หลายต่อหลายคนเริ่มหวาดระแวง ว่าการระบาด COVID-19 รอบล่าสุด โดยเฉพาะคลัสเตอร์ทองหล่อ อาจจะนำมาซึ่งการแพร่ระบาดระยะ 3 (ระยะใหม่อีกรอบ?) ความคิดนี้ตามมากับคำถามที่ว่า แล้วทำไมไทยถึงมีแค่วัคซีน ที่นำเข้ามาโดยรัฐบาล แต่การนำเข้าวัคซีนของเอกชน กลับดูเงียบงันจนน่าใจหาย
จากแถลงการณ์ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 (ศบค.) เมื่อเช้าวานนี้ (7 เมษายน) ระบุว่า ประเทศไทย มีการฉีดวัคซีน COVID-19 รวมทั้งเข็มแรก และเข็มสองจำนวน 323,989 เข็ม คิดเป็น 0.4 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ นำมาซึ่งคำถามที่ตามมาว่า ไทยจะสามารถพึ่งพาแต่การนำเข้า และฉีดวัคซีนจากทางภาครัฐได้หรือไม่
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุเหตุผล ที่เอกชนไม่สามารถนำเข้าวัคซีนเข้ามาเองได้ว่า รัฐบาลแต่ละประเทศ จะต้องรับผิดชอบต่อการนำเข้าวัคซีนเอง บริษัทผู้ผลิตจึงไม่ทำการเจรจากับภาคเอกชน โดยถ้าภาครัฐไม่มีการร้องขอ ก็จะไม่มีการจดขึ้นทะเบียนวัคซีน
นพ.ยง กล่าวว่า วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติในทั่วโลก ณ ขณะนี้ ถูกขึ้นทะเบียนแบบใช้ในภาวะฉุกเฉินเกือบทั้งหมด บริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะไม่รับผิดชอบ กับการเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการไม่พึงประสงค์ หลังการฉีดวัคซีน บริษัทผู้ผลิต จึงต้องการหนังสือรับรองแสดงเจตจำนงจากทางภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐ ในการขออนุญาตขึ้นทะเบียนวัคซีน และนำเข้ามาใช้ในไทย ด้วยวิธีนี้เท่านั้น
ในทำนองเดียวกัน ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยบนข้อความ Twitter ว่า ข้อเสนอในการเปิดวัคซีนเสรีนั้น รัฐบาลไม่ได้ห้าม แต่เกิดจากการที่เอกชนหาวัคซีนเองไม่ได้ ผู้ผลิตวัคซีนหลายรายไม่ยอมขายให้แก่รายย่อย โดยไตรศุลียืนยันว่า หากบริษัทรายใด สามารถติดต่อซื้อขายวัคซีนจากผู้ผลิตเองได้ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็พร้อมจะทำการรับรองวัคซีนให้ ทั้งนี้ แทบทุกประเทศ มีรัฐบาลเป็นผู้จัดหาและนำเข้าวัคซีน และยังไม่มีประเทศใด ที่อนุญาตให้เอกชนซื้อวัคซีนเข้ามาเอง เพื่อใช้ในทางการค้า
ไม่ใช่ว่าไม่มีความพยายามของภาคเอกชน ในการนำเข้าวัคซีน COVID-19 เข้ามาฉีดให้บริการแก่ประชาชน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลแคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า โรงพยาบาลเอกชน เจอปัญหาการขึ้นทะเบียนวัคซีน กับทาง อย. โดยโรงพยาบาลเอกชน ต้องเริ่มต้นใหม่เองทั้งหมด หากเป็นวัคซีนจากบริษัทอื่น ที่ไม่ใช่ AstraZeneca และ Sinovac โดยจะต้องรอเวลาขึ้นทะเบียนนานถึง 4 เดือน
ในทำนองเดียวกัน นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลยื่นข้อเสนอ ที่จะขายวัคซีน COVID-19 ชนิดเดียวกันกับที่จะฉีดให้ประชาชนฟรี ต่อโรงพยาบาลเอกชนอย่างเดียว ซึ่ง นพ.เฉลิม มองว่า อาจจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ เพราะรัฐบาลควรเปิดให้เอกชนนำเข้าวัคซีนเอง เพื่อให้ประชาชนมีตัวเลือกที่หลากหลาย
หลังจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ จากทางโรงพยายาลเอกชน ต่อการทำงานของ อย. นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. ได้ออกมาชี้แจงว่า ภาคเอกชนที่ต้องการนำเข้าวัคซีน จะต้องผ่านกระบวนการยื่นขอเป็นผู้รับอนุญาต ในการนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร และต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีน COVID-19 ของตน เนื่องจากผู้รับอนุญาตนำเข้า ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อคุณภาพ และความปลอดภัยของวัคซีน ที่ตนนำเข้ามา
นพ.ไพศาลกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดประชุม ชี้แจงขั้นตอนการนำเข้า การขึ้นทะเบียน การกระจาย และการให้บริการวัคซีน COVID-19 กับผู้แทนจากภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกลุ่มตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน ไปแล้ว โดยย้ำว่า อย. ได้เปิดช่องทางพิเศษ พร้อมอำนวยสะดวก ในการขึ้นทะเบียนวัคซีน COVID-19 ในทุกเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม หากผู้รับอนุญาตส่งเอกสารครบถ้วน โดยตามกำหนด จะใช้เวลาในการประเมิน และพิจารณาอนุญาตวัคซีนประมาณ 30 วัน
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรม ในฐานะผู้แทนการนำเข้าวัคซีน จะสามารถนำเข้าวัคซีนได้ ภายใต้คำสั่งซื้อของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ฉะนั้นตราบใดที่ประชาชนยังไม่ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ก็จะไม่มีวัคซีนเหลือมาขายให้กับภาคเอกชน โดยหากมีเอกชนเจ้าใด ต้องการจะนำเข้าวัคซีนเอง โดยจะต้องมาขออนุญาตขึ้นทะเบียน ตนจะเป็นคนไปเร่งรัดกับทาง อย. ในการอนุมัติด้วยตนเอง
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม วัคซีน Johnson & Johnson ได้รับการจดทะเบียนในไทย โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด เป็นผู้ยื่นขอการอนุมัติ ก่อนที่ อนุทิน จะออกมาเปิดเผยหลังจากอนุมัติดังกล่าวว่า นี่คือเครื่องยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นการขึ้นทะเบียน และใช้วัคซีนของบริษัทอื่น ทั้งนี้ วัคซีนของ Johnson & Johnson ยังไม่สามารถนำมาฉีดให้แก่ประชาชนได้ เนื่องจากทาง อย. อนุมัติให้ใช้ได้แค่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น
สามวันต่อมา 28 มีนาคม กระทรวงสาธารณสุข ออกแถลงการณ์ห้าม ไม่ให้โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดรับสั่งจองวัคซีน COVID-19 และสั่งดำเนินคดีกับโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มีการอนุมัติใช้วัคซีนชนิดอื่นในไทย ที่ทางโรงพยาบาลเอกชนได้โฆษณาเอาไว้ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและค่าใช้จ่าย ในการโฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับสถานพยาบาล ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา
กระทรวงสาธารณสุข ยังได้แถลงอีกว่า กระทรวงยังไม่อนุญาตให้สถานพยาบาลทุกสังกัด รวมถึงเอกชน เปิดให้ประชาชนจองวัคซีนในทุกกรณี เนื่องจากยังอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน หากประชาชนพบเห็นการโฆษณาขอให้นำหลักฐานแจ้งมายังกระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่สถานพยาบาลตั้งอยู่ทันที เพื่อป้องกันประชาชนหลงเชื่อ
ล่าสุด 7 เมษายน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดจากคลัสเตอร์ทองหล่อ โดยมีใจความท่อนหนึ่งกล่าวถึงการนำเข้าวัคซีนของเอกชนว่า ไทยมีแผนการรับวัคซีนจาก AstraZeneca ล็อตใหญ่ในช่วงเดือนมิถุนายน อนุทินในฐานะรัฐมนตีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถจัดหาวัคซีนชนิดอื่น เพื่อฉีดให้แก่ประชาชนก่อนได้หรือไม่ เพราะยิ่งการฉีดล่าช้าออกไป ก็จะยิ่งส่งผลต่อปัญหาปากท้อง การว่างงาน และหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
วิโรจน์ ได้ถามไปยังอนุทินอีกว่า วัคซีนที่มีโอกาสจะจัดซื้อ และเร่งการส่งมอบได้มากที่สุด น่าจะเป็นวัคซีน Sinovac ซึ่งตามข่าว เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ที่อนุทินได้แจ้งให้กับสื่อมวลชนว่า กำลังเจรจาจัดซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมอีก 5 ล้านโด๊ส จึงอยากถามอนุทินว่า การจัดซื้อนี้ สามารถเร่งการส่งมอบภายในเดือนเมษายน หรือเดือนพฤษภาคมได้หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องรอวัคซีนจาก AstraZeneca ในเดือนมิถุนายนอย่างเดียว
วิโรจน์กล่าวปิดท้ายไปยังอนุทินว่า “ผมขอเรียกร้อง ให้นายอนุทินชี้แจงให้กับประชาชนได้รับทราบ และย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าไม่สามารถบริหารงานราชการให้จัดหา และจัดฉีดวัคซีนให้เร็วกว่านี้ได้จริงๆ ผมคิดว่าอย่ายื้อ ยอมให้เอกชนเข้ามาร่วมจัดหาและจัดฉีดวัคซีนได้แล้ว อย่ากลัวเสียหน้า ชีวิตและปากท้องของประชาชน 67 ล้านคน สำคัญกว่ามาก”
อ้างอิงจาก
https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/143525
https://www.thairath.co.th/news/politic/2057356
https://www.facebook.com/yong.poovorawan/posts/5344163615626212
https://twitter.com/ttraisuree/status/1379765747593842691?s=20
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2629402
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6289011
#Explainer #TheMATTER #วัคซีนเสรี