หากใครที่ชอบติดตามเหตุการณ์ปริศนา น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของคดีดยัตลอฟ และปริศนาการเสียชีวิตของนักเดินเขาเก้ารายกันมาบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง โค้ดจากอนิเมชั่นเรื่องดังอย่าง ‘Frozen’ จะมีส่วนช่วยในการไขคดีที่มีอายุยาวนานถึง 62 ปี
Dyatlov Pass Incident หรือคดีปริศนาแห่งเขาดยัตลอฟ ซึ่งถูกตั้งชื่อตามผู้เสียชีวิต เป็นอีกหนึ่งคดีที่สร้างความพิศวงให้กับชาวโลกมาก เพราะแม้จะผ่านมากว่า 62 ปี แต่ก็ยังไม่มีใครระบุสาเหตุการตายของนักเดินทางทั้งเก้าคนได้โดยปราศจากข้อสงสัย แต่ก็ไม่สามารถชี้ตัวคนร้ายได้ด้วยเช่นกัน
ล่าสุด เว็บไซต์ National Geographic ได้เปิดเผยว่า วิศวกรคนหนึ่งพยายามไขปริศนาคดีนี้อีกครั้ง ด้วยการนำเอาโค้ดสร้างอนิเมชั่นจากภาพยนตร์เรื่อง Frozen มาใช้ เพื่อมาพิสูจน์ทฤษฎีหิมะถล่ม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้นักเดินทางทั้งเก้าเสียชีวิต
แม้ว่าเมื่อปี ค.ศ.2019 จะมีนักวิจัยสรุปแล้วว่า หิมะถล่มเป็นผู้ร้ายในคดีนี้ แต่หลายคนมองว่าทฤษฎีหิมะถล่มที่ถูกหยิบมาพิจารณาครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1959 ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก เนื่องจากจุดตั้งแคมป์ของกลุ่มนักเดินเขา ตั้งอยู่ในส่วนที่มีความลาดชันน้อย รวมถึงความลาดเอียงก็ไม่เพียงพอที่หิมะจะถล่มลงมาทับได้
นอกจากนี้ เมื่อดูจากผลการชันสูตรจะพบว่า ผู้เสียชีวิตมีลักษณะอาการบาดเจ็บจากบาดแผล และความเสียหายของเนื้อเยื่อบางส่วน ซึ่งเป็นลักษณะที่ผิดไปจากอาการของผู้เสียชีวิตจากการโดนหิมะถล่มใส่ ที่ส่วนใหญ่มักจะขาดอากาศหายใจ
สำหรับจุดเริ่มต้นที่มีการหยิบเอาโค้ดจาก Frozen มาวิเคราะห์ เกิดขึ้นหลังโยฮาน กาว์ม (Johan Gaume) หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการจำลองสถานการณ์หิมะ และหิมะถล่ม (Snow Avalanche Simulation Laboratory) ได้ดูภาพเคลื่อนไหวของหิมะในภาพยนตร์เรื่อง Frozen ซึ่งมันทำให้เขาทึ่งอย่างมาก โยฮานจึงติดต่อไปยังนักทำภาพเคลื่อนไหว (Animator) ที่ทำงานกับค่าย Disney เพื่อขอโค้ดอนิเมชั่นของหนังเรื่องดังกล่าว
จากนั้น โยฮานเดินทางไปฮอลลีวูด เพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานเกี่ยวกับเอฟเฟ็กต์หิมะในภาพยนตร์ Frozen จากนั้นเขาจึงทำงานร่วมกับอเล็กซานเดอร์ ปูซริน (Alexander Puzrin) วิศวกรธรณีเทคนิคจาก ETH Zürich ในการปรับเปลี่ยนโค้ดโมเดลจำลองหิมะให้มีความสนุกสนานน้อยลง และโฟกัสไปที่ผลกระทบต่อร่างกายของมนุษย์แทน
ผลของการจำลองโมเดลโค้ดอนิเมชั่น Frozen ขึ้นมาใหม่ แสดงให้เห็นรูปแบบการถล่มของหิมะบนเทือกเขาที่เกิดเหตุ ซึ่งมีความรุนแรงถึงระดับที่สามารถทำให้กระดูกซี่โครงหัก และกะโหลกศีรษะแตกได้เลยทีเดียว ดังนั้น ข้อสรุปเบื้องต้นจึงไม่เปลี่ยนแปลงจากทิศทางเดิมเท่าไหร่นัก
แต่ถึงเช่นนั้น หลายคนก็ยังถกเถียงถึงทฤษฎีอื่นๆ ที่อาจเป็นตัวร้ายในการคร่าชีวิตเหล่านักเดินทางทั้งเก้าคน อาทิ สารกัมมันตรังสี หรือการถูกคนพื้นเมืองทำร้าย ซึ่งสาเหตุที่คำตอบของคดีนี้ยังน่าสงสัย เป็นเพราะว่าร่างของผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยปริศนา
ย้อนกลับไปกว่าครึ่งศตวรรษ เรื่องราวของคดีดยัตลอฟ เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1959 อิกอร์ ดยัตลอฟ (Igor Dyatlov) และเพื่อนอีกเก้าคน ได้ออกเดินทางไปยังเทือกเขาอูราลเหนือ แต่ในระหว่างเดินทาง ยูริ (Yuri) หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมป่วยกระทันหัน เธอจึงกลับบ้าน ขณะที่เพื่อนอีกเก้าคนมุ่งมั่นจะเดินทางต่อไปท่ามกลางอากาศหนาวเย็น และหิมะที่ยังตกมาอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างเดินทางพวกเขาเจอสภาพอากาศที่รุนแรงเกินกว่าจะรับมือไหว จึงตัดสินใจเดินทางกลับ แต่พวกเขาเลือกกลับเส้นทางลัด แทนที่จะเป็นทางเดิม เพื่อหวังจะถึงบ้านเร็วขึ้น แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็กลับไม่ถึง
ข่าวคราวที่เงียบหายไปของนักเดินทางทั้งเก้า ทำให้ยูริกังวลใจ เธอแจ้งหน่วยค้นหา ก่อนที่พวกเขาก็พบค่ายพักของกลุ่มดยัตลอฟซึ่งอยู่ในสภาพยับเยิน เต็นท์มีร่องรอยของการตัดจากภายใน ข้าวของกระจุยกระจาย และพบรอยเท้ามากมายรอบบริเวณ ในที่สุดทีมค้นหาก็เจอร่างนักเดินทาง 2 ศพ สวมใส่เพียงชุดชั้นใน และมีร่องรอยการพยายามปีนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นทีมค้นหาก็พบเพิ่มอีก 3 ศพ ร่างกายไร้บาดแผล สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากความหนาวเย็น
หลังจากนั้น 4 เดือน ทีมค้นหาจึงพบ 4 ศพที่เหลือ ซึ่งถูกฝั่งไว้ใต้หิมะลึกราว 4 เมตร ทั้งหมดแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ากันหนาวปกติ แต่ที่แปลกไปคือ มีการตรวจพบสารกัมมันตรังสีเข้มข้นบนเสื้อผ้า อีกทั้งหลังการชันสูตรยังพบว่าร่างกายของทั้งมีสี่ร่องรอยบอบช้ำอย่างรุนแรง ซี่โครงร้าว กะโหลกแตก และหนึ่งในนั้นลิ้นหายไป รวมถึงเนื้อเยื่อบางส่วนบนใบหน้าก็หายไปด้วย ซึ่งอาจเป็นผลจากกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ
แต่แม้หลักฐานส่วนใหญ่จะชี้ให้เห็นว่า นักเดินทางทั้งหมดเสียชีวิตจากหิมะถล่ม และอากาศหนาวเย็น แต่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าสารกัมมันตรังสีที่ติดอยู่บนเสื้อนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายหรือไม่ แล้วทำไมบางส่วนจึงสวมใส่เพียงชุดชั้นใน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นจัดเช่นนั้น
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.co.uk/news/extra/SoLiOdJyCK/mystery_of_dyatlov_pass
#Brief #TheMATTER