จะได้รับวัคซีนไหม แล้ววัคซีนที่ไหนมีประสิทธิภาพสุด? ญี่ปุ่นตัดปัญหาข้อสงสัยเหล่านี้ด้วยการกระจายการสั่งวัคซีนจากองค์กรต่างๆ และพยายามสั่งให้มากที่สุด ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด รัฐบาลได้จองวัคซีน COVID-19 จากบริษัท Pfizer เพิ่มอีก สำหรับประชากร 12 ล้านคน ทำให้ตอนนี้ญี่ปุ่นมียอดสั่งจองวัคซีนสูงกว่าจำนวนประชากรราวๆ 30 ล้านคน
ตามนโยบายของรัฐบาล ญี่ปุ่นได้กระจายการสั่งซื้อวัคซีนจากองค์กรต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงในระหว่างที่การทดสอบยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้จองวัคซีนจาก Pfizer สำหรับประชากร 60 ล้านคน, วัคซีนจาก AstraZeneca สำหรับประชากร 60 ล้านคน และวัคซีนจาก Moderna สำหรับประชากร 25 ล้านคน จากจำนวนทั้งหมดรวมกับวัคซีนจาก Pfizer ที่เพิ่งสั่งเพิ่มสำหรับ 12 ล้านคน เท่ากับว่า ญี่ปุ่นมียอดจองวัคซีนสำหรับประชากรราวๆ 157 ล้านคน ขณะที่จำนวนประชากรที่แท้จริงของญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 126.5 ล้าน (ตัวเลขปี ค.ศ. 2018)
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังมีข้อกำหนดอีกว่า จะฉีดวัคซีนให้เฉพาะประชากรที่มีอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไปเท่านั้น โดยประชากรที่มีอายุเกิน 15 ปีของญี่ปุ่น มีอยู่ประมาณ 90 ล้านคน ซึ่งหากรวมจำนวนยอดจองวัคซีนทั้งหมด เทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน เท่ากับว่าญี่ปุ่นจองวัคซีนมาเกินราวๆ 70 ล้านคนเลยทีเดียว
เนื่องด้วย ขณะนี้ Pfizer เป็นบริษัทเดียวที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของญี่ปุ่น และคาดว่าจะได้รับอนุญาตให้สามารถฉีดได้ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ญี่ปุ่นจึงเร่งสั่งวัคซีนเพิ่ม เพื่อให้ภายในครึ่งปีนี้ ญี่ปุ่นจะสามารถฉีดวัคซีน Pfizer ให้ประชากรครึ่งหนึ่งของประเทศได้สำเร็จ
ในระหว่างการประชุมใหญ่สภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ (Yoshihide Suga) กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถเริ่มต้นฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว เพราะนอกจากการแพร่ระบาดของ COVOD-19 จะส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ และความมั่นคง มันยังส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของคนในประเทศด้วย
แม้ที่ผ่านมาญี่ปุ่นจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการรับมือ COVID-19 ที่เน้นความประนีประนอม มากกว่าจะใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ในส่วนของการจัดสรรวัคซีนให้ประชาชนในประเทศ ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าดำเนินการอย่างรวดเร็ว และมีความพร้อมมากที่สุด
อ้างอิงจาก
https://www.blognone.com/node/120731
#Brief #TheMATTER