เป็นเวลาหลายปี ที่ทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกับประเด็นเรื่องโลกร้อน และปัญหาขยะที่ส่งผลเสียกับสิ่งแวดล้อม นักออกแบบชาวไอซ์แลนด์คนหนึ่ง จึงนำชิ้นส่วนของสัตว์ที่เหลือจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ มาเปลี่ยนเป็นวัสดุของใช้ ที่สามารถย่อยสลายได้ และไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม
วาลดิส สเตรนาสโดเทียร์ (Valdís Steinarsdóttir) นักออกแบบหญิงชาวไอซ์แลนด์ พยายามหามองหาโอกาสในการนำขยะที่เหลือจากโรงงานฆ่าสัตว์กลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง เธอจึงนำกระดูกของสัตว์มาบดเป็นผง ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นแจกัน และจานชามสุดคลาสสิก ขณะที่หนังสัตว์ ถูกนำมาเปลี่ยนเป็นพลาสติกห่อบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุเนื้อสัตว์ชนิดเดียวกัน
เธอเปิดเผยว่า ของใช้จากชิ้นส่วนของสัตว์นั้นสามารถละลายในน้ำร้อน และย่อยสลายภายในไม่กี่สัปดาห์ อีกทั้งหากสัตว์บังเอิญมากิน ก็ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของพวกมันด้วย
วาลดิส พูดถึงการสร้างภาชนะจากกระดูกสัตว์ว่าเธอได้ไอเดียมาจากการทำไม้ MDF หรือ ไม้ที่สร้างจากแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง ซึ่งทำโดยการนำเส้นใบของไม้มาผสมกับกาวสังเคราะห์ และสารยึดเรซิน เมื่อเธอศึกษากระบวนการทำไม้แล้ว เธอจึงสร้างกาวสำหรับยึดเกาะภาชนะใส่ของจากระดูกขึ้นมาใหม่ โดยใส่กระดูกลงในสารสกัดจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว จากนั้นนำไปต้มเพื่อสกัดเป็นเจลลาติน
“เมื่อเนื้อภาชนะอยู่ในรูปแบบของเหลวอย่างเจลลาติน จะทำให้สามารถปั้นภาชนะออกมาเป็นรูปทรงต่างๆ ที่ต้องการได้ และเมื่อเซรามิกแห้งสนิทมันจะมีความแข็งแรง และทนทาน เราสามารถมาตกแต่งรูปแบบภายหลังด้วยการเจาะ, เลื่อย หรือเลเซอร์ได้โดยที่มันไม่แตก” วาลดิส อธิบาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยภาชนะ และวัสดุต่างๆ ของเธอทำขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ว่ามันจะสามารถละลาย และย่อยสลายได้ ดังนั้น พวกมันจึงไม่สามารถทนทานต่อน้ำร้อนได้ และแน่นอนว่าไม่สามารถกันน้ำอุณหภูมิปกติได้เช่นกัน
สำหรับอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจคือ พลาสติกชีวภาพสำหรับห่อบรรจุภัณฑ์ วาลดิสอธิบายว่า เธอนำหนังสัตว์ไปต้มเพื่อสกัดเป็นเจลลาติน แต่ระหว่างทดลองเธอพบว่า หากต้มด้วยกรรมวิธีปกติ แผ่นพลาสติกชีวภาพจะไม่ยืดหยุ่น และไม่สามารถใช้งานได้ดีเหมือนพลากติกทั่วไป ดังนั้น วาลดิสจึงทดลองผสมน้ำตาลแอลกอฮอล์ลงไปในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้แผ่นพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นหลายระดับ
อย่างไรก็ถาม แผ่นพลาสติกชีวภาพของเธอถูกตั้งคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากมันหมดอายุ วาลดิส กล่าวว่านั่นเป็นความตั้งใจของเธอ เธอต้องการให้แผ่นพลาสติกมีวันหมดอายุ เพราะนอกจากมันจะเป็นไปตามกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ มันยังบ่งบอกถึงความสดของเนื้อที่อยู่ด้านในได้ด้วย เนื่องด้วย ห่อบรรจุภัณฑ์จะย่อยสลายลงในไม่กี่สัปดาห์ ดังนั้นหากมันเปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนรูปแบบไป แสดงว่าผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านในไม่ได้สดใหม่เท่าที่ควร
แน่นอนว่า หลังจากที่เธอเปิดตัวผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนของสัตว์ หลายคนกลับมองว่า กระบวนการเหล่านี้จะเป็นการเพิ่มปริมาณการฆ่าสัตว์เพื่อนำชิ้นส่วนมาใช้หรือไม่ วาลดิส กล่าวว่า จุดประสงค์ของโครงการนี้คือการเปลี่ยนสิ่งของเหลือใช้ ให้กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ นอกจากมันจะช่วยลดการปริมาณขยะชีวภาพโดยไม่จำเป็น มันยังเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อเพิ่มศักยภาพของสิ่งนั้นๆ ด้วย
อ้างอิงจาก
https://www.dezeen.com/2021/01/27/valdis-steinarsdottir-food-packaging-vessels-animal-skin-bones/
https://www.surfacemag.com/articles/valdis-steinarsdottir-designer-day/
#Brief #TheMATTER