อดอาหารประท้วง หนึ่งในวิธีการเรียกร้องด้วยสันติวิธีซึ่งมีนักเคลื่อนไหวนำมาใช้ในหลายๆ สถานการณ์ โดยตอนนี้ เพนกวิน พริษฐ์ และรุ้ง ปนัสยา แกนนำคณะราษฎร ผู้ต้องขังคดี ม.112 จากการชุมนุม 19 กันยา ก็ได้อดอาหารเรียกร้องสิทธิประกันตัว ซึ่งวันนี้ ถือว่าครบ 1 เดือน หรือ 30 วัน ที่เพนกวินประกาศประท้วงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการอดอาหาร ขณะที่รุ้งเอง ก็อดอาหารมาถึงวันที่ 16 แล้ว หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประกันตัว และการต่อสู้คดี
เพนกวิน ประกาศอดอดหารในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา หลังศาลอาญาได้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้ และยกระดับหลังอดอาหารในวันที่ 8 จากการประทังชีวิตด้วยน้ำ นม และน้ำหวาน เหลือเพียงน้ำเปล่า และเกลือแร่เท่านั้น โดยจากบันทึกของทนาย อาการของเพนกวินหลังเริ่มอดอาหารนั้น มีอาการอ่อนล้า เหนื่อยมากขึ้น ง่วงนอน อ่อนเพลีย เคลื่อนไหวได้ช้าลง และต้องนั่งรถเข็น โดยมีสายน้ำเกลือดังภาพที่ปรากฏเวลาเดินทางจากเรือนจำมายังศาล
ในช่วงสงกรานต์ที่เป็นวันครอบครัว แม่สุรีรัตย์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวินเล่าให้ The MATTER ว่า ครอบครัวของเธอไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน และน้องสาวของเพนกวิน ได้ตัดสินใจ อดอาหารในช่วงเทศกาลนี้ ไปพร้อมๆ กับพี่ชาย เนื่องจากคิดถึงพี่ชาย จากสัปดาห์ก่อน ที่น้องสาวเริ่มอดสัปดาห์ละ 1 วัน ซึ่งสำหรับการพบเจอเพนกวินนั้น คุณแม่เล่าว่า ได้เจอล่าสุดคือวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา แต่เขาก็ไม่ให้ครอบครัวเข้าตึก หรือพูดคุย
“วันนั้น ทนายบอกจะไปขออนุญาตศาลให้ผู้ปกครองเข้า เราก็นั่งรอกับพื้นอย่างเงียบๆ จนตอนหลังรู้ว่า ทนายไปขอหลายรอบ ศาลก็ไม่อนุญาตให้แม่เข้าไปพบ พอน้องๆ รวมถึงกวินเข้ามา เขาก็กันไม่ให้ทักทายผู้ปกครอง รีบเอาตัวเข้าไปในห้อง ทุกคนโดนเหมือนกันหมด เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ทนายน่าจะขอให้เข้าไปเจอได้อย่างน้อย 15 นาที เพราะครั้งก่อนศาลท่านยังให้ ทั้งครั้งนี้ไม่ใช่การพิสูจน์หลักฐาน เป็นการพิจารณาคดีด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้า”
“เพนกวินยังอยู่บนรถเข็นที่มีน้ำเกลือตลอด มีครั้งนึงเราพยายามขอยื่นมือไปจับแขนลูก แขนลูกเย็นมาก หลังจากนั้นเราเลยขออนุญาตขอจับเท้าน้อง เพราะไม่รู้ว่าเท้าเย็นด้วยไหม พอยื่นมือไป เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ได้ เราก็ถามว่า อย่างนั้นจับให้เราได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่ได้ เดี๋ยวติดโควิด เขาก็ไม่ให้ทำ ตอนนั้นเพนกวินก็เอาขาลงจากเก้าอี้ ไม่ยอมให้เข็นเข้าไป เราก็บอกลูกว่า ไม่เป็นไร เพราะคิดว่าเดี๋ยวศาลก็อนุญาตให้เข้าไปได้ เดี๋ยวแม่ตามเข้าไป แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ตามลูกเข้าไป แม้วันนั้นเราจะไม่โต้เถียง แต่เขาก็ไม่เมตตาเรา”
ระหว่างการอดอาหาร มีข้อมูลว่าเพนกวินนั้นผอมลง และน้ำหนักลดลงไป แม่สุเองก็บอกว่า ตอนนี้ น้ำหนักเพนกวินลงไปมากกว่า 10 กิโลฯ และอาจจะเฉียด 20 กิโลฯ แล้ว “วันนั้นที่มีข่าวไม่ดี ที่มีคนปล่อยข่าว มีรูปน้องนอนบนเตียง มีพระสวด แม่ก็อยู่ไม่ได้ ก็ไปที่เรือนจำ มันเป็นวันหยุดสงกรานต์ แม่ก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าป้องกันคนเข้าใจผิด ขออนุญาตให้ราชฑัณฑ์อัพเดทข่าวลูกเราหน่อย เพื่อให้คนข้างนอกมีความมั่นใจ เขาจึงยอม ราชทัณฑ์ก็ยืนยันกับเราว่าเพนกวินยังปกติ ปลอดภัยดี เราก็เชื่อมั่นในคำพูดของเขานะ และเขาเองก็ยังบอกว่าชั่งน้ำหนักแล้ว วันนั้นก็ลดลงไปอีกกิโลกว่า คือมันลงเรื่อยๆ เพราะเขาไม่ได้ทานอะไร และรูปทรงหน้าเขา แม้เขาจะใส่หน้ากาก แต่ถ้าใครเห็นก็จะรู้เลยว่า เพนกวินเปลี่ยนไป ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด”
สำหรับเพนกวินที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่นั้น คุณแม่ก็ชี้ว่า การไม่ได้ประกันตัวส่งผลต่อการเรียนของลูกชาย “เราเจออาจารย์ของกวิน เขาก็บอกว่าเปิดสงกรานต์มาก็ใกล้สอบไฟนอลแล้ว เท่ากับเทอมนี้เพนกวินน่าจะไม่ได้เรียน แม่คงต้องไปทำเรื่องดร็อปด้วย เพราะวิชาที่ลูกเรียนไม่ใช่แค่อ่านแล้วสอบจากในคุกได้อย่างเดียว เพราะมีคะแนนเก็บเข้าเรียน สอบย่อย งานกลุ่ม ซึ่งเพนกวินได้ศูนย์หมด ก็ไม่รู้จะสอบไฟนอลได้ไหม หนังสือเรียนที่ส่งเข้าไปเขาก็เข้มงวดมากๆ แม่ก็คิดว่าเขาอาจจะไม่ได้สอบ”
สำหรับรุ้ง ปนัสยาเอง เธอเริ่มอดอาหารวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา โดยจะเริ่มจากการรับประทานวันละมื้อ และลดลงเหลือรับประทานแค่ของเหลว อย่างน้ำ นม และสารอาหาร ซึ่งเช่นเดียวกับแม่สุ เมย์ เมธาวี สิทธิจิรวัฒนกุล พี่สาวของรุ้งก็ได้พบน้องสาวล่าสุดในวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา และไม่ได้เข้าไปเจอน้องเช่นเดียวกัน เพราะการไม่อนุญาตให้ครอบครัวเข้าห้องพิจารณาคดี “ล่าสุดที่เห็น รุ้งดูผอมลง ซูบลง แต่ยังมีเรี่ยวแรงเดินได้อยู่ มีอาการเจ็บเท้า ขากะเผลก แม้หน้าตาซูบลง แต่ก็ยังมีกำลังใจดีอยู่” เมย์เล่าให้เราฟัง
นอกจากตัวรุ้งเอง เมย์ก็ได้เริ่มอดอาหารไปพร้อมๆ กับน้องสาวด้วย โดยเธอเล่าว่าที่อดอาหารไม่ได้เพื่อประท้วง แต่เพื่อจะรับรู้สถานการณ์ของน้อง “พอน้องรุ้งตัดสินใจอดอาหาร เราไม่รู้ว่าวันไหนน้องเขาจะไหว หรือไม่ไหว จะมีอาการยังไง ไปถึงขีดจำกัดแค่ไหน เราเลยตัดสินใจว่า ถ้าน้องอด พี่เมย์ก็จะอดด้วย เพื่อจะดูว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างไร ปวดท้องไหม อ่อนเพลียหรือเปล่า เราจะได้รับรู้ว่าน้องยังไหวนะ มีแรงอยู่ หรือวันนี้เริ่มเวียนหัว”
“ตอนนี้ เมย์ก็ยังไหวอยู่ แต่การอดอาหารข้างนอกกับข้างในมันไม่เหมือนกัน อย่างเราอยู่ในบ้าน ในห้องแอร์ มีน้ำ น้ำหวานตลอดเวลา เราจะจิบเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เราไม่รู้ว่าน้องจะมีช่วงทานอาหารเป็นช่วงๆ หรือเปล่า แล้วอยู่ในนั้นเป็นห้องพัดลม ในช่วงหน้าร้อน ห้องก็แคบๆ มันจะทำให้เขามีความอ่อนแรงมากขึ้นหรือเปล่า อย่างเมย์อด มันก็มีช่วงที่เรารู้สึกไม่ไหว แต่เราก็คิดว่าถ้าเรายังไม่ไหว น้องต้องไม่ไหวก่อนหน้าเราแล้วแน่เลย เพราะในเรือนจำลำบากกว่าเราเยอะ”
สำหรับการใช้วิธีอดอาหาร ทั้งเมย์ และแม่สุต่างมองว่า ผู้มีอำนาจไม่ได้หันมาสนใจ หรือมีการกระทำใดๆ เลย แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของน้องสาว และลูกชาย “จริงๆ เราไม่ได้สนับสนุนการอดอาหาร แต่มันด้วยความที่เขาจะแสดงการต่อสู้ และการอยู่ในนั้นมันไม่สามารถจะแสดงออกอะไรได้มาก เขาถึงเลือกวิธีนี้ ที่เป็นการประท้วงสันติวิธี จริงๆ มันยากที่จะได้รับความเห็นใจอยู่แล้ว เพราะเขาก็ไม่ได้มาสนใจเรา เราก็อยากให้เขาหยุดนะ เพื่อรักษาร่างกายตัวเอง แต่ก็อยู่ที่ตัวของพวกเขาเหมือนกัน” โดยเมย์บอกอีกว่า ตอนนี้เธอก็ยังคงตั้งใจอดอาหารไปพร้อมๆ กับน้องเรื่อยๆ เพื่อดูสภาพร่างกายของน้อง จนกว่าร่างกายตนจะไม่ไหวจริงๆ ก็จะกลับมาทานอาหาร
ขณะที่แม่สุ พูดถึงความตั้งใจของลูกชายในการอดอาหารว่า “เขามุ่งมั่นมากเลย มีจิตใจที่เข้มแข็งมาก แล้วเขายึดถือในอุดมการณ์ของเขามาก ทั้งๆ ที่อยู่ในนั้นก็ลำบากอยู่แล้ว แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะแสดงจุดยืน ใช้ร่างกายตัวเอง คนอื่นไม่เดือดร้อน ทำด้วยตัวเองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้เขา และเพื่อนๆ แม่ก็ว่ามันเป็นสันติวิธีของเขา ตอนแรกแม่ก็คิดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นในความตั้งใจ และมีการแสดงออกที่ดีขึ้นได้ แต่ปรากฏก็ยังไม่มีแอคชั่นอะไรเลย ทั้งๆ ที่เด็กๆ ทำขนาดนี้”
โดยหลังจากเทศกาลสงกรานต์ ทนายจะสามารถเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้อีกครั้งในวันที่ 16 เมษายนนี้ ซึ่งทั้งสองก็บอกเราว่า ต่างก็รอคอยที่จะได้รับการอัพเดทเรื่องราวของลูกชาย และน้องสาว
นอกจากการประท้วงของ 2 แกนนำในการอดอาหารเพื่อให้ได้รับสิทธิการประกันตัวแล้ว ข้างนอกก็มีกิจกรรม ยืน หยุด ขัง 112 นาที หน้าศาลฎีกา ของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ รวมถึงในจังหวัดต่างๆ ซึ่งจัดมา 23 วันแล้ว และเมื่อวานนี้ (13 เมษายน) คณะราษมัม หรือแม่ๆ และครอบครัวของผู้ต้องขังก็ได้เข้าร่วมด้วย โดยแม่สุ ได้เสริมว่า กลุ่มแม่ๆ ได้เตรียมทำแคมเปญเช่นกัน กับกิจกรรม ยืน 112 นาที หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทุกๆ วันเสาร์ เพื่อให้ลูกๆ และครอบครัวได้รับสิทธิประกันตัว โดยจะเริ่มวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ เป็นครั้งแรก