หนึ่งสัญลักษณ์ของกลุ่ม LGBTQ+ คือ ธงสีรุ้ง 8 แถบ หรือที่เรียกว่าธง Pride ล่าสุด มีการค้นพบหนึ่งในธง Pride ผืนแรก ที่เคยถูกใช้ในการเดินขบวน Pride ในซานฟรานซิสโก หลังจากที่มันได้หายสาบสูญไปกว่า 43 ปี
หนึ่งในธง Pride ผืนแรกนี้ ถูกคิดค้นและนำออกมาใช้ในการเดินขบวน Pride ครั้งของซานฟรานซิสโก เมื่อ ค.ศ.1978 ภายใต้การออกแบบของ กิลเบิร์ต เบเคอร์ (Gilbert Baker) ศิลปิน และนักกิจกรรมด้าน LGBTQ+ โดยมีการเรียกการเดินขบวนในช่วงแรกว่า ‘วันเสรีภาพเกย์’
ธงชุดดังกล่าวถูกนำไปเดินในขบวน ก่อนจะติดขึ้นบนเสาบริเวณจตุรัสสหประชาชติ ใกล้กันกับศาลาว่าการประจำเมือง โดยธงคู่แรกถูกสันนิษฐานว่า มันน่าจะถูกทำลายทิ้งไปแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะค้นพบมัน และจัดส่งมันมายังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางสังคม GLBT ซึ่งตั้งอยู่ในเขตคาสโตร
ธง Pride ดั้งเดิม ถูกเปิดตัวอีกครั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 มิถุนายน) โดย เทอร์รี่ เบสวิก (Terry Beswick) ผู้อำนวยการของพิพิธภัณฑ์กล่าวว่า ธงสีรุ้งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “สัญลักษณ์ที่จะเป็นภาพแทน ของทุกสเป็กตรัมในชุมชน LGBTQ”
ตัวธงดั้งเดิมมีขนาดอยู่ที่ความยาว 18 เมตร กว้าง 9 เมตร มันเคยถูกจัดแสดงเอาไว้ที่ศูนย์ชุมชน LGBTQ+ ก่อนที่จะถูกขโมยหายไป ส่วนธงอีกผืนถูกนำกลับไปแสดงที่นิวยอร์ก เมื่อ ค.ศ.1994 ในวาระครบรอบ 25 ปี เหตุจลาจลสโตนวอลล์ นอกจากนี้ ธง Pride ผืนดังกล่าว ถูกสันนิษฐานว่าได้ถูกออกนำมาใช้แห่ร่วมขบวน ใน ค.ศ.1978 ซึ่งมี ฮาร์วีย์ มิลค์ (Harvey Milk) นักการเมืองคนแรกที่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์ อยู่ร่วมในงานด้วย
เบเคอร์ ได้นำหนึ่งในธง Pride กลับมายังนิวยอร์ก ตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น อย่างไรก็ดี หลังจากที่เขาเสียชีวิตลงใน ค.ศ.2017 ข้าวของส่วนใหญ่ของเขา ถูกจัดส่งกลับไปยังบ้านของน้องสาวในเท็กซัส จนกระทั่งเมื่อถึงวาระครบรอบ 50 ปี เหตุจลาจลสโตนวอลล์ ทางมูลนิธิ กิลเบิร์ต เบเคอร์ ได้ติดต่อไปยังน้องสาวของเบอเคอร์ เพื่อขอธง Pride มาจัดแสดง
ธงผืนดังกล่าวถูกนำมาแห่ในขบวน Pride เมื่อ ค.ศ.2019 โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า มันคือธง Pride ดั้งเดิมชุดแรก ที่ถูกใช้เมื่อ ค.ศ.1978 มันถูกนำมาทำความสะอาด ก่อนจะพบว่ามีแถบสีรุ้งทั้งหมด 8 แถบสี ซึ่งต่างจากธง Pride ในปัจจุบันที่มีเพียงแค่ 6 สี
“ผู้คนต่างเสียน้ำตา เพราะธงผืนดังกล่าว ที่โบกสบัดเมื่อ ค.ศ.1978 มีความสำคัญและความหมายกับพวกเขามาก” เบสวิกกล่าว ปัจจุบัน ธงสีรุ้ง Pride ผืนดั้งเดิม ได้ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางสังคม GLBT ในซานฟรานซิสโก
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER