม่พบอาการติดเชื้อ หรือผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ Sinovac Biotech จึงเริ่มทดลองการใช้วัคซีนเฟส 3 ในตุรกี อินโดนีเซีย และบราซิล ช่วงเดือนกรกฎาคม
ประเทศต้นทางอย่างจีนเอง ก็แสดงความมั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าว ด้วยการอนุมัติให้สามารถใช้วัคซีน CoronaVac เป็นวัคซีนฉุกเฉินในพื้นที่เมืองเจียซิง ในเดือนตุลาคม โดยกำหนดให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับกลุ่มที่อยู่ในความเสี่ยงสูง อาทิ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ตรวจท่าเรือ และพนักงานบริการสาธารณะ และในเดือนเดียวกันเอง เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขของบราซิลก็ได้ออกมาเปิดเผยผลการทดลองในเฟส 3 เบื้องต้นว่า วัคซีน CoronaVac มีความปลอดภัยที่สุด เมื่อเทียบกับวัคซีนอื่นๆ ที่มีการทดลองในเฟส 3 ร่วมกัน
แต่แล้วเส้นทางที่กำลังจะไปด้วยดีของ CoronaVac ก็เริ่มสะดุด เมื่อ Sinovac ได้เผยแพร่ผลการทดลองในระยะ 1/2 ผ่านวารสารทางการแพทย์ในเดือนพฤศจิกายน ที่แสดงให้เห็นว่าวัคซีนดังกล่าวสามารถผลิต antibody ได้ในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งมีเพียงผลทดลองในเฟส 3 เท่านั้นจะยืนยันได้ว่า CoronaVac มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะปกป้องผู้ที่ฉีดจาก COVID-19 หรือไม่
จากนั้นไม่นาน CoronaVac ก็ต้องเผชิญหน้ากับการตั้งคำถามอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลบราซิลได้ประกาศให้หยุดการทดลองใช้ CoronaVac ชั่วคราว เนื่องจากพบว่าผู้ทดลองมีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจากการใช้ยา โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ดิมาส โควาส (Dimas Covas) หัวหน้าสถาบันบูตันตัน (Butantan) ผู้รับผิดชอบการทดสอบวัคซีน CoronaVac ทางคลินิกในบราซิล กล่าวเพียงว่า การระงับการทดลองครั้งนี้มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับการเสียชีวิตของอาสาสมัครที่เข้าร่วม แต่ยืนยันว่าการเสียชีวิตดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัววัคซีนโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังบราซิลจึงได้อนุญาตให้มีการทดลอง CoronaVac กับกลุ่มทดลองอีกครั้ง และปลายเดือนธันวาคม สถาบันบูตันตัน จะออกมาแถลงว่า วัคซีน CoronaVac มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสได้ราว 50-90% จากการทดลองในบราซิล แต่ Sinovac ขอให้ระงับการแถลงผลการทดสอบโดยละเอียดไว้ก่อน เนื่องจากต้องการรอผลการทดสอบเฟส 3 จากการทดลองกับอาสาสมัครจนครบ 3 ประเทศ ความคลุมเครือนี้จึงทำให้หลายคนเริ่มไม่ไว้วางใจวัคซีนของ Sinovac Biotech มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ตุรกีก็ได้เปิดเผยผลการทดสอบเฟสที่ 3 ว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 91.25% แต่ตัวเลขดังกล่าวถูกตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา ตุรกีได้ทำการทดลองกับกลุ่มทดลองขนาดเล็ก ซึ่งสำนักข่าว The New York Times เปิดเผยว่า ตุรกีมีอาสาสมัครเข้าร่วมการทดสอบวัคซีนของ Sinovac จำนวน 7,731 คน แต่ข้อมูลการใช้ยาจากด็อกเตอร์ Serhat Unal ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ ที่เปิดเผยออกมานั้น มาจากผู้เข้าร่วมเพียง 1,322 คน
การทดลอง CoronaVac กับอาสาสมัครกลุ่มเล็กในตุรกี ทำให้ความน่าเชื่อถือของวัคซีนดังกล่าวมีความลดลงไปอีก เนื่องจากผลลัพธ์จากการทดสอบในหมู่คนจำนวนมากจะยิ่งทำให้วัคซีน หรือยาชนิดใดๆ มีสถิติที่แข็งแกร่งขึ้น ยกตัวอย่างถึงคู่แข่งในวงการเดียวกันอย่าง ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค (Pfizer and BioNTech) ที่นำเสนอข้อมูลของอาสาสมัครจำนวน 36,523 คนเพื่อแสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีอัตราประสิทธิภาพ 95 เปอร์เซ็นต์
ด้วยความคลุมเครือในการเปิดเผยข้อมูลในการทดสอบ ประกอบกับการที่ยังไม่มีประเทศใดรายงานผลลัพธ์การทดสอบวัคซีน CoronaVac เฟส 3 ออกมาอย่างเป็นทางการ ผลการศึกษาประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 ในเฟส 3 ของ CoronaVac เบื้องต้นจึงถูกคาดการณ์ไว้กว้างมาก คือ 50-90% ทำให้ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงประชาชนบางส่วนมองว่าวัคซีนดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของวัคซีน CoronaVac จะออกมาดีอย่างที่จีนคาดหวัง แต่ก็มีหลายประเทศตัดสินใจสั่งจองวัคซีนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้ง บราซิล ชิลี จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ตุรกี ยูเครน รวมถึงไทย ที่ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดหาวัคซีนระยะเร่งด่วนจากบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) จำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอสำหรับประชาชนจำนวน 1 ล้านคน ด้วยงบ 1,228 ล้านบาท เพื่อฉีดให้ประชาชนในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเมษายน
นอกจาก ไทยจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Sinovac Biotech แล้ว บริษัท ซิโน ไบโอฟาร์มมาซูทิเคิล ลิมิเตด (Sino Biopharmaceutical Limited) ธุรกิจเวชภัณฑ์ในเครือ CP Group ยังได้ทุ่มทุน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.54 หมื่นล้านบาท เพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้น 15% ของบริษัทซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ (Sinovac Life Sciences) หรือบริษัทผู้ผลิต CoronaVac ด้ายเช่นกัน
แม้ว่าการได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ดีจะสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนที่กำลังเผชิญหน้ากับความวิตกกังวล แต่อีกมุมหนึ่ง หลายคนมองว่าความเอื้ออาทรในการพยายามแจกจ่ายวัคซีนของจีนเป็นผลมาจากความต้องการสร้าง ‘การทูตเชิงการแพทย์’
สำนักข่าว Quartz เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของจีน 3 รายรวมถึง Sinovac ได้ทดลองทางคลินิกระยะสุดท้ายกับกลุ่มอาสาสมัครหลายพันคนในต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นการตรวจสอบว่าวัคซีนได้ผลมากน้อยแค่ไหนในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ยังเป็นการปูทางไปสู่การขายยาทั่วโลก ไม่เพียงแต่เวชภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ COVID-19 แต่ยังรวมไปถึงยาชนิดอื่นๆ ในอนาคต
นอกจากนี้บางส่วนยังมองว่า นี่เป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ หลังจากที่ผ่านมาจีนถูกโจมตีว่าเป็นประเทศที่ต้นเหตุของโรคระบาด COVID-19 ที่ยังคงสร้างความเสียหายให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิงจาก
https://www.scmp.com/…/chinese-authorities-must-try…
https://www.bbc.com/news/world-asia-china-55212787
https://www.cnbc.com/…/brazil-suspends-trials-of-china…
https://www.nytimes.com/…/sinovac-covid-19-vaccine.html
https://www.nytimes.com/…/turkey-brazil-sinovac…
https://qz.com/…/indonesia-is-a-major-front-in-chinas…/
https://www.bbc.com/thai/international-54887690
https://www.prachachat.net/world-news/news-587745
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/914291