สวัสดีวันแรกของเดือนเมษายน นอกจากจะเป็นเดือนที่ทรมานกับความแสบของแสงแดดฤดูร้อน วันนี้เรายังต้องเผชิญหน้ากับความแสบสันของชาวเน็ต ที่มาครีเอตมุกแผลงๆ เพื่ออำกันใน ‘วันเมษาหน้าโง่’ (April Fools’ Day) อีกด้วย
การโกหกหรือแกล้งกันในวันที่ 1 เมษายน เป็นธรรมเนียมที่มีมาอย่างช้านาน แต่จุดเริ่มต้นนั้นยังคงคลุมเครือว่าเกิดวันนี้ขึ้นมาได้ยังไง บ้างก็มีทฤษฎีที่เชื่อว่ามาจากสมัยยุคกลาง ที่ผู้คนเข้าใจผิดว่าวันขึ้นปีใหม่คือวันที่ 1 เมษายน จนทำให้พวกเขาถูกเรียกว่า ‘พวกเมษาหน้าโง่’ แต่ไม่ว่าวันนี้จะมีที่มาจากอะไร ที่แน่ๆ มันก็ได้ทำให้เวลาจะอ่านข่าวอะไร เราก็ต้องมานั่งกรองแล้วกรองอีก เพราะไม่รู้ว่าจริงหรือหลอกกันแน่
ในขณะที่หลายคนสนุกสนานกับการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ ปลอมแปลงตัวตน พูดอะไรที่ขัดแย้งกับความเชื่อตัวเอง หรือสารภาพรักกับใครสักคนแล้วตบท้ายด้วย “อะ พูดเล่น หยอกๆ” ก็จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าโซเชียลมีเดียในวันนี้เลย เพราะพวกเขากลัวการถูกแกล้งเอามากๆ ยังไงล่ะ
บนโลกนี้มีโรคกลัว (Phobia) อยู่หลายประเภท กลัวทะเล กลัวกระจก กลัวตัวเลข และ ‘โรคกลัวการถูกแกล้ง’ ก็มีอยู่จริง ซึ่งเราเรียกกันว่า Pharsaphobia อ่านว่า ฟาร์ซาโฟเบีย โดย Pharsa มาจากภาษากรีกที่แปลว่า การแกล้ง (Prank) นั่นเอง
โดยอาการของคนที่เป็นโรคกลัวการถูกแกล้งหรือถูกหลอก พวกเขามักจะ ‘วิตกกังวล’ กับสิ่งที่คนอื่นพูดหรือทำเป็นพิเศษ และรู้สึก ‘ไม่ปลอดภัย’ ที่จะติดต่อกับคนที่ไม่ไว้ใจ โดยสาเหตุอาจเกิดจากประสบการณ์เก่าๆ ที่เคยโดนหลอกมาก่อน จนทำให้เสียความรู้สึก หรืออาจจะไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ใดๆ เลยก็ตาม แต่ด้วยพื้นฐานที่มีอาการวิตกกังวล (Anxiety) อยู่แล้ว จึงทำให้คนที่มีโรคนี้มักจะซ่อนตัวเป็นพิเศษในวันที่ผู้คนออกมาเล่นอะไรแผลงๆ กันอย่างวันเมษาหน้าโง่ ไม่ชอบดูรายการแบบสาระแนโชว์ มักจะถามประโยคที่ว่า “ล้อเล่นปะเนี่ย พูดจริงปะเนี่ย” อยู่บ่อยๆ และเลือกจะติดต่อพูดคุยเฉพาะผู้คนที่เขาไว้ใจว่าจะไม่หลอกกันเท่านั้น
นอกจากนี้ เมษาหน้าโง่ไม่เพียงแต่จะกระตุ้นให้คนที่เป็น Pharsaphobia กระวนกระวายเท่านั้น แต่ยังทริกเกอร์คนที่เป็นโรคกลัวอื่นๆ ด้วย หากมีการกลั่นแกล้งกันในระดับที่รุนแรงหรือทำให้ตกใจกลัว เช่น แกล้งให้ดูคลิปผี แกล้งโยนแมงมุมใส่ หรือแกล้งส่งรูปตัวตลกให้ดู จนทำให้คนๆ นั้นอาจเกิดอาการแพนิก (Panic Attack) ตามมา
แม้โรคนี้จะดูเป็นปัญหา trust issue ทั่วๆ ไป แต่ถ้าหากปล่อยไว้นานก็อาจส่งผลต่อพฤติกรรม ความคิด และการรับรู้ของเราได้ เช่น ไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าพูดคุยกับใคร หรือไม่กล้าเชื่ออะไรเลย แม้ว่าจะยังไม่มีใครมาหลอกหรือแกล้งเราเลยก็ตาม ทำให้เป็นการปิดกั้นโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิตไปด้วย และอาจพัฒนาไปสู่โรคกลัวสังคม (Social Anxiety) ได้
ซึ่งการจะก้าวข้ามความกลัวที่ว่านี้ ทำได้ด้วยการลองไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักจิตบำบัด เพื่อที่จะหาสาเหตุ ทำความเข้าใจกับอาการ และร่วมกันหาทางออก จนในที่สุด เราอาจจะสามารถเอาชนะความกลัวนี้ไปได้ และพร้อมจะกลับมาเชื่อใจใครอย่างมีสติมากขึ้น
พอรู้ว่ามีคนที่กลัวการแกล้งหรือเล่นอะไรแผลงๆ อยู่จริง วันนี้ก็เลยอยากฝากทุกคนว่าถ้าจะแกล้งจะอำอะไรกัน ก็ขอให้แกล้งอยู่บนพื้นฐานของ ‘ความพอดี’ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน อันตราย หรือเกิดความเสียหายถึงแก่ชีวิต และที่สำคัญ อย่ามาแกล้งกับใจเราเลยนะ แง
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://fearof.org/pharsaphobia
https://wellbeingnews.co.uk/…/why-harmless-april-fools…/