“เด็กที่นี่ไม่มีความฝัน เพราะว่าเค้ามองภาพอะไรไม่ออก หมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครเรียนจบถึง ม.ต้น เลยสักคน เค้านึกจินตนาการไม่ออกว่า ถ้าไปเรียนต่อมันจะเป็นยังไง เนื่องด้วยที่นี่เขาไม่ได้ดูทีวี ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต”
ข้อความนี้คือเสียงจาก ครูเจตน์ สนธิคุณ ที่ทำหน้าที่สอนหนังสือให้กับเด็กๆ ประจำหมู่บ้านแม่เกิบ อำเภอ อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่ปรากฎอยู่ในคลิปชื่อ ‘สุขสันต์วันเด็ก พิมรี่พายจัดใหญ่ให้น้องบนดอยสูง’ จาก ‘พิมรี่พาย’
หลังจากคลิปนี้ถูกเผแยแพร่ออกมา ทำให้เกิด hashtag #พิมรี่พาย ซึ่งติดเทรนด์ในโลกทวิตเตอร์อย่างต่อเนื่อง และเกิดบทสนทนาว่าด้วย ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นกับสังคมบนดอยสูง
1. คลิปนี้ชื่อ ‘สุขสันต์วันเด็ก พิมรี่พายจัดใหญ่ให้น้องบนดอยสูง’ โดยพิมรี่พายได้นำทีมงานขึ้นไปบนหมู่บ้านแม่เกิบ เพื่อช่วยเหลือให้คุณภาพชีวิตของเด็กๆ บนหมู่บ้านดียิ่งขึ้น
2. สิ่งที่ปรากฎผ่านคลิปนี้คือ ไม่เพียงแค่เด็กๆ แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีทีวีใช้ ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต เด็กๆ หลายคนยังขาดเครื่องอุปโภคบริโภคที่ดี ไม่มีรองเท้าใส่ บางบ้านทำอาหารด้วยวัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง เช่น ผงชูรส พริก และเกลือ นอกจากนี้ ครูยังบอกด้วยว่า เด็กๆ หลายคนต้องอาบน้ำทั้งเสื้อผ้าเพราะจะได้ไม่ต้องซักทีหลัง
3. พิมรี่พายบอกในคลิปว่า จากการขึ้นมาบนหมู่บ้านนี้ ทำให้พบว่าต้องช่วยเหลือเด็กๆ และคนในหมู่บ้านอย่างจริงจัง “ต้องอัดเท่าที่อัดได้ เราเอาไฟมาติด เราเอาทีวีมาให้ดู จะได้รู้ว่าอยากเป็นอะไร เอาแบบที่มาเปิดแล้วเราลงไปข้างล่างแล้วเค้ายังดูได้อยู่” พิมพูดในคลิป
4. นอกจากนี้ พิมยังพูดว่า เต็มใจที่จะเสียเงินหลายแสนบาท เพื่อสร้างโซลาร์เซลล์ ให้เด็กๆ ได้มีไฟที่สามารถอ่านหนังสือตอนกลางคืนได้ รวมถึงให้หมู่บ้านนี้มีไฟฟ้าใช้
“ทำพี่ เดี๋ยวพิมกลับไปขายของ” คือคำพูดของพิมที่ยืนยันว่าจะต้องช่วยเหลือหมู่บ้านนี้ให้ได้
5. หลังจากนั้น พิมก็กลับมาที่หมู่บ้านนี้อีกครั้ง พร้อมกับทีมงานที่ช่วยสร้างโซลาร์เซลล์ให้กับหมู่บ้าน เดินสายระบบไฟฟ้า รวมถึงนำทีวีขึ้นมาให้เด็กๆ ได้ดูเพื่อที่จะสามารถค้นหาความฝันของตัวเองได้
“ข้างล่างมีวันเด็ก ข้างบนก็มีวันเด็กเหมือนกัน” พิมพูด
6. สิ่งที่สร้างความตกใจให้กับผู้คนในโลกออนไลน์คือ คำตอบรับจากเด็กๆ ในหมู่บ้าน หลังจากที่ถามว่าเด็กๆ รู้ไหมว่าสิ่งนี้ (ทีวี) คืออะไร คำตอบที่ได้จากเด็กๆ คือความเงียบงัน
7. หลังจากคลิปนี้เผยแพร่ออกไป ก็ได้เกิด hashtag #พิมรี่พาย ที่ติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ และสร้างบทสทนาในหลายประเด็น โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมไทยผ่าน hashtag นี้ เช่น
-การที่เด็กๆ บนดอยไม่สามารถเข้าถึง ‘คุณภาพชีวิตที่ดี’ ทั้งเรื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงการศึกษาที่เข้าไม่ถึงพวกเขา **ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ของรัฐ**
-มีคนที่เสนอประเด็นว่า สิ่งที่จำเป็นต่อเด็กๆ บนดอยมากที่สุด อาจไม่ใช่แค่เรื่องชุดนักเรียนแบบที่มีการส่งขึ้นไปกันบ่อยๆ แต่สิ่งสำคัญยิ่งไปกว่านั้น มันคือการพัฒนาโดยรัฐ ที่ต้องทำให้ความเหลื่อมล้ำหายไป ทำให้ทุกคนบนดอยเข้าถึงทรัพยากร ระบบสาธารณูปโภค และการศึกษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้
-คำถามคือในขณะที่คนทั่วไปมองเห็นสิ่งนี้และเข้าไปช่วยเหลือด้วยตัวเอง แต่ภาครัฐที่ควรทำหน้าที่นี้มากที่สุด ได้เข้าไปร่วมแก้ไขปัญหาแบบนี้มากแค่ไหน สิ่งสำคัญคือการที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันกดดันรัฐต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ปล่อยให้เด็กๆ ที่ไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว
-มีคนที่เสนอว่า แม้เจ้าหน้าที่หลายคนจะมองเห็นปัญหาและพยายามแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำบนดอยที่ห่างไกลจากเมือง แต่อุปสรรคสำคัญคือ ‘ระบบราชการ’ ที่มีขั้นตอนมากมาย บางครั้งเสนอเรื่องไปแล้วก็ถูกปัดตกจากข้างบน ทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้ยาก
8. ก่อนหน้านี้เว็บไซต์ Chiangmai News ได้รายงานถึงงานวิจัยจาก ‘คณะทำงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับครัวเรือนแบบบูรณาการเชิงพื้นที่’ ในประเด็นว่าด้วย สภาพปัญหาความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (ลำพูน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง) ซึ่งพบข้อมูลว่า อำเภอ อมก๋อย เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เผชิญปัญหาความยากจน และปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิตมากที่สุด
อ้างอิงจาก
https://www.youtube.com/watch?v=nAkBXvUA-gM
https://twitter.com/…/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8…
https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1418399/
https://www.researchgate.net/…/330684695…
#Recap #ความเหลื่อมล้ำ #TheMATTER