แม้ว่าหน้ากระดานข่าวจะหนาแน่นไปด้วยความผันผวนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี แต่ตลาดหุ้นไทยก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในช่วงราวสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ หลังจากที่บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) สำหรับผู้จองซื้อรายย่อย ในราคา 34-36.50 บาทต่อหุ้น
.
เป็นมูฟที่น่าจับตา เพราะมีการขายหุ้น small lot first ทำให้คนรายย่อยมีโอกาสเป็นเจ้าของเช่นเดียวกันกับหุ้น OR ของ ปตท.
.
ขณะเดียวกัน ด้วยตัวธุรกิจของเงินติดล้อเองก็ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจจะเข้ามาร่วมวงเป็นเจ้าของร่วมค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและท่าทางจะโตไปได้สวยในช่วงวิกฤติแบบนี้
.
เงินติดล้อทำอะไรบ้าง? หากพูดคร่าวๆ พวกเขามีธุรกิจแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ ‘สินเชื่อรถยนต์ที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน’ และอีกส่วนคือ ‘นายหน้าธุรกิจประกัน’
.
ปัจจุบันมูลค่าพอร์ตสินเชื่อของเงินติดล้ออยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งรถยนต์ที่ถูกนำมาเป็นหลักประกันมากที่สุดคือรถยนต์ 4 ล้อ มากถึง 64% ตามด้วยรถยนต์สองล้อ และรถยนต์ประเภทอื่นๆ
.
ขณะที่ธุรกิจนายหน้าขายประกันทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิต แต่ส่วนใหญ่ที่ขายดีก็เป็นประกันรถยนต์ ที่อัดจุดขายขวัญใจคนรากหญ้าด้วยการมีประกันให้เลือกเกือบ 20 เจ้าและผ่อนได้นาน 6 เดือน
.
และล่าสุด พวกเขามีโปรดักส์ใหม่คือ บัตรติดล้อ ที่เป็นบัตรกดเงินสดหมุนเวียน ลูกค้าเก่าไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่ และกดเงินออกจากตู้ ATM ของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำที่เป็นคู้ค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
.
เรามาลองส่องดูรายได้ปี พ.ศ.2563 ของพวกเขากันบ้างดีกว่า เงินติดล้อแถลงผลประกอบการปีที่แล้วไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเงินติดล้อ บอกว่า สามปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิย้อนหลัง 3 ปีเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 36%
.
พ.ศ. 2561 มีรายได้รวม 7,569.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,306.2 ล้านบาท
พ.ศ. 2562 มีรายได้รวม 9,457.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,201.7 ล้านบาท
พ.ศ. 2563 มีรายได้รวม 10,558.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,416.1 ล้านบาท
.
ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างในพอร์ตตลอดสามปีที่ผ่านมาก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภายหลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดย
.
พ.ศ. 2561 อยู่ที่ 39,724.1 ล้านบาท
พ.ศ. 2562 อยู่ที่ 47,979.4 ล้านบาท
พ.ศ. 2563 อยู่ที่ 51,331.2 ล้านบาท
.
ดูเหมือนว่าแม้โรคระบาดจะทำให้หลายธุรกิจสั่นคลอน แต่สำหรับธุรกิจของเงินติดล้อดูจะได้รับอานิสงส์
.
ในแง่ฐานลูกค้า เงินติดล้อมีฐานลูกค้าเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของไทย ที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือน มีเงินหมุนเวียนไม่แน่นอน และมีประวัติข้อมูลการเงินจำกัด ส่วนจุดเด่นของธุรกิจคือแบรนด์ดิ้ง ‘เงินติดล้อ’ ที่คุ้นหูรู้จักทั่วไป และมีช่องทางการจำหน่ายหลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีสาขา 1,076 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงเครือข่ายนายหน้าทางโทรศัพท์ และดีลเลอร์อื่นๆ และ TIDLOR ยังมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือธนาคารกรุงศรีอยุธยา
.
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้หุ้นของเงินติดล้อ ที่กำลังจะเปิดให้จองในวันที่ 22 เมษายนนี้ ได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุนสถาบันการเงิน และรายย่อย แต่ก็มีเสียงแตกจากนักลงทุนบางส่วน ที่มองว่าอันที่จริงแม้จะน่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เพราะอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง และกลุ่มลูกค้าคือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีกลุ่มที่ประกอบอาชีพอิสระ รายได้น้อย เป็นผู้ประกอบการรายย่อย เป็นผู้ใช้แรงงาน
.
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 22 เมษายนนี้ เงินติดล้อจะจัดสรรหุ้น 46,500,000 หุ้นให้นักลงทุนรายย่อยได้จับจอง โดยขั้นต่ำจองได้ที่ 1,000 หุ้น ช่วงเสนอขายที่ 34-36.5 บาท และคาดว่าจะเข้าตลาดหุ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ คาดว่าจะทำให้มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 85,000 บาท
.
เป้าหมายการระดมทุนจากการ IPO ครั้งนี้ เงินติดล้อบอกว่า เพื่อลดสัดส่วนหนี้เพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจ และพวกเขามีแผนจะขยายสาขาอีก 500 สาขาภายใน 3 ปี/ อัพเกรดระบบเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันประกัน
.
น่าจับตาเหมือนกันว่าหลังจากเงินติดล้อเข้าตลาดหุ้นแล้ว อุตสาหกรรมสินเชื่อรถยนต์และประกันต่างๆ จะแข่งขันดุเดือดเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน เพราะตอนนี้ในตลาดหลักทรัพย์ ก็มีทั้งเมืองไทยแคปิตอล และศรีสวัสดิ์ ซึ่งทำธุรกิจแบบเดียวกัน เข้าไปก่อนหน้านี้แล้ว
.
.
.
อ้างอิงข้อมูลจาก
.
Content by Narisara Suepaisal
.